“เราต้องการให้แตกต่างจากร้านอื่นที่ขายกันอยู่ ลูกค้าเลือกให้เรา ไม่ใช่เราไปเลือกมาให้ลูกค้า” “มันเป็นไปตามเทคโนโลยี ไม่ใช่เราคนเดียวที่โดน มันมีหลายคนที่ได้รับผลกระทบจากตรงนี้ แต่มันก็สร้างตลาดใหม่ขึ้นมา” “เราตั้งใจไว้ว่าเราจะเป็นคนสุดท้ายที่ก้าวออกจากตรงนี้ ถ้าผู้คนปฏิเสธหนังแผ่นเมื่อไหร่ เราก็พร้อมไปเมื่อนั้น” หากใครถามถึงแหล่งขายดีวีดีภาพยนตร์ในยุคนี้ คำตอบที่ได้กลับมาอาจจะเป็นการล้อเลียนกลับว่า “ยังดูแผ่นอีกหรอ?” เพราะยุคนี้เต็มไปด้วยระบบสตรีมมิ่งบนออนไลน์แพลตฟอร์มมากมายให้เลือกใช้มากมาย คุณภาพสูง และราคาก็จับต้องได้ชนิดที่ว่า กำเงินที่ใช้ซื้อแผ่นดีวีดี ไปสมัครระบบสตรีมมิ่ง คุ้มค่ากว่าหลายเท่า (แต่ไม่แนะนำของผิดลิขสิทธิ์นะ) แต่ในคำถามเดิมนั้น ก็ยังมีคำตอบที่นอกเหนือจากการล้อเลียนหรือไล่ให้ไปดูทางออนไลน์ เพราะมีอยู่ร้านหนึ่งที่ยังทำการขายดีวีดีภาพยนตร์อยู่ และเป็นสถานที่ที่หลายคนนึกถึง หรือต้องการหาชมภาพยนตร์ที่หายาก ทางร้านก็ยังมีจนทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกทึ่งที่ร้านสามารถหามาจำหน่ายได้ และร้านนั้นคือ “ลิโด้ ดีวีดี” ที่ตั้งอยู่ชั้น 1 โรงภาพยนตร์ลิโด้ ย่านสยามสแควร์ “ในแรกเริ่มขาย เราไม่ได้อยู่ตรงนี้ เราขายอยู่ที่เซ็นจูรี่ แล้วก็ย้ายมาที่สยาม แต่ที่ตรงหน้าลิโด้ยังไม่มีใคร ก็เลยเอาตรงนี้ ตอนแรกไม่มีชื่อร้านหรอก แต่ลูกค้าที่มาซื้อเขาก็เรียกกันติดปากว่าดีวีดีที่ลิโด้ ก็เลยกลายเป็นลิโด้ดีวีดี ตอนนี้ก็ 10 ปีแล้วที่เปิดมา” กิตติ พิพัฒน์ธาราสกุล หรือในชื่อเรียก “เฮียทิ้ว” เจ้าของร้านลิโด้ดีวีดี เล่าถึงที่มาของร้าน ที่ลูกค้าขาประจำยอมรับว่าร้านลิโด้ดีวีดี อยู่ยงคงกระพันยิ่งกว่าวิชาอาคมอื่นใด เพราะตลอดระยะเวลาที่เปิดร้านมา ก็เจอเรื่องใหญ่ เช่น การปิดตัวของลิโด้เมื่อปี 2561 ที่ทำให้ร้านต้องออกมาขายด้านหน้าทางเข้า จนถึงช่วงที่ลิโด้ทำการปรับปรุง ทางร้านก็ย้ายไปอยู่ใต้บันไดโรงภาพยนตร์สกาล่าอันคับแคบ ก่อนที่จะกลับมาอยู่ในลิโด้อีกครั้งหนึ่ง “ไม่เคยคิดจะไปจากที่นี่เลย ลูกค้ารู้จักเราก็ที่ลิโด้ ขนาดย้ายไปสกาล่า เขายังถามเลยว่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นสกาล่าดีวีดีมั้ย เราก็บอกว่าไม่ เราใช้ชื่อนี้มานาน ย้ายไปอยู่ใต้บันไดสกาล่าระยะหนึ่ง แต่เราก็ยังกลับมาที่ลิโด้เหมือนเดิม" เฮียทิ้วเล่าถึงการย้ายไปมาของร้านในช่วง 