กว่าจะถึงวันวาเลนไทน์ก็คงจะนานไปหน่อย สำหรับคนที่ชื่นชอบการดูหนังรัก Romantic comedy นะคะ เพราะฉะนั้นเราจะเริ่มหาหนังรักสนุก ๆ ดูตั้งแต่ตอนนี้กันเลย! และเรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าใครจะงัดกลยุทธ์ไม้เด็ดอะไรมามัดใจหญิงกันได้บ้าง ขอแง้มบอกว่าบางคนก็มีกลยุทธ์แพรวพราวพอดู บางคนก็ให้โชคชะตาและคนบนฟ้าเป็นคนลิขิตชีวิตของเขา พูดแค่นี้ก็รู้แล้วว่าจะต้องสนุกอย่างแน่นอน เพื่อน ๆ อย่าลืมติดตามชมกันนะคะ Falling Inn Love รับเหมาซ่อมรัก เครดิตภาพ https://www.doomovie-hd.com/?r=movie_view&id=15725 เรื่องนี้เป็นเรื่องที่โรแมนติกและสนุกมากเรื่องหนึ่งเลยค่ะ หนังจะเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของคนแต่ละคน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงแรมที่เก่าแก่ผุพังในชนบท โดยในขณะที่นางเอกสาวสวยของเราซ่อมโรงแรมที่ซอมซ่อ เธอก็ได้ซ่อมหัวใจพัง ๆ ของตัวเองไปพร้อม ๆ กันด้วยนางเอกที่เราพูดถึงก็คือ กาเบรียล่า หรือ แก๊บบี้ นั่นเองค่ะ หญิงสาวผู้นี้มีพลังที่เต็มเปี่ยม กระตือรือร้นทั้งในเรื่องงานและเรื่องความรัก ซึ่งพรหมลิขิตก็ได้ทำให้ชีวิตของหญิงสาวเปลี่ยนไปภายในเวลาแค่สัปดาห์เดียว บริษัทที่เธอทำงานอยู่ปิดกิจการกะทันหันทำให้เธอตกงานโดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว และความรักที่ถึงทางตัน ดลใจเธอให้เข้าชิงโชครางวัลใหญ่ อย่างโรงแรมเบลเบิร์ดแวลลีย์ฟาร์มในนิวซีแลนด์แบบฟรี ๆ รางวัลนี้เป็นรางวัลสำหรับคนที่เขียนเรียงความได้ถูกใจเจ้าของเก่ามากที่สุด ซึ่งเธอเองได้รับโอกาสทองให้ได้เป็นเจ้าของโรงแรมคนต่อไป! เธอตัดสินใจเดินทางออกจากเมืองใหญ่และในระหว่างการเดินทางเธอมีความสุขมาก แต่ก็ต้องตกใจมากเช่นเดียวกันเมื่อมาถึงโรงแรมของเธอ สภาพโรงแรมที่เก่าและเสื่อมโทรมตรงหน้านี้ มีทั้งของระเกะระกะไม่เป็นที่เป็นทาง ใบไม้ที่ร่วงจนเกลื่อนพื้นและบันไดที่ผุพัง เธอรู้ทันทีว่างานนี้จะต้องเป็นงานช้างอย่างแน่นอน แต่เธอเป็นคนเก่งและจัดการกับปัญหาได้เสมอ เธอจึงเริ่มปรับปรุงที่นี่ให้อยู่อาศัยได้ และมันสนุกตรงนี้เลยค่ะ เธอรู้สึกไม่ถูกชะตากับ เจค ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน ถึงแม้ว่าเจคจะเป็นช่างรับเหมาก่อสร้างที่เก่งที่สุดในเมืองนี้ และเขาก็นิสัยดีมาก จากการที่เธอไม่จ้างช่างรับเหมาอย่างเจค ทำให้เธอต้องทำงานหนักมากเพียงคนเดียวจนไม่สบาย เหล่าเพื่อน ๆ ของเธอที่อยู่ที่นี่ ทั้งนำอาหารและเครื่องดื่มร้อน ๆ มาให้ และเจคก็เป็นคนหนึ่งที่มาช่วยซ่อมของที่พังอยู่ในโรงแรมนี้ด้วย เธอเห็นความใจดีและใจกว้างของพวกเขา พวกเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับเป็นเธอเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว พวกเขาดูแลเธออย่างดีและช่วยเหลือเธอทุกครั้งที่มีปัญหาอย่างเต็มใจ ทำให้แก๊บบี้เปลี่ยนใจอยากให้เจคมาเป็นหุ้นส่วนโรงแรมด้วย เจคเป็นคนที่อบอุ่นและโรแมนติกมาก ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเป็นไปด้วยดี พวกเขาคุยกันถูกคอและปรับปรุงโรงแรมที่รกรุงรังได้อย่างราบรื่น จนกระทั่งเจ้านายเก่าของแก๊บบี้ติดต่อเธอมาเพื่อให้เธอกลับไปทำงานให้เขาในตำแหน่งใหญ่โตในบริษัทใหม่ เหตุการณ์นั้นทำให้เจครู้สึกว่า ทั้งเขาและเธอต่างก็มีทั้งความฝันและความคิดที่ต่างกัน พวกเขาทะเลาะกันและเกิดความห่างเหินขึ้นในความสัมพันธ์ เมื่อพวกเขาซ่อมแซมโรงแรมจนเสร็จ มันสวยงามมาก โรงแรมเล็ก ๆ นี้ให้ความรู้สึกถึงบ้านและความอบอุ่นที่แท้จริง แม้แก๊บบี้จะอยากกลับไปทำงานในตำแหน่งนั้นเพียงใด แต่อีกใจหนึ่งเธอก็รักทุกอย่างของที่นี่เข้าให้แล้ว แก๊บบี้และเจคกลับมาบริหารโรงแรมที่สร้างมาด้วยความรักนี้ด้วยกัน และต่อไปพวกเขาก็จะสร้างประวัติศาสตร์ความรักของคนทั้งสองร่วมกัน ทำให้ความรักของคนทั้งคู่จบแบบในเทพนิยาย เราเชื่อเหลือเกินว่าหนังเรื่องนี้จะสร้างรอยยิ้มให้กับเพื่อน ๆ ทุกคนที่ได้ดูค่ะ Isn’t It Romantic รักฉันซึ้งปนฮา เครดิตภาพ https://anz.newonnetflix.info/info/80200642 หนังรักเรื่องนี้ทำให้เราเห็นภาพได้อย่างชัดเจนในเรื่องของ "ขนาด" นั้น ไม่ได้สำคัญไปกว่า "จิตใจ" เลยนะคะ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้จะเล่าผ่านเรื่องราวของ นาตาลี หญิงสาวที่อาศัยอยู่กับแม่มาตั้งแต่เด็ก และแม่ของเธอก็ตอกย้ำตลอดถึงเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูจะอวบอ้วนเกินไปของเธอ จนทำให้เธอหมดหวังในเรื่องของความรัก เธอกลายเป็นคนที่ปิดใจกับคนอื่น ๆ จนเป็นผู้ใหญ่ นาตาลีก็ยังคงมีความคิดแบบเดิม แถมในชีวิตประจำวันของเธอยังโดนคนรอบตัวแสดงพฤติกรรมแย่ ๆ ใส่เสมอ ทำให้เธอคิดไปเองว่า ที่คนอื่น ๆ ทำไม่ดีกับเธอนั้น ก็เพราะว่าเธออ้วน และไม่ได้สวยหุ่นดีเหมือนนางเอกในหนังในละคร นาตาลีจึงเกลียดหนังรักคอมเมดี้เข้าไส้ เธอคิดว่าการที่หนังจบแบบมีความสุขนั้นไม่ใช่จุดจบที่แท้จริง เธอกลายเป็นคนที่บ่นกับทุก ๆ สถานการณ์และมองโลกในแง่ร้าย แต่อย่างไรเสียเธอก็เป็นคนดี แม้จะเฉยฉาต่อความรักมาตลอด แต่กับเพื่อน ๆ แล้วเธอก็ยังเป็นคนที่น่ารักมากคนหนึ่ง เธอมีเพื่อนสนิทอย่าง จอช เขาทั้งคอยรับฟังเธอบ่นและคอยสนับสนุนเธอตลอดมา แต่นาตาลีหารู้ไม่ว่าจอช เพื่อนร่วมงานในบริษัทคนนี้กำลังแอบชอบเธออยู่ วันนั้นเองที่เธอกำลังกลับบ้านก็เกิดเรื่องอลหม่านขึ้น หัวของเธอชนเข้ากับเสาอย่างแรง แต่เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็พบกับเรื่องประหลาดต่าง ๆ นานา ไม่ยอมหยุด เริ่มต้นกันที่ เบลค ลูกค้าคนที่เคยทำไม่ดีด้วยก็ดูเหมือนจะตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจัง ห้องพักเล็ก ๆ ที่เธออาศัยอยู่ทุกวันก็ดูจะใหญ่โตขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ และนครนิวยอร์กก็มีแต่กลิ่นอายของความรัก คนบนท้องถนนร้องเพลงกันตลอดเวลา ทุกคนปฏิบัติกับเธอเปลี่ยนไปมาก และยิ่งดูก็ยิ่งแน่ใจว่า ตอนนี้ตัวเธอและชีวิตของเธอได้เข้ามาติดอยู่ในหนังรักคอมเมดี้ที่เธอเกลียดเข้าให้แล้ว เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเข้ามาในหนังรักเรื่องนี้ได้อย่างไร แต่เธอพยายามทำทุกอย่างให้ตัวเองกลับมามีชีวิตปกติแบบเดิม แต่ไม่ว่าวิธีไหนก็ไม่ได้ผล จนเธอคิดออกว่า วิธีที่จะทำให้หนังรักโรแมนติกจบลง ก็คือทำให้มันจบแบบหนังรักโรแมนติกจริง ๆ นาตาลีจึงเริ่มเปิดใจ เธอจึงไปออกเดตกับเบลค และจอช แต่กระนั้นเขาทั้ง 2 คนก็ยังไม่ใช่ความรักที่เธอตามหา เมื่อมาถึงตอนท้ายของหนังเรื่องนี้ ทำให้เราเห็นว่าแท้จริงแล้วความรักที่นาตาลีตามหามาตลอดก็คือ การรักตัวเองนั่นเองค่ะ ทันใดนั้นเธอก็ได้กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง และนาตาลีได้เข้าไปคุยกับจอชตรง ๆ ซึ่งทำให้ได้ฟังคำบอกรักทางอ้อมจากปากของเขา เรื่องนี้สอนใจเราได้อย่างดีมากเลยค่ะเพื่อน ๆ ว่าทุกคนล้วนสมบูรณ์แบบในตัวของตัวเอง เพียงแค่เราต้องเริ่มรักตัวเราเองก่อน และสอนให้เราเปิดใจให้กว้าง แล้วเราก็จะได้เห็นอะไร ๆ ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วย The Kissing Booth เดอะคิสซิ่งบูธ เครดิตภาพ https://www.amazon.com/Kissing-Booth-Beth-Reekles/dp/0385378688 เรื่องนี้สมกับเป็นหนังรักแบบ Puppy Love รักใส ๆ ในวัยเรียนจริง ๆ เลยค่ะ ทำให้เราย้อนกลับไปคิดถึงความรักน่ารัก ๆ ในวัยเด็ก เรื่องนี้เราดูแล้วก็ได้แต่อมยิ้มนิด ๆ ฉีกยิ้มหน่อย ๆ และก็มีตอนซึ้งน้ำตาคลอเบ้าอีกด้วยนะคะ เป็นหนังเรื่องหนึ่งที่ไม่ใช่แค่หนังรักของคนสองคน แต่เป็นหนังรักของเพื่อนสองคนที่รักกันอย่างบริสุทธิ์ใจค่ะเริ่มต้นกันที่ แอล กับ ลี เพื่อนรักที่เกิดที่โรงพยาบาลเดียวกัน ในวันและเวลาเดียวกัน แถมแม่ของทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนซี้กัน พวกเขาจึงถูกเลี้ยงมาเหมือนฝาแฝดอยู่ด้วยกันตลอดเวลาไม่ได้ห่างกันเลยตั้งแต่เด็ก และแอลก็สนิทสนมกับ โนอาห์ พี่ชายของลีมากในระดับหนึ่ง ทำให้เธอแอบชอบพี่ของเพื่อนสนิทมากเลยทีเดียว ฝ่ายโนอาห์ซึ่งรักแอลแบบน้องสาวมาตลอด บัดนี้ก็เริ่มมีท่าทีที่เปลี่ยนไป แต่เพราะกฎมากมายที่แอลและลีตั้งขึ้นมาด้วยกัน ก็เข้ามาขัดขวางความรักครั้งนี้ เมื่อวันเปิดภาคเรียนมาถึงแอลกับลีจะต้องคิดกิจกรรมเพื่อเรี่ยไรเงินเข้าโรงเรียน และทันใดนั้นพวกเขาก็คิดไอเดียบรรเจิดว่าจะทำ Kissing Booth โดยการจัดทำซุ้มขายจูบสื่อรักนี้ก็ได้การตอบรับที่ดีมาก ซึ่งจะมีช่วงที่ทั้งลีและแอลต้องขึ้นเวที ลีได้ใจสาวสวยคนหนึ่งไปครอบครองและแอลก็เช่นกัน เธอได้ใจพี่ชายของลีไปเต็มเปา วันนั้นจึงเป็นเหตุให้โนอาห์และแอลได้คบหากันในที่สุด ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองกำลังไปได้สวย แต่เพราะแอลยังไม่สามารถบอกลีเรื่องนี้ได้ พวกเขาจึงต้องทำอะไรหลบ ๆ ซ่อน ๆ ลับหลังเพื่อนสนิท และเมื่อความจริงถูกเปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจจึงก่อเกิดจุดแตกหักของคนทั้งสาม แอลเสียเพื่อนรักและคนรักของเธอไปในเวลาเดียวกัน แอลจึงเลือกจะตามง้อลี เพราะความเป็นเพื่อนที่ตัดกันไม่ขาดทำให้ลียอมใจอ่อนคืนดีกับเธอ และในเวลาต่อมาลีก็เข้าใจแล้วว่ากฎเกณฑ์มากมายที่พวกเขาคิดขึ้น ไม่อาจทำให้ลีทำลายความรักของแอลได้ เขาอยากทำให้ความรักครั้งนี้ของเพื่อนสมหวัง เขาอยากทำให้แอลมีความสุข มีตอนสนุก ๆ ตอนฮา ๆ อยู่หลายตอนเลยนะคะ แต่เราขออุบเอาไว้ก่อน ให้เพื่อน ๆ ได้ลองติดตามกันเอง และในตอนท้ายของเรื่อง แอลก็ต้องแยกจากกับโนอาห์อีกจนได้ เมื่อโนอาห์จะต้องไปเรียนที่ ๆ ไกลแสนไกล พวกเขาบอกไม่ได้เลยว่าความรักที่มีระยะทางมาเป็นอุปสรรคนี้จะราบรื่นหรือไม่ เพียงแต่วันนี้แอลได้รู้แล้วว่า เศษส่วนหนึ่งของโนอาห์จะอยู่ในใจของเธอ และเศษส่วนความรักของเธอก็จะอยู่กับโนอาห์ตลอดไป... เป็นอย่างไรกันบ้างคะ เพื่อน ๆ คิดว่าความรักของคนทั้งคู่จะไปกันรอดหรือไม่ เราคิดว่าหากนี่คือการอ่านหนังสือผจญภัยไกลสุดขอบโลก หน้าต่อไปที่เรากำลังเปิด คงเป็นแค่บทของการเดินเรือสู่มหาสมุทรอันกว้างใหญ่เท่านั้นเองค่ะ When We First Met เมื่อเราพบกันครั้งแรก เครดิตภาพ https://anz.newonnetflix.info/info/80117531 เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่มีความอลหม่านวุ่นวายไม่แพ้เรื่องข้างบนเลยนะคะ แถมยังวุ่นวายมากกว่ามากอีกด้วย จะขอแอบเล่าสั้น ๆ ว่า เรื่องทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นในงานหมั้นของเอเวอรี่ และ อีธาน ปี 2017 ซึ่งวันนี้ยังเป็นวันครบรอบที่พวกเขาเจอกัน 3 ปี และหนึ่งในแขกของเอเวอรี่ก็คือ โนอาห์ เขาเป็นนักเปียโนที่ได้พบกับเอเวอรี่เมื่อ 3 ปี กับอีก 1 วันก่อนวันที่เอเวอรี่จะเจอกับอีธานเพียงวันเดียว และเขายังคงตกหลุมรักเธอตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ โนอาห์ไปงานแห่งความสุขนี้แต่เขากลับเศร้าเหลือเกิน เหมือนกับชะตาฟ้าลิขิต เขากลับไปยังร้านอาหารร้านเดิมที่เคยไปกับหญิงสาว และยังคงเห็นตู้ถ่ายรูปตู้เดิมที่เอเวอรี่เคยสอนเขาให้รู้จักกับสิ่งประดิษฐ์นี้ โนอาห์เข้าไปถ่ายรูปอย่างเหงา ๆ เพียงคนเดียวและเขาขอพรให้เขามีโอกาสอีกครั้งเพื่อให้เป็นคนที่เอเวอรี่ชอบและได้ลงเอยด้วย ด้วยอานุภาพของตู้ถ่ายรูป ทำให้เขาตื่นมาโดยแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าเขาได้ย้อนเวลากลับมาในปี 