สวัสดีค่า บทความนี้จะบรรยายเกี่ยวการไปญี่ปุ่นแบบยาวนานมาก เพราะเป็นประเทศที่เราชอบมาตั้งแต่เด็กแล้ว ทั้งดูการ์ตูน ภาพยนต์และซีรี่ย์ของญี่ปุ่น เล่นเกมส์ก็เคยเล่น Version Japanese ขนาดฟังเพลงยังฟังญี่ปุ่นเลยค่ะ (ฟังแต่ทำนองค่ะ เพราะทำนองมันเพราะดี) แล้วเราก็มีความตั้งใจว่า ถ้ามีโอกาสก็จะไปเที่ยวที่ญี่ปุ่น เพราะอยากไปสัมผัสกับบรรยากาศ วัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของเค้าว่าเป็นอย่างไร จนกระทั่งโอกาสนั้นมาถึง พี่ชายแฟนชวนเรากับแฟนไปเที่ยวญี่ปุ่น 8 วัน 7 คืน แล้วมันช่วงปิดเทอมของโรงเรียนด้วย เราตกลงที่จะไปทริปนี้ทันที ซึ่งทริปนี้จะประกอบไปด้วย พี่ชายของแฟน แฟนพี่ชาย แฟนเรา และก็เรา รวมทั้งหมด 4 คน ไกด์นำทางคือ พี่ชายแฟน ไม่ได้จองทัวร์ใด ๆ ทั้งสิ้น อยากไปไหนบอกพี่ชายแฟน แล้วเค้าก็จัดให้ มีการพูดคุยเล็กน้อยเกี่ยวกับการเตรียมตัว การเดินทางไปที่นั่น สายรถไฟ ที่พัก เป็นต้น แบ่งเป็นข้อ ๆ ดังนี้ 1. ร้านอาหาร แทบทุกร้านที่ต้องสั่งด้วยเครื่องสั่งอาหาร ซึ่งเราอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก ก็เลยต้องดูรูปภาพที่มีผักน้อยที่สุด (เราไม่กินผักเลย) รสชาติค่อนข้างจืดแต่ยังพอรับได้ ถึงแม้เราจะใส่พริกเผ็ดเท่าใด ก็ยังไม่เผ็ดมาก แต่พอลองวาซาบิของญี่ปุ่น ค่อนข้างแตกต่างกับของไทยนิดหน่อย บางร้านที่อยู่ชานเมือง ก็จะมีคนมารับรายการอาหารที่เราสั่ง ซึ่งมีความสุภาพมาก แต่สื่อสารค่อนข้างยากเช่นกัน เพราะบางคนก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่เราใช้วิธี Basic ก็คือชี้ภาพแล้วพูดว่า No veggie ซึ่งแปลว่า ไม่เอาผักค่ะ 2. การเดินทาง ตลอดทั้งทริป เดินทางด้วยรถไฟและเท้าค่ะ บอกเลยว่าคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำก็คงไม่เป็นไรมาก แต่สำหรับเราปวดเท้าสุด ๆ แทบทุกเช้าตื่นขึ้นมาเราไม่อยากไปไหนแล้ว การเดินทางด้วยรถไฟนั้นค่อนข้างลำบากตรงที่เราต้องศึกษาเส้นทางดี ๆ เพราะมีหลายสายมาก และต้องตั้งสติในการเดินทางจากสถานีนึงไปอีกสถานนี้นึง ซึ่งพี่ชายเราจัดการเรื่องบัตรรถไฟให้นั่นคือ Suica เป็นบัตรที่ต้องเติมเงินและสามารถเช็คยอดเงินผ่านทางโทรศัพท์ได้ นอกจากนั้นก็มี Kansai - Hiroshima Area Pass NTA และ JR - West Rail Pass (ซึ่งพอถึงไทย เราทำหายไปแล้ว) ใช้ในการจ่ายค่าเดินทางโดยรถไฟ ซึ่งสะดวกมาก ๆ ในการเดินทาง แต่บางครั้งเราปวดเท้าและเข่ามาก เดินไม่ไหวแล้วจำเป็นต้องพึ่งแท็กซี่ จ่ายแพงก็ต้องยอมช่วยกันออกเงิน 3. สถานที่ต่าง ๆ ตึกและบ้านต่าง ๆ มีขนาดค่อนข้างย่อมเยาว์ อย่างเช่นที่พักบ้านของเราเป็น Guest House ซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยได้อย่างคุ้มค่า