จะเกิดอะไรขึ้น? เมื่อรักแท้ของคุณถูกตัดสินจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยี Osmosis ไม่ใช่แอปหาคู๋เพื่อออกเดทดูตัวกัน แต่มันคือการรวบรวมข้อมูลต่างๆจากระบบประสาทเราและแสดงหน้าคาของคนที่จะกลายเป็นรักแท้ให้เราออกตามหาเพื่อความรักที่สมบูรณ์แบบที่สุด ถึงอย่างไรความรักที่แท้จริงคงเกิดขึ้นไม่ได้หากไร้ซึ่งความเจ็บปวด มันคงไม่มีอะไรที่เราได้มาง่ายๆ แม้จะมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขนาดไหนก็ตาม ขอเชิญทุกท่านรับชม Osmosis ซีรีส์ฝรั่งเศสที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของความรักกับเทคโนโลยีได้แล้ววันนี้ทาง Netflix และสามารถรับชมผ่านกล่อง True ID TV ได้แล้ววันนี้(บทความต่อไปนี้จะไม่มีการสปอยล์เนื้อหาจากซีรีส์) รีวิวซีรีส์นี้มีเรื่องราวที่ค่อนข้างคล้ายกับ Black Mirror ที่ถ่ายทอดออกแบบในรูปแบบซีรีส์ยาวเรื่อนึงจำนวน 8 ตอน นั่นคือการ เล่นในความเป็นไปได้ของสถานการณ์ ที่สามารถเกิดขึ้นได้จริงจากเทคโนโลยี มันคือการสร้างโลก What If? หรือแปลไทยก็คือ "ถ้าเกิด...." โดยในเรื่องนี้ตั้งคำถามภาพรวมไว้อย่างนึงคือ ถ้าเกิดรักแท้ของคุณถูกประมวผลออกมาผ่านคอมพิวเตอร์มันยังจะเรียกว่ารักแท้อยู่ไหม การทำงานของ Osmosis คือการส่งหุ่นยนต์ตัวเล็กๆเข้าไปในระบบประสาทเราและดึงข้อมูลต่างจากสมองเพื่อรวมถึงแปรข้อมูลนั้นๆออกมาเป็น "ใบหน้า" ของมนุษย์อีกคนพร้อมกับบอกเราว่า นี่แหละคือคู่ชีวิตของคุณ ซึ่งมันก็ทำให้เกิดคำถามตามมามากมายว่า แล้วเราสามารถเชื่อในเทคโนโลยีได้มากแค่ไหน แล้วเราจะรู้ได้ไงว่ามันจะไม่เกิดข้อผิดพลาด นั่นยังรวมไปถึงปัญหาต่างๆที่มากมายที่ตามมาซึ่งเรื่องนึงที่เห็นได้ชัดคือ Privacy หรือความเป็นส่วนตัว เนื่องจากผู้เข้าร่วมการทดลอง Osmosis นั้นจะมีหุ่นยนต์อยู่ในตัวเสมอซึ่งการทำงานจะถูกควบคุมจากศุนย์กลางด้วย AI ที่ชื่อว่า Martin และคอยประมวลผลฮอร์โมน สภาพร่างกาย อัตราการเต้นของหัวใจ ตำแหน่งGPS ของทุกคนที่ใช้ Osmosis ทำให้พวกเขาแต่ละคนรู้สึกเหมือนถูกจับจ้ออยู่ตลอดเวลา ซ้ำแล้วอาจจะมีปัญหาเนื่องจากโปรแกรมอาจจะถูกเจาะโดยผู้ไม่หวังดีได้ และนำไปสู่อันตรายต่อร่างกาย รวมถึงระบบประสาทของผู้ใช้ Osmosis ซีรีส์เรื่องนี้ยังนำเสนอประเด็นรองเรื่งอื่นที่น่าสนใจอีกอย่างเรื่องของ Virtual Sex ซึ่งตัวนางเอกนั้นมักจะหมกมุ่นอยู่กับการใช้ VR เพื่อมีอะไรกับ Avatar ที่เธอเลือกได้ตาใจชอบ เทคโนโลยีนั้นถูกนำไปเสนอต่อในแง่ของด้านธุรกิจอีกด้วยเพราะเราจะได้เห็นผับที่ทุกคล้วนใส่เครื่อง VR และมีความสุขกับภาพที่คอมพิวเตอร์สร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง ซึ่งสิ่งนี้นั้นก็ไม่น่าใช่ความรักแต่เป็นเพียงความใคร่ และยังมีเทคโนโลยีกระตุ้นความทรงจำที่น่าสนใจมากๆอีกด้วยแต่พูดไปมากกว่านี้คงจะสปอยล์ เรื่องนี้นั้นมีการใช้โลเคชั่นหลักเป็นเมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเมืองนี้อย่างที่หลายคนรู้ดีว่ามันเป็นภาพแทนของ ความโรแมนติก อยู่แล้ว รวมไปถึงหลายต่อหลายคนยังเชื่ออีกว่าคุณสามารถตามหารักแท้ได้ในปารีส ซึ่งมันตรงกับโทนและสารที่ซีรีส์ต้องการจะสื่ออกมามากๆ ถือว่าเลือกโลเคชั่นได้ยอดเยี่ยมไปเลย นอกจากภาพรวมที่เป็นมุมของเทคโนโลยีแล้ว ซีรีส์เรื่องนี้ยังมีประเด็นสนุกๆอย่างการดิสเครดิตบริษัท Osmosis จากกลุ่มพวกที่ต่อต้านหุ่นยนต์อีกด้วย รวมไปถึงการที่ต้องแข่งขันกับคู่แข่งเพื่อให้บริษัทได้กลายเป็นอันดับต้นๆในตลาด โลกที่เราเห็นในหนังนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นโลกอนาคตแต่มันไม่ได้ไซไฟจัดเหมือนหนังอย่างพวก Blade Runner สภาพแวดล้อมที่เราเห็นนั้นค่อนข้างจะเหมือนกับเใืองในปัจจุบันของเรา จับต้องได้ เข้าถึงได้ ถ้าถามว่ามีข้อเสียไหมสำหรับเรื่องนี้ต้องยอมรับเลยครับว่ามี หลักๆก็ตัวเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างเบาและไม่สามารถเล่นประเด็นที่น่าสนใจอย่างการกำหนดรักแท้ได้หนักแน่นเท่าที่มันควรจะเป็น วิธีการที่มันถ่ายทอดออกมานั้นค่อนข้างจะไม่ค่อยทำงานกับคนดู รวมถึงการดำเนินเรื่องที่ค่อนข้างยืดไปหน่อยมันเดินวนอยู่ที่จุดเดิมๆหลายตอนมากกว่าเนื้อเรื่องจะเดินหน้าต่อ และมิติของนักแสดงบางคนั้นค่อนข้างแบนราบ อย่างตัวนางเอกที่เป็นนักวิทยาศาสตร์หญิงที่ควรจะมีความคิดซับซ้อนกว่านี้ ซึ่งอาจจะโทษที่ตัวนักแสดงไม่ได้แต่ต้องดูเรื่องของการเขียนบทตัวละคร อย่างไรก็ตามผมว่ายังไงมันก็ค่อนข้างคุ้มที่จะเสียเวลาดูเพราะมันได้เปิดโลกของความเป็นไปได้ให้มันกว้างขึ้นมาอีกนิด รวมถึงยังมีฉากการถ่ายทำสวยๆมากมายโดยเฉพาะเวลาตัวละครนั้นเชื่อมกันผ่านจิตใจ ภาพที่มันออกมานั้นงดงามราวกับภาพวาด หากใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกอยากดู Osmosis ตอนนี้เปิดให้รับชมแล้วนะครับ ซีซั่น 1 มีทั้งหมด 8 ตอนด้วยกัน ชมได้ทาง Netflix ขอบคุณภาพจาก Netflix และ IMDB ภาพหน้าปก/ ภาพประกอบที่ 1/ ภาพประกอบที่ 2/ ภาพประกอบที่ 3/ ภาพประกอบที่ 4