เมื่อพูดถึงการแข่งขันวิ่งมาราธอน ส่วนใหญ่ก็มักจะนึกถึงการวิ่งแนวราบในถนนหรือสวนสาธารณะใช่มั้ยครับ แต่ยังมีมาราธอนอีกแบบหนึ่งที่ทั้งแปลกและท้าทายความสามารถของบรรดานักวิ่ง คือมาราธอนแนวดิ่ง ที่เป็นการแข่งขันวิ่งขึ้นตึกสูง มาราธอนแนวดิ่ง ส่วนใหญ่จะจัดแข่งกันบริเวณบันไดหนีไฟของตึกสูง สำหรับในประเทศไทย มาราธอนแนวดิ่งที่มีระยะสูงที่สุดคืองาน "ใบหยก รันอัพ" ซึ่งจัดแข่งขันประจำทุกปี ที่ตึกใบหยก 2 ตึกใบหยก 2 เคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทย แต่ปัจจุบันถูกตึกอื่นแซงหน้า ตกลงมาอยู่อันดับ 4 แต่ด้วยความที่ตึกอื่นไม่ได้มีจัดแข่งวิ่งลักษณะนี้ งาน "ใบหยก รันอัพ" จึงยังเป็นมาราธอนแนวดิ่งที่สูงที่สุดในประเทศไทย ด้วยความสูง 997 ฟุต หรือ 303 เมตร นักวิ่งต้องวิ่งขึ้นตึกทั้งหมด 84 ชั้น นับรวมขั้นบันไดได้ 2,060 ขั้น ประสบการณ์เข้าร่วมแข่งขันมาราธอนแนวดิ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกของผม ถึงจะเคยผ่านมาราธอนแนวราบมาเยอะ แต่การซ้อมเป็นคนละอย่างกัน ใช้กล้ามเนื้อคนละมัดกัน แนวทางการซ้อมที่เหมาะสมคือควรฝึกซ้อมวิ่งขึ้นบันไดบ่อย ๆ โดยผมเลือกใช้บันไดหนีไฟของสำนักงานเป็นที่ซ้อม พร้อมกับแหงนหน้ามองตึกใบหยก 2 จากที่ทำงานทุกวัน ตึกสูงที่มองเห็นอยู่ลิบ ๆ ให้อารมณ์ทั้งฮึกเหิม และหวาดกลัว จนถึงวันจริง ผมเดินเข้าซอยที่มีร้านขายเสื้อผ้าวางขายมากมายตั้งแต่เช้ามืด เดินมุ่งหน้าสู่ตึกใบหยก 2 ที่คุ้นชื่อมาตั้งแต่เด็ก จากการที่พ่อพามาซื้อเสื้อผ้าไปขายต่อ จากหน้าปากซอยได้แหงนหน้ามองตึกด้วยความหวาดกลัวอีกครั้งหนึ่ง สูงเหลือเกิน เดินเข้าซอยมาเห็นความสูงแล้วสยอง นี่เราต้องวิ่งขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุดจริงหรือนี่ เราจะไหวหรือเปล่า? ยิ่งได้อ่านคำขู่จากประสบการณ์ของนักวิ่งคนอื่นที่รีวิวไว้ในอินเทอร์เน็ต วันนี้ผมจะรอดไหม เนื่องจากการวิ่งขึ้นบันไดหนีไฟมีพื้นที่จำกัด การปล่อยตัวจึงทยอยปล่อยทีละกลุ่ม หลังจากปล่อยตัวนักวิ่งสับเท้าขึ้น 15 ชั้นแรกที่เป็นการวิ่งขึ้นลานจอดรถ ฟังดูเหมือนสบายกว่าขึ้นขั้นบันได แต่จริง ๆ ไม่ใช่ครับ เพราะเหมือนการวิ่งขึ้นเนินซึ่งโคตรเหนื่อย เนินทั้งหมดที่ผมเคยเจอมาแพ้ราบคาบ ผมต้องวิ่งแบบออมแรงมาก ๆ เพื่อไม่ให้หมดแรงก่อนจะไปวิ่งขึ้นขั้นบันได เมื่อเข้าสู่การวิ่งบนบันไดหนีไฟ ผมยอมรับเลยว่าซ้อมมาไม่ดี จึงเลือกใช้วิธีเดินเร็ว ๆ ผมไม่วิ่ง แต่ก็ไม่หยุดพัก ยกเว้นหยุดกินน้ำซึ่งมีจุดให้น้ำทั้งหมด 4 จุด วิธีของผมดูจะเหมาะสมกับผมที่ซ้อมมาน้อย งานนี้เป็นงานวิ่งที่เห็นคนหมดสภาพอยู่ตามรายทางเยอะที่สุด นั่งซุกตัวอยู่ตามมุมบันได มีส่วนหนึ่งเดินหลบจากบันไดหนีไฟซึ่งอากาศน้อยเข้าไปสูดอากาศในตัวตึก ถ้าผมเลือกใช้วิธีวิ่ง คงมีสภาพไม่ต่างจากเพื่อนนักวิ่งเหล่านั้นแน่ ๆ แม้ใจจะขาด และปวดขาร้าวรานจากการก้าวขึ้นบันได แต่ในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ วิ่งเข้าเส้นชัยบนชั้นบนสุดที่สามารถมองวิวกรุงเทพฯ ได้ 360 องศา วิวข้างบนนั้นผมเคยขึ้นมาดูด้วยลิฟท์ก่อนหน้านี้หลายปีแล้ว แต่สำหรับวันนี้ที่ขึ้นมาด้วยสองเท้าของตัวเอง ทำให้วิวสวยขึ้น และอากาศรอบตัวสดชื่นกว่าปกติ ผมคิดในใจ ใบหยก นายเตี้ยลงสำหรับเราแล้วนะ และจากนี้ไป ตลอดชีวิต ผมจะโม้ทุกครั้งที่ผ่านตึกใบหยกว่าเคยเดินขึ้น! งานใบหยก รันอัพ จัดขึ้นประจำทุกปี ค่าสมัครคนละ 500 บาท ผมเข้าร่วมการแข่งขันครั้งแรกเมื่อ 18 มีนาคม 2561 และตั้งใจจะเข้าร่วมทุกปี แต่น่าเสียดายที่การแข่งขันในปี 2563 ต้องชะลอออกไปเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 อย่างไรก็ดี ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารความคืบหน้าได้ทางเฟซบุ๊กของงาน ซึ่งมีอัพเดทข่าวสารอยู่เรื่อย ๆ ครับ หวังว่าจะได้เจอกันที่งานนะครับ เตือนนิดนึงว่าเป็นงานวิ่งที่คนสมัครเต็มเร็วมาก ๆ ครับ รูปภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน