สวัสดีครับ วันนี้เราจะพาทุกท่านออกไปยังเมืองใกล้ๆ กับโตเกียว โดยเมืองนี้เป็นหนึ่งในเมืองที่เราชอบมากก็คือ "นิกโก" นิกโกเป็นเมืองมรดกโลกที่สำคัญของญี่ปุ่น และเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และชาวญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในทิวเขา ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางทิศเหนือประมาณ 140 กิโลเมตร การเดินทางใช้เวลาประมาณ 2 ชม. เท่านั้นจากโตเกียว การเดินทางใช้เวลาประมาณ 2 ชม. จาก Ueno Station โดยสามารถนั่งชินคันเซนจากสถานีนั้นไปลง Utsunomiya Station จากนั้นต่อรถไฟ Nikko Line สุดสายเลย (ทั้งหมดเราใช้ JR Wide Pass) การเที่ยวของเราในวันนี้จะค่อนข้างรวดเร็ว เพราะเราจะเก็บให้ครบทั้งโซนธรรมชาติ และโซนมรดกโลก เริ่มต้นการเดินทางจาก Ueno Station, Tokyo เราขึ้น Shinkansen Yamabiko 123 รอบ 7.18 น. ถึงสถานี Utsunomiya ตอนประมาณ 8.03 น. ได้ รถไฟที่นี่ตรงเวลามาก โดยเราต้องไปขึ้นรถไฟที่ Platform หมายเลข 19 สามารถสังเกตจากป้ายบอกได้เลย ซึ่งจะมีการบอกชื่อขบวน และหมายเลขเป็นภาษาญี่ปุ่น และอังกฤษสลับกันไปเรื่อยๆ เมื่อถึงสถานี Utsunomiya ให้สังเกตตามป้ายตรงทาง เพื่อเดินตามทางไปขึ้นรถไฟ Nikko Line ได้เลย รถไฟรอบต่อไปตอน 8.24 น. ทำให้เรามีเวลาเดินเล่นรอบๆ สถานีนี้เกือบ 20 นาทีได้ ในเมืองนี้ Utsunomiya นี้ขึ้นชื่อเรื่องเกี๊ยวซ่ามาก ภายในสถานีนี้จึงมีร้านเกี๊ยวซ่าขึ้นชื่อหลายร้านเลย ถ้าใครมีเวลาก็ลองแวะทานกันดูได้ นั่ง Nikko Line จนสุดสาย สถานีปลายทางของเราคือ Nikko Station เรามาถึงตอน 9.11 น. ใช้เวลาเดินทางจากสถานี Utsomiya ทั้งหมด 47 นาที สำหรับการเที่ยวในเมืองนิกโก้ เราจะเที่ยวด้วยรถบัส ซึ่งก่อนอื่นเราต้องซื้อตั๋วรถบัสซะก่อน โดยเราเลือกซื้อตั๋ว "Chuzenji Onsen Freepass" ในราคา 2,000 เยน ใช้ได้ 2 วัน สามารถซื้อได้ที่ Ticket Office ภายในสถานีด้านซ้ายมือเลย หลังจากซื้อตั๋วเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราจะมาขึ้นบัสสาย 2C กัน โดยเราต้องเดินย้อนมาทางขวามือ ถ้าเดินออกมาจาก Nikko Station เพื่อไปยังป้ายบัสที่อยู่ตรงข้ามกับ Tobu-Nikko Station เริ่มกันที่โซนแรก "โซนธรรมชาติ" เรานั่งบัสยาวมาลงป้ายหมายเลข 26 "Chuzenji Onsen" ซึ่งเป็นป้ายสุดท้ายของรถบัสสายนี้ โดยที่ป้ายนี้เราจะแวะไปที่ Kegon Falls และ Lake Chuzenji โดยเราจะไปเที่ยวชม Kegon Falls กันก่อน ซึ่งเราจะเดินไปทางขวาประมาณ 5 นาที ก็จะถึงน้ำตกแล้ว