“อดัมกับลิลิธ” คือหนึ่งในเรื่องสั้นที่ถูกรวบรวมไว้ในผลงานรวมเรื่องสั้นชื่อสิงโตนอกคอก เขียนโดยจิดานันท์ เหลืองเพียรสมุท ซึ่งได้รับรางวัลซีไรต์ประจำปี 2560 โดย “อดัมกับลิลิธ” มีแก่นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของชาย 1 หญิง 2 และความคิดเรื่องความเหลื่อมล้ำทางเพศโดยเฉพาะเรื่องแนวคิดสตรีนิยม (Feminism) โดยกล่าวว่าผู้หญิงมีสองประเภทคือแบบอีฟและลิลิธ ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกกล่าวมาภายใต้แนวคิดสังคมชายเป็นใหญ่ หรือปิตาธิปไตย (Patriarchy) เริ่มจากการตั้งคำถามในเนื้อเรื่องสู่การสรุปด้วยการตั้งคำถามกับผู้อ่าน ให้ผู้อ่านซึมซาบและกระตุ้นจิตนำนึกเรื่องการกดทับของชนชั้นทางเพศและการกดขี่สตรีจากวาทกรรมรากเหง้าดั้งเดิมคือตำนานเรื่องอดัมกับอีฟที่เป็นกระแสปิตาธิปไตยซึ่งก่อให้เกิดแนวคิดสตรีนิยมขึ้นมา สัญลักษณ์สตรีนิยม เนื้อเรื่องถูกดำเนินด้วยตัวเอก “มิช่า” และเรื่องราวชีวิตของเขา ซึ่งเริ่มจากการที่เขาปฏิเสธตัวบิดาของเขา และดำเนินต่อด้วยการต้องเลือกในความสัมพันธ์ของเขากับ “เวร่า” และ “นาเดีย” ตัวเอกฝ่ายหญิงที่ท้องขึ้นมาทั้งคู่ สุดท้ายจบลงด้วยการที่เขาเลือกนาเดียแล้วปล่อยเวร่า และมอบบันทึกที่ถูกสืบต่อแก่เวร่าไป ตัวเรื่องสั้นเรื่องนี้มีโครงเรื่องใหญ่เป็นชีวิตของมิช่า เด็กก้าพร้าพ่อ และมีโครงเรื่องย่อยเป็นเรื่องขอ “วลาดิมีร์” นักดนตรีในสมุดบันทึก ซึ่งเป็นพ่อของมิช่า โดยดำเนินเนื้อเรื่องผ่านมุมมองของมิช่าที่มีต่อตัวละคร และเรื่องราวต่างๆ ซึ่งจบเรื่องด้วยเนื้อเรื่องปลายเปิดที่ให้ผู้อ่านที่อาจเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับตัวละครได้ฉุกคิดต่อไป ตัวผู้แต่งเองนั้นได้นำเสนอมุมมองตัวละครชายในสังคมชายเป็นใหญ่ผ่านตัวละครมิช่า ตัวแทนของอดัมในยุคปัจจุบัน ที่ไม่ตระหนักถึงความเหลื่อมล้ำทางเพศที่เกิดขึ้น มุมมองจำกัดนี้ทำให้ชายมีส่วนในการกระตุ้นให้เห็นความไม่เข้าใจเกี่ยวกับสตรี เห็นได้จากการที่ เวร่า ซึ่งเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง อยู่ได้ด้วยตนเอง เป็นตัวแทนของลิลิธในยุคปัจจุบัน กลับกลายเป็นผู้ไม่ถูกเลือก ในขณะที่ นาเดีย ซึ่งเป็นตัวแทนของอีฟในยุคปัจจุบัน เป็นผู้หญิงอ่อนแอ บอบบาง และแสนซน มักเป็นผู้ถูกเลือกจากผู้ชายเสมอ ตัวละครหลักทั้งสามถูกอ้างอิงจากคัมภีร์ Genesis ว่าด้วยอดัมกับอีฟ ชายหญิงคู่แรกของโลก และลิลิธ ผู้หญิงคนแรกของโลกที่ถูกทิ้งจากอดัมเพียงเพราะว่าเธอปฏิเสธที่จะอยู่ภายใต้อำนาจของเขา อดัมและอีฟ รูปปั้นลิลิธยุคบาบิโลเนียน ถ่ายโดย Burney Relief คัมภีร์ Genesis ส่วนของฉากในเรื่องเป็นประเทศรัสเซีย ทำให้ผู้อ่านเข้าใจบริบทของตัวละคร ความเป็นนักดนตรี ความสัมพันธ์คนกลางคืนที่ฉาบฉวย ซึ่งเหมาะสมกับบุคลิกตัวละครและทำให้เรื่องสั้นนี้แนบเนียนเหมือนเป็นเรื่องสั้นแปลจากต่างประเทศ ในส่วนของบทสนทนาในเรื่องใช้ภาษาที่มีความลึกซึ้งและเหมาะสมกับบุคลิกของตัวละคร ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจตัวละครและสถานการณ์ที่ตัวละครต้องเผชิญ ซึ่งการใช้สรรพนาม “ผม” และการพยายามนำเสนอความเป็นตัวละครชาย (โดยนักเขียนหญิง) อย่างแนบเนียนโดยสะท้อนคุณค่าด้านต่างๆได้อย่างงดงาม เนื้อหาสนุกน่าติดตาม ด้านวรรณศิลป์ใช้มุมมองทางเพศของตัวละครแต่ละตัวได้น่าสนใจ และในด้านสังคมที่ผู้แต่งพยายามนำเสนอปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้อย่างน่าสนใจโดยเลือกใช้โครงเรื่องแบบรักสามเศร้า ที่เผยให้เห็นมายาคติเกี่ยวกับความเป็นสตรีที่ต้องเป็นผู้อยู่ภายใต้การดูแลของบุรุษนั่นเอง ภาพหน้าปกโดยผู้เขียนขอบคุณรูปภาพประกอบจาก pixabay.com, commons.wikimedia.org(รูปประกอบที่1, รูปประกอบที่2, รูปประกอบที่3, รูปประกอบที่4)อ้างอิง จิดานันท์ เหลืองเพียรสมุท. 2560. สิงโตนอกคอก. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพ: แพรวสำนักพิมพ์