เมื่อการออกเดินทาง คือ บทเริ่มต้นของการผจญภัย เมษายน ปี 2019 ฉันมีงานใหญ่ที่ออกจะชื่นชอบเป็นพิเศษ นั่นก็คือ การพาเดอะแกงค์ไปเที่ยวรัสเซีย สิบวันสำหรับทริปนี้ไม่ธรรมดา เพราะจะว่าไปแล้ว ก็เป็นทริปที่ฉันได้เป็นไกด์นำทางครั้งแรก นั่นแหล่ะ ด้วยความเป็นมือใหม่หัดเป็นไกด์ ตัวไกด์เองเลยได้มีบทเรียนของการผจญภัยอันสุดแสนจะตื่นเต้น ไม่ธรรมดา และเต็มไปด้วยความทรงจำที่มีแต่เสียงหัวเราะตลอดเส้นทาง ก่อนออกเดินทาง ฉันเตรียมพร้อมสิ่งของทุกสิ่งอย่างจัดใส่กระเป๋าเดินทางสีดำที่เพิ่งไปถอยมาใหม่ คราวนี้ล่ะก็…กระเป๋าเดินทางใบนี้จะไม่มีปัญหาเหมือนที่ผ่านมาแล้ว มันจะลากง่ายขึ้น ขนาดก็กำลังพอดิบพอดี และเหมาะเจาะกับการเดินทาง ระหว่างเปลี่ยนเครื่อง มีความยุ่งเหยิงนิดหน่อย (เพื่อนบอกนิดหน่อยเหรอ!!) ด้วยความประหยัดงบประมาณ และความอยากประหยัดเวลา ทำให้ตอนจองตั๋วไม่ได้ดูว่าระยะเวลา Transit ว่ามันสั้นเกินไป สรุปก็คือ ต้องวิ่งเปลี่ยนเครื่องจาก Gate นี้ไปอีก Gate นึง และมันก็..........ไกลมากกกก ระหว่างวิ่ง พี่ที่ไปด้วยจะขอแวะห้องน้ำ ฉันบอกไม่ทันละเจ๊ เข้าบนเครื่อง!!! ณ บรรทัดนี้ จึงขอเรียนมาเพื่อโปรดให้อภัยน้องสาวคนนี้ด้วย บทเรียนที่หนึ่ง : เวลาจะ Transit เครื่อง กรุณาให้มีเวลาไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง เราเดินทางถึงมอสโกสาย ๆ ด้วยความที่เคยมารัสเซียแล้ว ยังจำทิศทางได้ว่าต้องเดินไปจุดไหน อย่างไร โดยเฉพาะตอนที่จะผ่าน ต ม. เพราะหน้าตา ต.ม. ที่นี่ไม่ค่อยจะยิ้มแย้มซักเท่าไหร่ ไม่เป็นไรฉันซักซ้อมกับเดอะแกงค์เป็นอย่างดี จึงไม่มีปัญหาใด แหม การเดินทางอาจจะยุ่งเหยิงเพียงเริ่มต้น แต่ต่อไปนี้คือ สบายละ ถ้ารับกระเป๋าเสร็จ จะมี Taxi จากโรงแรมมารับ ง่ายมาก ชิว ๆ โถ แม่คุณ ช่างไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นนับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป ใช่ค่ะ บนสายพานกระเป๋านั่น กระเป๋าเพื่อนทุกคนทยอยกันมาครบถ้วน เหลือของดิฉัน มันไปไหน!!! นี่อย่าบอกนะว่ากระเป๋าชั้นหาย!!!! (ชั้นเพิ่งถอยมาด้วยนะ แล้วของในกระเป๋าล่ะ เสื้อผ้า เสื้อโค้ท รองเท้า ครีม หนังสือ บลา บลา บลา) ตัดภาพไปที่ Lost & Found ฉันนั่งถอนหายใจ แต่ในใจน่ะร้องไห้ไปแล้ว ฉันแจ้งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ทราบว่ากระเป๋าเป็นแบบไหน เจ้าหน้าที่ขอเบอร์ติดต่อโรงแรมไว้ ถ้าเจอจะส่งให้ เราออกจาก Lost & Found ไปติดต่อเคาน์เตอร์สายการบิน ซึ่งเมื่อเช็คแล้วพบว่ากระเป๋าตอนนี้ตกอยู่ระหว่าง Transit เครื่อง ถ้ามาถึงแล้วจะจัดส่งไปโรงแรมให้ โอเค ถือว่าโล่งใจไปเปราะนึง