“Bake a wish” ร้านเค้กและขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่นสูตรเมืองโกเบ เป็นอีกหนึ่งร้านขนมหวานที่เหล่าสาวกต้องเคยลองสักครั้งในชีวิต ด้วยราคาที่สมเหตุสมผลกับคุณภาพที่ได้รับ รวมไปถึงบรรยากาศน่ารักๆ เหมือนเราหลุดไปอีกโลกหนึ่ง ใครมาก็ติดใจทุกครั้งค่ะ วันนี้เราและน้องสาวมากันที่สาขาสุขสวัสดิ์ ที่นี่เป็นสาขาแรกของ “Bake a wish” มีทีเด็ดนอกจากขนมหวานสุดฟินแล้ว คือมีบริการอาหารคาวด้วยน้าจ้าา เรียกได้ว่า ครบทั้งคาว หวาน และ เครื่องดื่ม เลยล่ะ พอเข้ามาในร้านเราก็จะเจอกับตู้เค้กเรียงราย เรากับน้องจิ้มแบบไม่แคร์น้ำหนักเลยจ้า อยากเท่าไรก็จิ้มบอกพนักงานไม่ยั้ง เรื่องเงินและความอ้วนไม่เป็นปัญหาค่ะ 555 หลังจากเลือกเสร็จก็เดินหามุมสวยๆ เผื่อถ่ายรูปชิคๆ ด้วย พอเลือกที่นั่งได้แล้วก็ถึงเวลาอาหาร เราเริ่มด้วยของคาวก่อนเลย หิวมากกก “Gyudon” (95.-) ที่ทางร้านเลือกใช้หมูสไลซ์อย่างดี ผัดด้วยหัวหอมใหญ่และซอสรสเข้มข้น น้องสาวขอเริ่มเบาๆ ด้วย “สลัดทูน่า” (95.-) เป็นเมนูทานง่าย สามารถเหลือท้องทานอะไรได้อีก สลัดจานนี้จะมี มะเขือเทศ, กะหล่ำปลีซอย, แตงกวาญี่ปุ่น, ผักกาดแก้ว และพระเอกอย่างทูน่าที่ให้มาเยอะพอควร ทานคู่กับสลัดญี่ปุ่นสูตรเฉพาะ รสชาติดีใช้ได้เลยนะ นั่งไปสักพัก เพื่อนน้องสาวก็ตามมาเสริมทัพค่ะ เลยสั่งสปาเกตตีหอยลายมาเพิ่ม “Spaghetti Red Clam Sauce” (85.-) สปาเกตตีซอสมะเขือเทศผัดกับหอยลาย รสชาติซอสเข้มข้นถูกใจน้องเขาเลยล่ะค่ะ หอยลายอัดแน่นเต็มจาน คือตักตรงไหนก็เจอแต่หอยลาย เมนูนี้จานใหญ่มากค่ะ เห็นในเมนูนึกว่าจานเล็กๆ พอพนักงานมาเสิร์ฟแอบอึ้งเบาๆ พอดีพลิกเมนูมาเจอบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ก็อดไม่ได้ที่จะขอสั่งมาลองหน่อย (ชอบส่วนตัวสุดๆ 555 ก็เป็นมนุษย์เงินเดือนอะเนอะ) “มาม่าทรงเครื่อง” (95.