2 ปีที่ผ่าน เนื่องด้วยการเปลี่ยนแปลงของลิโด้ที่ตอนแรกจะปิดตัว จนสุดท้ายก็กลับมาเปิดอีกครั้ง และด้วยความผูกพันของลูกค้าทั้งหลาย ก็ยังทำให้ลิโด้ยังเป็นที่จดจำและติดตามอยู่เสมอ ซึ่งปัจจัยหลักคือภาพยนตร์นอกกระแสที่เป็นสินค้าหลักของร้าน ชนิดที่เป็นคำพูดของคอหนังนอกกระแสกันว่า “ถ้าอยากหาหนังนอกกระแส ให้มาที่ลิโด้” “ร้านเราตั้งอยู่ลิโด้ ซึ่งสมัยก่อนนี่ ลิโด้ก็ฉายภาพยนตร์เหมือนกับโรงอื่นนะ แต่อีก 50% ที่เหลือ ลิโด้ฉายภาพยนตร์นอกกระแสด้วย ซึ่งมีไม่กี่ที่ที่ฉาย เฮ้าส์, สกาล่า และก็ลิโด้ และคนที่มาดูก็เป็นคนชอบภาพยนตร์นอกกระแสอยู่แล้ว และลูกค้าที่มาส่วนใหญ่ ก็มักจะถามหาว่ามีเรื่องนี้มั้ย รับเรื่องนี้มาขายบ้างมั้ย ตอนนั้นเราต้องการความแตกต่างจากร้านอื่น ๆ ที่ขายกัน เราก็เลยตัดสินใจรับภาพยนตร์นอกกระแสมาขาย ต้องบอกว่าลูกค้าเป็นคนเลือก ไม่ใช่เราเป็นคนเลือก” แม้จะนำภาพยนตร์นอกกระแสมาขาย จนมีฐานลูกค้าเหนียวแน่น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการมาของสตรีมมิ่งออนไลน์ที่มีการเข้าถึงได้ง่าย ราคาไม่แพง และสามารถเลือกดูได้หลากหลาย อีกทั้งยังมีภาพยนตร์แบบออริจินัลเฉพาะบนแพลตฟอร์มนั้น ๆ อีก ย่อมทำให้ตลาดภาพยนตร์แบบโฮมดีวีดีหรือแม้กระทั่งแผ่นที่มีความคมชัดสูงอย่างบลูเรย์ ก็ต้องประสบปัญหายอดขายที่ต่ำลง ชนิดที่ว่าแผ่นก็อปปี้แบบผิดลิขสิทธิ์ ก็ยังได้รับผลกระทบจากตรงนี้ไม่ต่างกัน "ตอนเปิดร้านใหม่ ๆ รายได้ดีอยู่นะ ขายได้เยอะ แต่พอมีสตรีมมิ่งออนไลน์เข้ามา ก็เริ่มเข้าสู่ช่วงขาลง ร้านอื่น ๆ ก็ปิดตัวลงไปแล้วหันไปขายอย่างอื่นแทน ขนาดของเถื่อนยังอยู่กันไม่ได้เลย แต่เราแตกต่างจากร้านอื่นที่เราขายพวกนอกกระแส ก็ยังพออยู่ได้ ร้านลดลง ลูกค้าลดเป็นเรื่องปกติ ของเราลูกค้าหายไม่มาก มันลดในอัตราที่พอรับได้ เปรียบเหมือนเค้ก ที่ก้อนเล็กลง คนกินก็น้อยลงตามไปด้วย แต่ตราบใดที่เครื่องเล่นแผ่นมันยังมีขายอยู่ แผ่นภาพยนตร์ก็ยังขายได้เช่นกัน" สยามถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของนักท่องเที่ยว ในย่านนี้จึงมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินไปมากันมากมาย เมื่อมีผู้คนมากขึ้น ย่อมมีเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวกมากขึ้น อีกทั้งจะขยายตัวไปมากขึ้น