ห้องน้ำมีขนาดกระทัดรัด ไม่มีอ่างแต่มีฝักบัวและเครื่องทำน้ำอุ่นให้ ส่วนสถานที่จุดชมวิวขอชื่นชมเลยว่า มีการอนุรักษ์ ดูแลรักษาได้ดีมาก สวยงามน่าจับตามอง มีการจัดสวนต้นไม้ ดอกไม้และเส้นทางเดินเหมาะแก่การมาเดินชมวิวหรือขี่จักรยานยังได้เลยค่ะ ที่เราชอบมากที่สุดมีปราสาทโอซาก้า พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ไคยูคัง พิพิธภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพราะเรา Custom เป็นมาม่าแบบฉบับของเราได้ค่ะ 4. สภาพอากาศ โชคดีที่ว่าช่วงที่เราไป มันเป็นหลังเกิดพายุที่เป็นข่าวกันในช่วงนั้น ทำให้สภาพอากาศไม่ร้อนเลย เราก็นึกว่าแบบอากาศเย็นเหมือนบ้านเรา พี่ชายแฟนบอกไม่ต้องเอาไป สุดท้ายไปถึงที่นั่นเราคิดถึงเสื้อโค้ททันที เพราะเราเป็นคนขี้หนาวอยู่แล้ว แต่อากาศเหมาะแก่การเดินเอามาก ๆ เพราะมีลมพัดเย็นตลอด ทำให้เราไม่หงุดหงิดเท่าไหร่ แต่เผอิญมีบางวันฝนตกปรอย ๆ นึกว่าเอาแล้วพายุเข้า แต่เปล่าเป็นแค่ฝนเฉย ๆ ก็เลยต้องไปซื้อร่มกันที่ร้านสะดวกซื้อ 5. การสื่อสาร เป็นอะไรที่หงุดหงิดมากสำหรับเรา เพราะเราพูดภาษาอังกฤษ แต่เขากลับพูดตอบเป็นภาษาญี่ปุ่น ประมาณหนึ่งว่าเราฟังรู้เรื่อง มีอยู่ครั้งนึงแฟนเราทำของฝากของเราหายที่สถานี ซึ่งแฟนเราก็จำไม่ได้ด้วยว่าล่าสุดไปวางที่สถานีไหน เราก็ติดต่อกับเจ้าหน้าที่สถานี บอกเลยว่าภาษาอังกฤษของเราพังหมด เพราะเจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่เราเห็นความพยายามในการสื่อสารกับเรา โดยเปิดแอป แล้วเราพูดใส่ สุดท้ายฟังกันไม่รู้เรื่อง แล้วเราต้องตัดใจว่าของมันหายแล้วก็หายไป โดยเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เราต้องมีสติทุกครั้งในการถือของ โดยรวมแล้วการไปต่างประเทศในครั้งนี้ คุ้มและสนุกมากจนคิดถึงอาหารไทยเลยทีเดียว แต่ก็มีหลายอย่างที่เราเสียดายคือ อาหารการกินค่อนข้างหายากเพราะที่นี่จะเน้นแต่เนื้อ ซึ่งเราไม่กินเนื้ออยู่แล้ว ทำให้เราแวะกินอะไรต้องพิจารณาก่อน แต่สิ่งที่เราร้องว้าวมากก็คือร้านขายของเล่นพวก โมเดลการ์ตูนต่าง ๆ คืองานละเอียดมาก มีทุกขนาด ทุกราคา ซึ่งพี่ชายซื้อไปเยอะมาก เเต่เราไม่ได้ถ่ายไว้เพราะเราไม่ใช่สายนี้ สถานที่ที่เราไปค่อนข้างเยอะมากจนเราไม่สามารถบรรยายได้ (มันเยอะจริง ๆ และแต่ละชื่อสะกดยากมาก) แต่ถ้าถามว่าไปอีกมั๊ย ไปแน่นอนค่ะ ที่ต่อไปที่อยากจะไปคือ โอกินาว่า ที่มีของกินเยอะ ๆ และสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจค่อนข้างเยอะค่ะ ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนที่เคยไปโอกินาว่าแล้ว สามารถแชร์ประสบการณ์กันได้นะคะ แล้วเจอกันบทความหน้านะคะ เครดิต รูปภาพหน้าปกและรูปภาพที่ 1 - 7 โดยผู้เขียน By WSRT