2014 ก่อนจะเจอเอเวอรี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โนอาห์พยายามคิดว่าจะทำอย่างไรให้เปลี่ยนอดีตได้ เขาจึงเริ่มเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกับครั้งแรกที่เจอเธอ ครั้งนี้เขาทำพลาดอย่างแรง โนอาห์จึงขอย้อนเวลาเป็นครั้งที่ 2 และ 3 แต่แม้ครั้งที่ 3 นี้ โนอาห์จะมีชีวิตที่สวยงามอย่างที่เขาวาดฝันไว้ ท้ายที่สุดเอเวอรี่ก็ไม่ได้รักเขา เพราะเอเวอรี่กับอีธานเหมือนแม่เหล็กคู่รัก เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็จะถูกดูดเข้าหากันเสมอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในครั้งนี้เขารู้แล้วว่าควรจะปล่อยเอเวอรี่ไป เพราะเขาอยากให้เธอมีความสุขและควรจะได้อยู่กับคนที่ใช่ ถึงแม้คนที่ใช่สำหรับเธอจะไม่ใช่เขาก็ตาม โนอาห์นักท่องเวลาย้อนเวลากลับไปเพื่อจะเป็นกามเทพ ช่วยให้ความรักของอีธานและเอเวอรี่จบลงอย่างมีความสุข และเขาก็ได้พบว่าคนที่เหมาะสมกับเขามาตลอดก็คือ แครี่ เพื่อนสนิทของเอเวอรี่ ที่วนเวียนอยู่ในทุก ๆ สถานที่และทุก ๆ สถานการณ์เสมอ ๆ แถมแครี่ยังคอยปลอบใจและทำให้เขาเข้มแข็งขึ้นมาได้ทุกครั้งที่เสียใจในเรื่องความรัก และจริง ๆ แล้ว ถ้าหากเขาปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินต่อไปอย่างที่มันควรจะเป็น เขาก็จะรู้ว่าเวลาในอนาคตที่กำลังจะมาถึง เขาจะได้ครองคู่กับแครี่อย่างมีความสุข ในชีวิตจริงเราคงไม่ได้พบกับอานุภาพของตู้ถ่ายรูปง่าย ๆ คงมีแต่อานุภาพของความรักนะคะ เรื่องนี้จะทำให้เราเห็นความสำคัญของความสัมพันธ์ว่าเป็นเรื่องของจังหวะเวลาและคนที่เราร่วมแบ่งปันด้วยค่ะ บางคนนั้นคิดว่าทุก ๆ อย่างเกิดขึ้นด้วยโชคชะตา แต่บางคนก็คิดว่าเรื่องต่าง ๆ เกิดขึ้นอย่างมีเหตุผล แต่ไม่ว่าใครจะคิดอย่างไร สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นก็คือโอกาส และสิ่งที่เราจะได้เรียนรู้จากความผิดพลาดในโอกาสครั้งนั้น ๆ ค่ะ ครบรสครบเครื่องกันไหมคะเพื่อน ๆ ถึงแม้วันวาเลนไทน์จะทำให้เราคิดถึงเรื่องความรักเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน หรือคนรัก แต่อย่าลืมว่าเราก็สามารถใส่ความรักนี้ลงไปในทุก ๆ เทศกาลตลอดทั้งปีเลยนะคะ หนังบางเรื่องก็สอนให้เราเริ่มรักตัวเองก่อน เมื่อความรักนั้นเติมเต็มตัวตนของเราแล้ว เราก็สามารถแบ่งปันความรักนั้นให้กับคนรอบข้างได้ บางเรื่องก็สอนให้เรารักคนอื่นเหมือนที่เรารักตนเอง เพราะว่าไม่ว่าเราจะทำอะไรผิด เราก็มักจะให้อภัยตัวเองได้เสมอ และบางเรื่องก็บอกเป็นนัย ๆ ว่าให้เราทำทุกสิ่งทุกอย่างนั้นด้วยใจ มีความซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง สิ่งนั้นก็จะชี้นำให้เราทำในสิ่งถูกต้องค่ะ สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ:)