Boo Planet จะพาไปเที่ยว วัดในกรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรี วัดนางชี หรือ วัดนางชีโชติการาม ที่บอกว่า Unseen คือ เป็นวัดที่ถูกพูดถึงน้อยมากหาข้อมูลได้น้อย ที่อลังการ ก็คือ เป็นวัดที่สร้างสไตล์ "ราชนิยม" ศิลปะสมัยรัชกาลที่ 3 ชัดเจน มีประเพณีชักพระแห่งเดียวของกรุงเทพมหานคร และเคยเป็นฉากในหนังต่างประเทศอย่าง James Bond 007 ตอน A Man With The Golden Gun มาแล้ว วัดนางชี ตั้งอยู่ที่ซอย เทอดไท 41/1 ตรงนี้เป็นเขตภาษีเจริญ ถ้าขับรถไปเลยตลาดพลู เลยแยกวุฒากาศ มีสะพานข้ามคลองด่าน ที่มีกระจกกั้นเสียงด้านข้างสะพานทั้ง 2 ข้าง ลงสะพานไปก็ต้องเลี้ยวซ้ายเลย ซอยค่อนข้างแคบ หรือจะไปเข้าทางซอย 49 วัดนาคปรกแล้วเลี้ยวมาก็ได้ ก็แคบอีกเหมือนกันครับถนนแถบนี้ จากปากซอยตรงเข้าไปสักสองร้อยเมตร ก็ถึงเขตวัดแล้วครับ จะเห็นเรือนไทยกุฎิสงฆ์เก่าแก่ทีเดียว หน้าจั่วมีไม้แกะสลักอย่างสวยงาม หอระฆังก็รุ่นราวคราวเดียวกันกับวัดแบบไทยผสมจีน เดินต่อไปอีกนิดวัดจะอยู่ทางขวา ทางซ้ายตอนนี้จะเป็นที่โล่ง ๆ มองเห็นคลอง เดินไปที่คลอง นี่คือ คลองด่าน หรือคนแถวนี้อาจจะเรียกว่าคลองบางหลวงน้อย ( คลองบางหลวง ก็คือ คลองบางกอกใหญ่ ) คลองด่านพอเลยทางเขตจอมทอง บางบอน ก็จะเรียกว่าคลองสนามชัย เลยออกนอกเขตกรุงเทพฯ ก็จะเป็นคลองมหาชัย เป็นคลองที่มีความสำคัญมาก เป็นเส้นทางการค้าการเดินทาง เดินทัพ จากอยุธยาหรือกรุงเทพฯ ลัดไปออกแม่น้ำท่าจีน จากแม่น้ำท่าจีนก็มีคลองตัดไปแม่น้ำแม่กลองอีก จะไปบางกุ้ง ราชบุรี กาญจนบุรี สมัยก่อนก็ใช้ทางนี้แหละครับ เล่ามาซะยืดยาว จะบอกสมัยก่อนหน้าวัด ก็คือ ทางด้านคลองนี้ ไม่ใช่ทางถนน และตรงนี้ก็เป็นฉากในหนัง เจมส์ บอนด์ 007 ตอน เพชฌฆาตปืนทอง ปี ค.ศ. 1974 นำแสดงโดย โรเจอร์ มัวร์ ส่วนใหญ่คนจะจำได้ว่าถ่ายทำที่เกาะทางภาคใต้ที่สวยงาม แต่ในกรุงเทพฯ ก็มีหลายฉาก แต่สภาพก็เปลี่ยนไปเยอะ แต่ก่อนมีศาลา แต่ตอนนี้เหลือแต่เสามานานแล้ว ดูคลองแล้ว เรากลับหลังหัน เข้าวัดกันได้ครับ ทราบประวัติกันคร่าว ๆ แล้วกันนะครับ วัดนางชี สันนิษฐานว่า มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาช่วงกลาง ๆ เป็นเรื่องเล่าแบบตำนานนะครับว่า เจ้าพระยาพิชิตชัยมนตรี มีลูกสาวชื่อแม่อิ่ม ป่วยไม่รู้สาเหตุ รักษาไม่หาย มีชีปะขาวมาเข้าฝันพระยาพิชัยมนตรีให้บนให้ลูกสาวบวชถ้าหายป่วย พอหายป่วยเลยให้ลูกสาวบวช และสร้างวัดขึ้น เป็นที่มาของชื่อวัดนางชี ต่อมายุคปลายอยุธยาก็กลายเป็นวัดร้าง มายุครัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 มีพ่อค้าชาวจีนบูรณะใหม่ทำแบบจีน ถวายเป็นพระอารามหลวง รัชกาลที่ 1 ก็พระราชทานนามว่า วัดนางชีโชติการาม พอถึงสมัยรัชกาลที่ 3 มีการบูรณะใหญ่อีกครั้ง ในรูปแบบ "ราชนิยม" อธิบายหน่อยนะครับ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เป็นพระมหากษํตริย์ที่ทำการค้าขายกับจีน ทำให้สยามมีความมั่งคั่งมาก รัชกาลที่ 2 มักเรียกท่านว่า เจ้าสัว เลยทีเดียว และทรงโปรดปรานการสร้างวัดที่มีลวดลายและศิลปะแบบจีนมาก ที่เด่นชัด ก็คือ ไม่มี ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ แต่จะเป็นปูนปั้น