โดยเฉพาะอินเตอร์เน็ตที่มีแต่พัฒนาไปรวดเร็วยิ่งกว่าสิ่งใด จนทำให้การสื่อสารของคนไทยสมัยนี้ง่ายขึ้น และแพลตฟอร์มต่าง ๆ ก็มีมากขึ้น จนเรียกได้ว่าแต่ละพื้นที่ที่เทคโนโลยีไปถึง พื้นที่นั้น ๆ ย่อมมีการพัฒนาตาม “มันเป็นไปตามเทคโนโลยีของมันนะ ไม่ใช่เราคนเดียวที่โดนเล่นงาน มีหลายคนหลายกลุ่มที่โดนจากการมาของเทคโนโลยี แต่ขณะเดียวกัน มันก็สร้างตลาดใหม่ขึ้นมาด้วย เราก็หันไปขายออนไลน์ควบคู่ด้วย ก็มีรายได้ตรงนี้เข้ามา และมันก็ยังมีบางกลุ่มที่เขาต้องการสิ่งที่จับต้องได้ ถ้ามันอยู่บนออนไลน์ ใช่ มันได้ดู แต่เขาจะเป็นเจ้าของมันได้ยังไง เขาก็ออกมาหาซื้อแผ่นเพื่อเก็บสะสมเรื่องที่เขาชอบมาก ๆ อยู่เช่นกัน ผมเคยเอาไปขายที่โรจนะ อยุธยา ลูกค้าไม่สนใจเลย เพราะเป็นอีกกลุ่ม เชียงใหม่ก็แบบหนึ่ง แต่ละเมืองก็จะมีการดูที่แตกต่างกันไปอีก คนดูไม่ผิดนะที่เขาจะเลือกดูนะ มันเป็นเรื่องของกลุ่มผู้ชม” ขณะเดียวกัน โรงภาพยนตร์ลิโด้ก็กลายเป็นสถานที่ในความทรงจำของใครหลายคน โดยเฉพาะคอภาพยนตร์นอกกระแสที่ยังเวียนมาชมภาพยนตร์ที่ฉายข้างบน หรือแวะมาซื้อแผ่นที่ชั้นล่าง จนเกิดการบัญญัติในกลุ่มคอภาพยนตร์นอกกระแสว่าลิโด้คือสถานที่ที่มีภาพยนตร์นอกกระแสมากที่สุด “มันคือความตั้งใจของเราเลย เราหวังว่าเราจะเป็นสถานที่สำหรับภาพยนตร์นอกกระแส แต่ก่อนเราไม่ได้จัดหมวดเลย เราก็วางขายทั่ว ๆ ไป จนกระทั่งเราลองจัดหมวดหมู่เป็นภาพยนตร์รางวัล ภาพยนตร์ของผู้กำกับคนนี้ ภาพยนตร์เข้าใหม่ ภาพยนตร์เอเชีย มันก็ง่ายที่ผู้คนจะเดินเข้ามาแล้วเจอในสิ่งที่เขาต้องการ ตอนนี้ก็ต้องบอกว่าภาพยนตร์รางวัลขายได้เยอะกว่าหมวดอื่น หลายคนมองว่าเราเป็นตำนาน แต่ไม่ใช่นะ เราเปิดมาแค่ 10 ปีเอง เราก็หวังว่าเราจะขายไปได้เรื่อย ๆ เราเคยคิดไว้ว่า ถ้าลิโด้ปิดตัว เราจะขอเป็นคนสุดท้ายที่ก้าวออกจากลิโด้ และถ้าคนปฏิเสธที่จะเลือกชมภาพยนตร์แบบแผ่นดีวีดีเมื่อไหร่ เราก็พร้อมจะไปเช่นกัน” ลิโด้ ดีวีดี เปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของโรงภาพยนตร์ลิโด้ และเป็นสถานที่อันโดดเด่นในย่านสยามที่ยังมีคอภาพยนตร์นอกกระแสแวะเวียนไปเยี่ยมชมและหาซื้อกันอยู่ทุกวัน และเชื่อว่าร้านนี้ก็เป็นสถานที่บ่มเพาะผู้ที่หลงใหลในศาสตร์ของภาพยนตร์ให้เกิดการความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ โดยหวังว่าร้านนี้จะคงอยู่คู่กับกรุงเทพมหานครไปอีกนาน