เราสามารถลงลิฟท์เพื่อลงไปชมน้ำตกมุมใกล้ชิดได้ด้วย ซึ่งตั๋วราคาเพียง 550 เยน เท่านั้นหลังจากเดินชมน้ำตกกันสักพักแล้ว เราขึ้นมาหาอะไรทานกัน สะดุดมากับร้านขายปลาย่าง คนนั่งทานกันเยอะเลย เลยต้องขอลองชิมสักหน่อย ปลาย่างร้อนๆ ทานตอนอากาศหนาวๆ ลงตัวสุดๆ จากนั้นเราเดินย้อนมาทางเดิมเพื่อไป “Chuzenji Lake” ครับ ที่นี่เป็นทะเลสาบที่เกิดขึ้นราว 20,000 ปี จากการปะทุของภูเขาไฟ นอกจากนี้ยังเป็นทะเลสาบที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลที่สุดของญี่ปุ่น บรรยากาศรอบๆ ทะเลสาบเงียบสงบมากครับ ต่อมาครับ เริ่มกับโซนที่ 2 กับโซนมรดกโลกกัน นั่งรถบัสย้อนมาที่ป้ายหมายเลข 7 "Shinkyo Bridge" เพื่อจะเข้าสู่โซนมรดกโลก โดยสถานที่แรกในการเที่ยวโซนมรดกโลก ก็คือ "สะพานชินเคียว" หรือสะพานแดงที่ใครๆ เรียกกัน สะพานชินเคียวถือเป็นสะพานศักดิ์สิทธิ์ ที่สร้างมาเพื่อเชื้อพระวงศ์ และเจ้านายชั้นสูง จากนั้นนั่งรถบัสมาลงที่ป้ายหมายเลข 85 จุดท่องเที่ยววัดไทยูอิน และศาลเจ้าฟุตาระซัง โดยวัดไทยูอินจะอยู่ด้านซ้ายมือ ส่วนศาลเจ้าอยู่ด้ายขวา เราเลือกไปชมศาลเจ้าฟุตาระซังกันก่อน หลังจากเที่ยวชมศาลเจ้ากันสักพักแล้ว เราเดินย้อนกลับมาเพื่อจะเข้าชมวัดไทยูอินกัน ซึ่งการเข้าไปในวัดต้องซื้อตั๋วเข้าในราคา 550 เยน บวกกับอากาศที่หนาวมากๆ เราเลยไม่ได้ซื้อ และได้แค่ถ่ายรูปทางเข้าไว้แทน หลังจากเดินเที่ยวในบริเวณป้ายนี้แล้ว เราจะไปต่อกันที่ "ศาลเจ้าโทโชกุ" การเดินทางสามารถได้ไป 2 วิธี คือ เดิน หรือนั่งรถบัสจากป้าย 85 ไปลงป้าย 83 ซึ่งด้วยอากาศที่ตอนนั้นหนาวมาก เราจึงเลือกนั่งรถบัสกันครับ สำหรับศาลเจ้าโทโชกุนั้น ถือว่าเป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียง และมีความสำคัญมากๆ นอกจากสถาปัตยกรรมที่สวยงามแล้ว ด้านในวัดยังเป็นที่เก็บหลุมศพของโชกุนอีกด้วย และนอกจากนั้นภายในวัด ยังมีรูปแกะสลักที่มีชื่อเสียงถึง 3 รูปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นรูปแกะสลักลิง, ช้า และแมว หลังจากเยี่ยมชมจนเสร็จแล้ว เราไปต่อกันที่วัดรินโนจิครับ เมื่อไปถึง ทางวัดกำลังก่อสร้างปรับปรุงอยู่ เราเลยทำได้แค่ถ่ายรูปมาครับ จากนั้นเป็นอันจบทริปนิกโก้ครับ เรานั่งรถบัสย้อนกลับมาลงที่ Nikko Station จากนั้นนั่งรถไฟกลับ Tokyo เหมือนขามาครับ ขอจบการเที่ยวนิกโก้ 2 โซน ภายใน 1 วันไว้แต่เพียงเท่านี้ครับ Credit: ART Eat for Fat Facebook Page: Eat Out, Go Round ลุยกิน ฟินเที่ยว Wongnai User: ART Eat for Fat