วัดราชคฤห์ เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ริมถนนเทอดไท แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี ติดกับคลองบางกอกใหญ่ อยู่ใกล้กับตลาดพลู (ย่านที่มีอาหารการกินชื่อดังหลากหลาย) แค่ราว ๔๐๐ เมตร จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับสายเที่ยว สายบุญ และเป็นสายชิม นอกจากจะได้อิ่มใจด้วยบุญแล้ว ยังจะได้อิ่มท้องอีกด้วย วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ในอดีตเรียกว่า “วัดวังน้ำวน” เพราะตั้งอยู่ติดกับคลองน้ำ ๓ สาย ได้แก่ คลองบางกอกใหญ่ คลองบางน้ำชน และคลองท่าพระ ไหลมาบรรจบกันเหมือนสี่แยก ทำให้บริเวณนั้นเกิดน้ำหมุนเป็นวงเวียน เรียกว่า "วังน้ำวน" บางครั้ง เรียกกันว่า "วัดมอญ" เพราะเป็นวัดที่ชาวไทยเชื้อสายมอญร่วมกันสร้างขึ้น เพื่อใช้เป็นที่บำเพ็ญกุศล และเป็นที่เล่าเรียนของลูกหลาน เนื่องจากวัดในอดีต มีบทบาทและสถานะเป็น “โรงเรียน” สำหรับเล่าเรียนของเยาวชนชาวไทยด้วย พระวิหารเล็ก สร้างในสมัยกรุงธนบุรี เมื่อไปถึงวัด จุดแรกที่จะพลาดไม่ได้คือ พระวิหารเล็ก ศาสนสถานเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงธนบรี ด้านในประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง คือ "หลวงพ่อนอนหงาย" หรือพระพุทธรูปปางถวายพระเพลิง ที่มีมาตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี มูลเหตุของการสร้างพระพุทธรูปปางนี้ เนื่องจากเมืองธนบุรีในสมัยนั้นเกิดโรคระบาด และชาวเมืองขาดความสามัคคี เพื่อเป็นการแก้ดวงเมือง เจ้าเมืองธนบุรีจึงนำความกราบทูลสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงรับสั่งให้หาฤกษ์วางเสาหลักเมืองใหม่ และชักชวนกันสร้างพระพุทธรูปนอนหงายขึ้น นัยว่า เพื่อกลับคว่ำให้เป็นหงาย กลับร้ายให้กลายเป็นดีนั่นเอง หลวงพ่อนอนหงาย ภายในพระวิหารเล็ก ศาสนสถานที่สำคัญต่อมา คือ "พระวิหารใหญ่" สร้างขึ้นในสมัยกรุงธนบุรี ในอดีตมีสถานะเป็น "พระอุโบสถ" แต่เมื่อมีการสร้างพระอุโบสถขึ้นมาใหม่ในสมัยรัชกาลที่ ๓ จึงเรียกกันภายหลังว่า "พระวิหารใหญ่" ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปองค์สำคัญคือ หลวงพ่อโต พระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยอายุประมาณ ๓๐๐ - ๔๐๐ ปี เล่าลือกันว่า หากใครได้มากราบไหว้ บนบาน ขออะไรมักจะสำเร็จเสมอ ชาวบ้านจึงนิยมเรียกว่า "หลวงพ่อโตสมปรารถนา" พระวิหารใหญ่ (พระอุโบสถหลังเดิม) สร้างในสมัยกรุงธนบุรี หลวงพ่อโต พระประธานในพระวิหารใหญ่ ในปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา พระยาตากได้เคยใช้สถานที่ระแวกนั้นเป็นชัยภูมิสำหรับกองทหารไว้ซุ่มยิงต่อสู้กับข้าศึก เมื่อสิ้นสุดสงคราม พระองค์สามารถนำไพร่ฟ้าประชาราษฎร์กอบกู้เอกราชไว้ได้แล้ว จึงสถาปนากรุงธนบุรึขึ้นเป็นราชธานี ต่อมา จึงได้รับสั่งให้บูรณปฏิสังขรณ์ศาสนสถาน และศาสนวัตถุ ของวัดต่าง ๆ ในระแวกบางยี่เรือ ซึ่งได้รับความเสียหายจากภาวะสงคราม ทั้งวัดบางยี่เรือนอก (วัดอินทาราม) และวัดบางยี่เรือกลาง (วัดจันทาราม) ส่วนวัดบางยี่เรือเหนือ หรือวัดมอญ ได้รับสั่งให้พระยาสีหราชเดโช (พระยาพิชัยดาบหัก) เป็นผู้นำ ทั้งบูรณะปฏิสังขรณ์ และสร้างขึ้นใหม่ เช่น สร้างพระอุโบสถ พระวิหารเล็ก เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ อีกทั้งบูรณะพระพุทธรูปนอนหงาย และภูเขาคิฌชกูฏจำลอง หรือเขามอ เป็นต้น (“มอ”เป็นคำที่กร่อนมาจากคำว่า “ถะมอ”ในภาษาเขมร แปลว่าหิน ดังนั้น เขามอ จึงน่าจะแปลว่า "เขาหิน" นั่นเอง) เขาคิฌชกูฏจำลอง หรือเขามอ มีพระสถูปตั้งอยู่บนยอดเขา ดังนั้น เพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณูปการอันยิ่งของพระยาสีหราชเดโช (พระยาพิชัยดาบหัก) ที่เคยได้เสียสละเลือดเนื้อและชีวิต ได้ร่วมกอบกู้และปกป้องผืนแผ่นดินไทย อีกทั้งยังได้อุปัฏฐากอุปถัมภ์บำรุงวัดวาพระศาสนา โดยเฉพาะวัดราชคฤห์ มาจนตลอดอายุขัย ทางวัดจึงได้สร้างพระปรางค์สำหรับบรรจุอัฐิของท่านไว้ (ดูภาพประกอบจากปก) รวมทั้งสร้างรูปเหมือนของท่าน และนายทหารคนสนิท คือ หมื่นหาญณรงค์ ประดิษฐานขนาบข้างซ้ายขวา โดยมีพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ประดิษฐานอยู่ตรงกลาง ณ พระวิหารที่ตั้งอยู่ติดกับคลองบางกอกใหญ่ ภายในวัดราชคฤห์นั่นเอง (ซ้าย) รูปเหมือนพระยาพิชัยดาบหัก (กลาง) พระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ (ขวา) รูปเหมือนหมื่นหาญณรงค์ ใครอยากไปเที่ยว ไหว้ ชม วัดเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์นี้ สามารถไปได้ทุกวัน วัดเปิดตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ - ๑๗.๐๐ น. ถ้าไม่อยากไปรถส่วนตัว สามารถเดินทางด้วยรถเมล์ที่ผ่านหน้าวัด สาย ๙ , ๔ , ๑๔๓ , ๑๑๑ , ๑๗๕ หรือรถไฟสายวงเวียนใหญ่ - มหาชัย ลงที่สถานีตลาดพลู ส่วนรถไฟฟ้า BTS สายสีลม มาลงที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีย่อยตลาดพลู แล้วต่อด้วยรถกระป๋อง ตุ๊กตุ๊ก หรือมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ตามแต่อัธยาศัย ชั่วอึดใจเดียวก็ถึงวัดแน่นอน เครดิตภาพ ขอขอบคุณภาพจาก http://www.watrajkrueh.com ภาพที่ ๑ ภาพปก และภาพที่ ๒ - ๖ ถ่ายโดยผู้เขียน