เพราะชีวิตไม่ได้ต้องการแค่วิชาความสำเร็จหนังสือเล่มสีขาว ๆ ที่มีกรอบสีแดง ล้อมรอบตัวหนังสือสีดำอยู่นั้น ผมมั่นใจว่า ท้าทายความรู้สึกของมนุษย์ผู้ใฝ่ความสำเร็จที่มองตัวเงินเป็นเป้าหมายแห่งอิสรภาพอย่างแน่นอนครับผู้เขียนเอง ในฐานะเคยทำงาน เกี่ยวกับองค์กรสร้างสุข และเป็นนักสร้างสุข มาก่อน ซึ่งรู้สึกตกหลุมรักในแนวคิดของตะวันตก ที่ตกผลึกมาเเละเเปลมาเป็นตำราให้คนไทยได้เข้าถึงเล่มนี้เป็นอย่างดี ดร. Ben-Shahar หรือ เขามักจะให้ทุกคนเรียกเขาว่า ทาล (Tal) ซึ่งเป็นอาจารย์จิตวิทยาเชิงบวกของมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง ฮาร์วาร์ด แห่งประเทศอังกฤษ เล่าให้ฟังว่า เดิมทีเขาต้องการพิสูจน์และมีความพยายามจะรักษาความสำเร็จแห่งชีวิตและความสุขให้เป็นสิ่งคู่ขนานกัน จากการศึกษาของเขากลับพบว่า ทั้งสองอย่าง ถูกทำให้แยกออกจากกันอย่างมีนัยสำคัญเหมือนกับโลกคนละใบเดียวกันนั่นก็คือว่า โลกแห่งความสำเร็จ กับ โลกแห่งความสุข ซึ่งหมายถึงสิ่งที่จับต้องได้และไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา แน่นอนว่า ความสุขถูกขีดเส้นว่าเป็นนามธรรม ขณะที่ความสำเร็จก็มักนับเป็นตัวเงินเสียส่วนมากผมได้หนังสือเล่มมา ด้วยการคว้าเงินส่วนตัว ซื้อตั๋วโดยไม่ลังเลว่า180 บาท จะสูญเปล่าไปกับการแลกที่นั่งไปมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดเมื่อปีที่แล้ว และนำความรู้และเทคนิคในตำรามาใช้ในงานที่ทำ และบอกต่อกับผู้ที่พอจะผ่านมาพบตัวหนังสือที่ผมเองพยายามเล่า และ พยายายามจะบอกว่า "ความสุข เป็นสิ่งสากล"คุณหมอประเวศ วะสี ซึ่งเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเรา และเป็นราษฎรอาวุโส กล่าวในคำนิยมของตำราจากฝั่งตะวันตก มีใจความที่ทำให้ผมต้องหยิบมาเป็นสมบัติส่วนบุคคลไว้อย่างยอดเยี่ยมว่า " เป็นความโชคดีที่ สังคมตะวันตก ที่เน้นการทำงานกับความคิด และสังเคราะห์ คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ ที่นำความเจริญมาสู่โลกของเรา ได้หันมาให้ความสนใจกับเรื่องราวของความสุข นั่นหมายความว่า โลกวัตถุ ซึ่งตอบสนองให้เกิดความสุขภายนอกนั้น ยังไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง ซึ่งฐานคิดแบบตะวันออกของเรา โดยเฉพาะคนประเทศไทย คงได้รับประโยชน์จากความสุขในแบบที่ตะวันตกคิดเช่นเดียวกัน เพื่อที่จะบูรณาการและทำความเข้าใจในความสุขของพวกเราให้สมปรารถนาร่วมกัน" ซึ่งหนังสือเล่มนี้ พร้อมที่จะส่งต่อมีถ้อยคำหนึ่งที่สัมพันธ์กับจิตวิทยาเชิงบวก ซึ่งเนื้อหาในเล่มกำลังพาเราดำดิ่งไป ท่อนนั้นมีความหมายจากนักจิตวิทยาเชิงบวกชั้นนำ อย่าง ฮาลี ซิกเซนมิฮาย ฮาลีฯ ได้ตั้งคำถามง่าย ๆ แต่ยากที่จะตอบว่า[ถ้าเราร่ำรวยกันมากนัก ทำไมเราถึงไม่มีความสุขล่ะ]ผมเอง จากประสบการณ์ด้านการศึกษาที่จบด้านศาสนา จากมหาวิทยาลัยมหิดล ย่อมรู้ดีว่า หลักการทางศาสนานั้น มีความสุขทั้งชนิดหยาบและละเอียดอยู่ด้วยกัน ซึ่งไม่ได้แตกต่างจากที่ตำรา ฮาร์เวิร์ดว่าไว้มากนัก นั่นคือ ความสุข คือ ความพอใจ และ ส่วนใหญ่ก็มักจะพอใจในวัตถุเสียด้วยซ้ำ ซึ่งประการต่อมาคือ ความสุขแท้ ที่ข้ามพ้นความพอใจ นั่นคือ ความสงบ ระงับ เย็น หมายถึง อาการแห่งสถาวะการเข้าถึงนิพพาน ตามความเชื่อของชาวพุทธองค์ประกอบของความสุขที่ตำรา ฮาร์วาร์ดลิขิตไว้คืออะไรดร. ทาล เบน ซาร์ฮาร์ ได้เขียนตำรา เล่มนี้เสมือนงานวิชาการ กล่าวคือ มีการอ้างอิงงานวิจัยตีพิมพ์ไม่น้อยกว่าสามสิบเรื่อง แต่ทว่า เรื่องเล่าในการส่งต่อแต่ละบทสู่บทนั้น มันทำให้ผู้อ่านได้ซึมซับกับบรรยากาศของการนั่งฟังเขาบรรยายในเธียร์เตอร์ไม่มีผิด แทบไม่น่าเชื่อนะครับว่า จากการเปิดรายวิชานี้ ครั้งแรกของเขา มีคนสมัครเรียน จำนวน 8 คน และยกเลิก ไป 2 คน จากนั้น ในปีต่อมากว่า 800 คนถูกชักชวนมาเรียนแบบปากต่อปาก และสุดท้ายก็เหมือนการเกิดขึ้นแห่งมหรสพทางปัญญาที่เรียกว่า "วิชาความสุข" สิ่งเหล่านี้กำลังบอกว่า มนุษย์ในโลกกำลังโน้มเอียงไปสู่สภาวะทุกข์กระนั้นหรือ เขาไม่มีคำตอบที่จะนำไปยัดเยียดให้กับคนอื่น หากแต่ว่า ได้วางแบบทดสอบไว้ในเล่ม ให้ผู้อื่นได้มีวินัยในการฝึกทำ และทดสอบ วัดผล ให้เป็นวิทยาศาสตร์ได้ด้วยตนเองอีกด้วย ในเล่มนี้ มีเนื้อหาที่ประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลัก ๆ ที่อยากเชิญเพื่อน ๆ หามาอ่าน ได้แก่ การนิยาม ความหมายของคำว่า "ความสุข" ผู้เขียน นำเราไปสู่การตั้งเป้าหมาย และวัดค่าของความสุขได้อีกด้วย การประยุกต์ใช้ความสุข ให้สอดคล้องกับวิถีการทำงาน และการใช้ชีวิต เพื่อจะบอกว่า ความสุขนั้นมันเป็นของทุกๆ คน จึงไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกเฉพาะหากแต่การปรับใช้ จะเป็นของเฉพาะบุคคลก็ไม่ผิด การฝึกให้มีความสุข บทนี้สำคัญมาก ๆ รวบรวมความสุขในแบบเคล็ดไม่ลับ เพื่อนำไปใช้อย่างง่าย ๆ สำหรับคนหัวร้อน และหลากจริตผมเองชื่นชม และจังหวัดของตำราเล่มนี้ตรงที่ทำให้เรารู้สึกว่า ได้ออกกำลังกายแล้วมีมุมหลบพัก หากเป็นการเดินป่า ก็เหมือนมีเข็มทิศที่จะบอกเราว่า ข้างหน้ามีบ่อน้ำ หรือ มีร่มเงาไม้ที่ปลอดภัยให้แวะนั่งชมวิว และดื่มน้ำดับกระหาย เช่นกันครับ ระหว่างบรรทัดแห่งอักษรวิชาการ มีช่วงเว้นวรรค ขอเวลาในให้กับผู้อื่น เหมือนกับนักกีฬาที่ต้องการขอเวลานอกเมื่อล้าเหนื่อย หนังสือเล่มนี้ คอยประคองใจเราไม่ให้ทุกข์ได้เลยนะครับนอกจากนี้ ยังมีเรื่องราวของความสันติ ที่โลกเราถวิลหา ให้ผู้ที่มีประสบการณ์อ่านแล้วเป็นสุขไม่พอยังมองโลกที่กว้างใหญ่ของเราด้วยหัวใจของยอดมนุษย์ ไม่ว่าท่านจะเป็นคนเดิม ๆ ที่เคยบอกว่า ความสุขทุกข์ เรารู้อยู่แล้วจากประสบการณ์เผชิญโลกในอดีตจนปัจจุบัน แต่ผมก็ยัง ท้าทายผู้ต่อต้านอยู่เสมอว่า หากความสุขนั้น มันมิใช่เรื่องใหญ่และจำเป็นแล้วไซร้ ไหนเลย มหาวิทยาลัยอันดับชั้นนำของโลกจะนิ่งเฉย โดยปล่อยให้ปรากฎการณ์ นักศึกษามากกว่า 1,400 ในห้องหลุดมือไป เพียงเพราะว่า เขากำลังขาดในสิ่งที่ใครก็ให้ไม่ได้ แต่วิชาความสุขให้ได้ขอให้ทุกท่านมีความสุขในการอ่านครับภาพโดยผู้เขียน เล่าเรื่องโดย ชาตรี ลุนดำขอบคุณภาพประกอบจาก Pixel.com