-) ที่นี่จะมีความพิเศษที่น้ำซุปเข้มข้นหอมกระดูกหมู ไม่ใช่น้ำซุปจากซองมาม่านะคะ มาพร้อมเครื่องเต็มจานทั้ง ไข่ดาว, ไส้กรอก, แฮม และ ผัก ระหว่างที่เราทานอาหารคาว ก็ตัดรสด้วยน้ำหวานสุดคิ้วต์อย่าง “คาราเมลช็อกชิพมอคค่าเฟรบเป้” (105) มอคค่าหอมคาราเมลมากค่ะ ตกแต่งด้วยวิปครีม คุ้กกี้ ช็อกโกแลตชิพ ส่วนเราเป็นคนที่ชอบเปรี้ยวๆ เลยสั่ง “โยเกิร์ตเชค” (105) รสเปรี้ยวหวานกำลังดี ให้ความสดชื่น ท็อปด้วยผลไม้รสเปรี้ยว กีวีและสตรอว์เบอร์รี ตอนที่เรากำลังทานของคาวอยู่ ของหวานก็เริ่มทยอยเสิร์ฟค่ะ ด้วยสปีดและความหิวโหย กระเพาะสองเปิดในทันที!!! โอ้ยยย มันดีต่อใจมากจริงๆวันนี้สั่งแต่เค้กที่เราชอบทั้งนั้น ขอแนะนำทุกตัวเลยค่ะ เริ่มด้วย “Chicago” (120) เป็นเค้กช็อกโกแลตที่เข้มที่สุดของทางร้าน ใครที่ชอบเข้มๆ ต้องสั่งเจ้านี่เลย ออนท็อปด้วยมาการองช็อกโกแลตชิ้นเล็กๆ และผลบลูเบอร์รีเอาไว้ตัดรสชาติ ต่อด้วย “Orange blossom” (95) สำหรับใครที่ชอบความเปรี้ยวและความหอมของส้มต้องลอง ได้ฟินเนื้อส้มเปรี้ยวๆ ด้านบนเค้กด้วย ทั้งครีมทั้งเค้กรสมันช่างละมุนปากมากๆ ยิ่งทานหลังจากช็อกโกแลตเข้มๆ ด้วยจะฟินมาก ถ้าใครชอบชีสเค้ก ก็แนะนำเป็น “บาหลีชีสเค้ก” (105) ที่ผสมผสานระหว่างครีมช็อกโกแลตรสเข้ม ชีสเค้กเนื้อนุ่ม ครีมนมรสละมุน และเชดด้าชีส ทานพร้อมกัน เด็ด! น้องเราเป็นคนชอบกาแฟมาก ทุกครั้งที่ทาน “Bake a wish” จะสั่ง “Caramel macchiato” (110.-) เสมอค่ะ และซื้อกลับบ้านทุกครั้ง มันเป็นเค้กกาแฟที่รสชาติเข้มข้น มีเทกเจอร์นิดๆ ของถั่วด้านบน และอีกเมนูนั่นก็คือ “แอปเปิ้ลครัมเบิ้ลชีส” (110.-) เป็นการผสมผสานระหว่างแอปเปิ้ล, ชีสเค้ก และครัมเบิ้ลด้านบน รสชาติไม่หวานมาก ถ้ามาที่ร้าน “Bake a wish” แล้วไม่สั่ง “ชูครีม” (55.-) ก็เหมือนมาไม่ถึงร้านค่ะ ทางร้านมีให้เลือกถึง 6 ไส้ คัสตาร์ด, ช็อกโกแลต, ชาเขียว, รสนม, เมลอน และบลูเบอร์รีชีสเค้ก ซึ่งแน่นอนว่า...ช่วงนี้ต้องมาลอง “บลูเบอร์รีชีสเค้ก” เพราะเป็นรสชาติใหม่เฉพาะช่วงนี้เท่านั้น รสหวานละมุน หอมบลูเบอร์รี ที่สำคัญคือ ไส้อัดแน่นเต็มชู เป็นจุดเด่นของร้านที่ทำให้เราต้องซื้อทานเสมอ ทานกี่ครั้งก็ไม่เบื่อเลยจริงๆ ร้าน “Bake a wish” อยู่ในซอยสุขสวัสดิ์ 19 จากปากซอยเข้าไปประมาณ 50 เมตร ร้านจะตั้งอยู่ทางด้านขวามือค่ะ ส่วนใครที่ขับรถมาก็สามารถจอดรถได้ที่วัดบางปะกอกศาลา 9,11 หรือถ้าจะจอดในซอย วันคี่ต้องจอดฝั่งตรงข้ามร้าน ไม่งั้นตำรวจจะมาล็อคล้อและเสียค่าปรับ 500 ค่ะ