เมื่อกล่าวถึงวัดที่มีความสำคัญมาตั้งแต่ยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวัดโพธิ์ หรือวัดเชตุพนวิมลมังคลาราม คือวัดหนึ่งที่มีความสำคัญมาก ด้วยสถานะของการเป็นพระอารมหลวงชั้นเอก ระดับราชวรวิหาร และเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปสำคัญอย่างพระพุทธไสยาส พระนอนที่มีความยาวถึง 150 เมตร ที่พระบาทขององค์พระนอนยังมีการใช้มุกประดับเป็นภาพมงคล 108 ประการอีกด้วย ภายในวัดยังมีองค์เจดีย์ประดิษฐานอยู่ถึง 99 องค์ โดยเป็นเจดีย์ประจำรัชกาลในยุครัตนโกสินทร์ถึง 4 รัชกาลด้วยกัน แต่นอกเหนือจากความสำคัญทางพุทธศาสนาดังที่ได้กล่าวมาแล้ว วัดโพธิ์ยังเป็นสถานที่สำคัญในด้านอื่น ๆ ดังนี้ 1. แหล่งศึกษาหาความรู้ แน่นอนว่าในอดีตเมื่อการตั้งโรงเรียนเป็นกิจลักษณะยังไม่มี วัดก็คือสถานที่สำหรับศึกษาหาความรู้ของผู้คนในอดีต เด็ก ๆ มักเริ่มเรียนหนังสือจากพระสงฆ์ที่วัดด้วยกันเกือบทั้งนั้น แต่ที่วัดโพธิ์หลังการบูรณะโดยรัชกาลที่ 3 ท่านได้มีดำริให้นำสรรพความรู้ต่าง ๆ ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณจารึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อไม่ให้กระจัดกระจายและสูญหายออกไปอีก ทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ ค้นหาประวัติศาสตร์ได้เป็นอย่างดี 2. แหล่งรวมความรู้การแพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยอาจดูเป็นศาสตร์ที่ล่าสมัยในปัจจุบัน แต่ยุคอดีตนั้นศาสตร์การแพทย์แผนไทยคือศาสตร์ที่ช่วยรักษาชีวิตของผู้คนได้เป็นอย่างดี แต่ประเทศไทยยังไม่เคยรวบรวมความรู้ทางการแพทย์แผนไทยเป็นลายลักษณ์อักษรมาก่อน ใช้วิธีการสั่งสอนแบบปากต่อปากจากอาจารย์ถึงลูกศิษ์เป็นหลักเท่านั้น แต่ศาสตร์นี้ได้เริ่มถูกรวบรวมขึ้นมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 และสืบเนื่องต่อมาในปัจจุบันในรูปแบบของโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์) มีการจัดจำหน่ายหนังสือความรู้ต่าง ๆ และหลักสูตรการเรียนการสอนในระยะสั้นและระยะยาว มีทั้งหลักสูตรการนวดแบบต่าง ๆ ของร่างกาย วิชาฤาษีดัดตน และหลักสูตรทางเภสัชกรรม และเวชกรรมของไทยโบราณอีกด้วย 3. แหล่งรวมศิลปะไทยจีนแบบร่วมสมัย อีกหนึ่งความโดดเด่นของวัดโพธิ์คือสถาปัตยกรรมที่แตกต่างจากสถาปัตยกรรมแบบไทย ๆ ของวัดอื่น ๆ เพราะเกิดจากการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมของชาวจีนที่ได้เข้ามาตั้งรกรากในไทยเมื่อนานมาแล้วได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการนำเครื่องกระเบื้องลายครามมาตกแต่งส่วนประกอบต่าง ๆ ภายในวัดแล้ว วัดยังนำปฏิมากรรมแบบจีนมาตกแต่งตามส่วนต่าง ๆ กลายเป็นเอกลักษณ์จนได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกความทรงจำโลกในทะเบียนนานาชาติอีกด้วย หากท่านสนใจจะมาเยี่ยมที่วัดแห่งนี้สามารถมาได้ทุกวัน เวลา 08.30-17.30 น. ไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับคนไทย แต่สำหรับชาวต่างชาติมีค่าเข้า 100 บาท สามารถเดินทางได้สะดวกทั้งด้วยรถประจำทางสาย 1, 3, 6, 9, 12, 25, 32, 43, 44, 47, 48, 51, 53, 82 และ 103 หรือจะเดินทางด้วย MRT ก็ได้ด้วยการใช้สถานีสนามไชยแล้วเดินอีกเล็กน้อย หรือจะมาจากทางเรือและขึ้นท่าเรือที่ท่าเตียนก็ได้นะ ที่มาของรูปภาพ ผู้เขียน