หน้าบันก็มีลวดลายตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบจากจีน วิทยาการการก่อสร้างก็พัฒนาขึ้นมาก มีเสาพาไลรับน้ำหนัก มักจะเป็นเสาเหลี่ยมขนาดใหญ่ ไม่มีบัวปลายเสา ผนังก็เจาะหน้าต่างได้เยอะ ก็จะมีลวดลายปูนปั้นเหนือหน้าต่างประตู ถ้าเห็นประมาณนี้ก็รู้เลยว่าเป็นสไตล์ "ราชนิยม" ที่สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 3 จะทำให้เราเข้าวัดด้วยความสนุกมากขึ้นครับ อย่างตามแนวคลองด่านนี่ ก็มีทั้งวัด นางชี วัดนางนอง วัดราชโอรส สามารถไปชมกันได้เป็นซีรีย์เลย ซุ้มประตูโค้งแบบจีนก็อีกอย่างนึงที่เรามักเห็นบ่อย ๆ บางวัดจะโค้งแบบวงกลมเหมือนในหนังจีนเลยก็มี มองเข้าไปเขตพุทธาวาส พระอุโบสถ หรือโบสถ์ กับ วิหาร แทบจะเด่นเท่า ๆ กัน เลย ถ้าไม่เห็นซุ้มเสมา ซึ่งเป็นเครื่องบอกอาณาเขตของโบสถ์ก็เดาไม่อออเหมือนกันครับ ดูที่วิหารกันก่อน ประตูลงรักปิดทอง ทวารบาลหรือเสี้ยวกาง (Gardian Spirit) เหยียบสิงห์ หน้าบันจะมีกระเบื้องเคลือบรูปสำเภา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้ หน้าประตูมีอับเฉาหรือตุ๊กตาจีน พระอุโบสถ หน้าบันก็ประดับกระเบื้องเคลือบสวยงาม เพดามีวาดดาวเพดานและลวดลายสวยงาม ประตูมีภาพเสี้ยวก่างเหยียบสิงห์แต่เป็นภาพนูนต่ำ เหนือประตูมีปูนปั้นพันธ์ไม้สีสันสวยงาม หน้าต่างลงรักปิดทองลายมังกรแบบจีน แล้วจะมีกรอบกระจกใสหรือพลาสติกไม่แน่ใจมาใส่ปิดซ้อนไว้อีกชั้น เป็นการดูแลรักษาอย่างดี ดูรวม ๆ วัดนี้มีการดูแลอย่างดีครับ ค่อนข้างสะอาดตาไปหมด ถึงบอกว่าคนพูดถึงน้อยไปหน่อย ส่วนพระประธานด้านในและจิตรกรรมฝาผนัง ไม่มีข้อมูลและวัดไม่ได้เปิดให้เข้าชม คือ ส่วนใหญ่วัดที่ไม่ได้เป็นวัดที่ไม่ได้มีนักท่องเที่ยวมาชม ส่วนใหญ่โบสถ์หรือวิหาร ก็จะไม่ค่อยเปิด จะเปิดตอนวันพระหรือต้องขออนุญาต เวลาพระทำวัด ผมก็ต้องใช้วิชาท่ายากของพวกช่างภาพเขาบอกมา พอถ่ายออกมาได้ พระประธานเป็นปางสมาธิ ที่แปลก คือ มีพระพุทธรูปปางไสยาศน์อยู่ด้านหลังอีกองค์ จิตรกรรมฝาผนังในโบสถ์เห็นแต่เทพชุมนุมด้านข้าง แต่ไม่รู้ว่าเขียนตั้งแต่สมัยบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 3 เลยหรือเปล่า จริง ๆ พอมองเห็น แต่ผมไม่ได้มีความรู้เรื่องจิตรกรรมเท่าไหร่ครับ สำหรับประเพณีชักพระ หรือ งานสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ ที่ว่ามีแค่วัดเดียวของกรุงเทพฯ สมัยก่อนที่ชาวบ้านยังดำเนินชีวิตด้วยวิถีทางน้ำ งานจะครึกครื้นมากเป็นขบวนเรือหลายสิบลำ ปัจจุบันเป็นเรือเครื่องแต่ก็ยังเป็นงานใหญ่ บางปีผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ก็มาร่วมงานด้วย งานจะมีแรม 2 ค่ำเดือน 12 หรือหลังวันลอยกระทง 2 วันของทุกปีหรือประมาณช่วงเดือน พฤศจิกายน จะเป็นการเชิญพระบรมสารีริกธาตุซึ่งอยู่ในผอบแก้ว ขึ้นบุษบกแห่ไปทางเรือออกจากคลองด่าน ไปคลองบางหลวง คลองชักพระ คลองบางกอกน้อย หยุดเพลเลี้ยงพระ ที่วัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชัน เสร็จแล้วล่องออกไปตามคลองบางกอกน้อย ออกแม่น้ำเจ้าพระยา มาเข้าคลองบางหลวง คลองด่าน เป็นวันเวย์ ก็คือการ แห่รอบเกาะนั่นเองครับ ขอขอบคุณที่ติดตามและอ่านครับ เรื่องและรูป โดย Boo Planet