ข้าวแช่ ฟังดูเป็นอาหารไทยโบราณ ทำให้เราอาจคิดกันไปว่าเป็นอาหารไทยแท้ต้นตำรับ แต่อันที่จริงแล้วพอจะมีหลักฐานอยู่ว่าข้าวแช่เป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลมาจากมอญ และได้เข้ามาสู่สำรับห้องเครื่องในวังของไทยจากการที่มีชาวมอญเข้ามารับราชการในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันข้าวแช่นับเป็นอาหารประจำหน้าร้อนของไทยไปเสียแล้ว เมื่อเริ่มเข้าเดือนมีนาคม ร้านอาหารต่าง ๆ ก็จะเริ่มเปิดขายข้าวแช่ ซึ่งมักจะมีสูตรประจำร้านแตกต่างกันออกไป ปทุมสรัส คือชื่อร้านอาหารภายในวังสระปทุม จำหน่ายข้าวแช่และอาหารว่างแบบโบราณ ร้านจะเปิดให้บริการตามช่วงเวลาคือในช่วงฤดูร้อนซึ่งถือเป็นฤดูกาลข้าวแช่เท่านั้น โดยปกติแล้วจะอยู่ในช่วงกลางเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนมิถุนายนของทุกปี ข้าวแช่ของร้านปทุมสรัส เป็นข้าวแช่จากตำรับข้าวแช่สองตระกูลใหญ่ซึ่งเคยเป็นข้าหลวงในพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา มาผสมผสานกัน โดยลักษณะของข้าวแช่จะเป็นข้าวสองสี คือข้าวขาว และข้าวสีอัญชัน เสิร์ฟพร้อมน้ำลอยดอกมะลิกลิ่นหอมชื่นใจ น้ำแข็ง และเครื่องเคียงมากถึง 7 อย่าง ได้แก่ พริกหยวกยัดไส้ หมูฝอย ไชโป๊วหวาน ลูกกะปิทอด ปลายี่สน ปลาช่อนแห้งผัดหวาน และหอมแดงยัดไส้ รวมทั้งผักเคียงอย่างกระชาย แตงกวา และมะม่วง ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ข้าวแช่ปทุมสรัส ราคาชุดละ 400 บาท ว่ากันว่าการรับประทานข้าวแช่มีลำดับที่ถูกต้อง ซึ่งจะทำให้ทานได้อร่อยที่สุด คือเริ่มจากเครื่องเคียงที่คาวที่สุดก่อน ได้แก่ ลูกกะปิ พริกหยวกยัดไส้ ปลายี่สน หอมแดงยัดไส้ แล้วจึงตามด้วย หมูฝอย ปลาผัดหวาน และท้ายสุดคือไชโป๊วหวานซึ่งเป็นของหวานที่สุด ทั้งหมดทานแกล้มด้วยกระชาย มะม่วง และแตงกวาที่เสิร์ฟมาพร้อมกันอยู่แล้ว สำหรับเราข้าวแช่ชุดนี้ของปทุมสรัสนับเป็นข้าวแช่ที่อร่อยอย่างน่าประทับใจ ด้วยตัวข้าวที่ผ่านการขัดมาจนไม่เหลือยาง ทำให้น้ำไม่ขุ่น และน้ำลอยดอกมะลิที่หอมชื่นใจ สำหรับเครื่องเคียงต่าง ๆ ที่เราชอบมากที่สุดคงจะเป็นหอมแดงยัดไส้ที่สุกพอดี กรอบ หอม และรสชาติกลมกล่อมเป็นอย่างยิ่ง อีกอย่างหนึ่งคงจะเป็นปลายี่สน เนื่องจากเป็นเครื่องเคียงที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ของปทุมสรัส ลูกกะปิก็กรอบอร่อย ไม่เค็มเกินไปและก็ไม่ติดหวานเกินไปนัก สำหรับพริกหยวกยัดไส้ก็มีจุดเด่นตรงที่การห่อไข่ในรูปแบบหรุ่มที่ละเอียดและหนากำลังดี นอกจากข้าวแช่แล้ว ร้านปทุมสรัสยังมีอาหารว่างแบบโบราณอื่น ๆ ที่บางอย่างก็หาทานไม่ง่ายนัก และรสชาติอร่อย รวมทั้งราคายังน่าประทับใจมากอีกด้วย ตัวอย่างเช่น เมี่ยงปทุม ราคา 60 บาท กระทงทองเมี่ยงกระท้อน ราคา 60 บาท แป้งสิบนึ่งไส้ปลา ราคา 40 บาท สาคูไส้หมู ราคา 30 บาท ภาพถ่ายโดยผู้เขียน นอกจากนี้ยังมีของหวานไทยแบบโบราณ คือส้มฉุน ที่เต็มไปด้วยผลไม้หลากหลายชนิด หวานอร่อย ชื่นใจเป็นอย่างยิ่ง ในราคา 120 บาทเท่านั้น ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ในช่วงที่ร้านปทุมสรัสเปิดให้บริการช่วงฤดูกาลข้าวแช่ หากต้องการไปรับประทานอาหารที่ร้าน ให้โทร.จองล่วงหน้า เนื่องจากโต๊ะมีจำนวนจำกัด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้น ปี 2563 นี้ ร้านปทุมสรัสจึงประกาศออกเลื่อนการเปิดให้บริการไปจนกว่าสถานการณ์ของโรคจะคลี่คลาย และงดจำหน่ายข้าวแช่ในช่วงนี้ด้วยเช่นกัน โดยผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลการให้บริการของร้านข้าวแช่ปทุมสรัสได้จาก Facebook พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า