Flight ถัดไปคงมาถึงดึก ๆ ฉันคงได้กระเป๋าตอนดึก ๆ นี้ เอาล่ะ ในฐานะไกด์ เราก็ต้องยืนหยัดทำหน้าที่ตัวเองต่อไป (กับเสื้อผ้าชุดเดิมชุดนี้ที่ใส่มาตั้งแต่เมื่อคืน) บทเรียนที่สอง : เหมือนบทเรียนที่หนึ่ง กระเป๋าเราวิ่งไม่ทันเหมือนกัน (สงสัยมันแวะเข้าห้องน้ำ) คุณผู้อ่านจะเชื่อมั้ย กระเป๋าดิฉันยังไม่ได้หรอกในดึกดื่นค่ำคืนวันนั้น ชั้นยืมชุดนอนเพื่อนมาใส่ เอาล่ะพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน เดี๋ยวกระเป๋าก็คงมาถึง ว่าแล้วก็เตรียมชุดสำหรับท่องเที่ยวพรุ่งนี้ซะหน่อย!! จะเตรียมอะรายย ยูมีชุดเดียว ชุดเดิมนั่นแหล่ะ 555 เอาวะ ก็ยังโชคดีที่มีแปรงสีฟัน กับครีมจิ๋ว ๆ ในกระเป๋าสะพาย เช้าวันที่สองในมอสโก วันที่ยังรอคอยกระเป๋า วันนี้เป็นวันอาทิตย์ เน้นวันอาทิตย์ Sunday เป็นวันอาทิตย์ แล้วก็เพิ่งรู้ว่าทุกสิ่งอย่างบนโลกจะหยุดนิ่งในวันอาทิตย์ (นึกว่ามีประเทศไทยประเทศเดียวที่คุณสามารถจอดรถตรงไหนก็ได้ในวันอาทิตย์!!! พูดทำไม ) นั่นแหล่ะ โรงแรมช่วยติดต่อสนามบินให้เพื่อถามข้อมูล แต่ก็พบว่าเคาน์เตอร์สายการบินติดต่อไม่ได้ เพราะมันเป็นวันอาทิตย์ เข้าใจมั้ย ขีดเส้นใต้สองเส้น จะว่าไปก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน งานแบบนี้หยุดวันอาทิตย์ด้วยเหรอ เอาล่ะ ปลอบใจตัวเองไปอีกวัน มันคงมาถึงค่ำ ๆ วันนี้ งั้นวันนี้ก็ไปตะลุยมอสโกกัน ว่าแล้วก็บอกคุณป้าหน้าเคาน์เตอร์ว่า ฝากหน่อยนะ ถ้ามาช่วยรับกระเป๋าด้วย คุณป้าแกใจดีแม้จะดูเจ้าระเบียบไปนิสนึง แกรับปากแต่บอกเราว่า วันนี้แกจะออกเวรแล้ว จะแจ้งคนถัดไปให้ แต่คนที่จะมาอยู่เคาน์เตอร์แทนแก สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ !!! โอเคค่ะ ในความโชคร้ายนั้น… ก็ยังมีความโชคร้ายอยู่ ดิฉันก้าวเท้าอะไรออกจากสุวรรณภูมิ มอสโกครั้งที่สองนี้ได้ไปเก็บเกี่ยวสถานที่หลายแห่ง ที่ครั้งที่ผ่านมาพลาดไป เราไปเที่ยวจตุรัสแดง State Historical Museum มหาวิหารเซนต์เบซิล ห้างกุม และที่สำคัญคือ ได้ไปล่องเรือ Flotilla Radisson Royal Cruise ล่องเรือเป็นอะไรที่ประทับใจ สนุกและสวยงามมาก แต่การเดินทางก็มักมีเรื่องตลก ๆ อยู่หลายครั้ง บางอย่างที่เราคิดว่าเรารู้ มันก็ไม่ใช่ซะอย่างนั้น เราไปแวะกินคาเฟ่ร้านนึง และสั่ง Hot Chocolate มันก็ต้องเป็นช็อกโกแลตร้อน ๆ อุ่นในถ้วยใช่ป่ะ แต่ที่พนักงานมาเสิร์ฟคือ ช็อกโกแลต แหล่ะ แต่อยู่ในถ้วยจิ๋ว เหมือนให้เราทาช็อกโกแลตนั้นเพื่อกินกับขนมปัง!! คือ งงกันเป็นไก่ตาแตก โนว โนว ชั้นต้องการช็อกโกแลตร้อน ๆ แล้วแบบนี้ชั้นควรจะสั่งว่าอะไรล่ะ ใครช่วยบอกที เราเที่ยวกันจนค่ำมืดดึกดื่น กลับถึงโรงแรม ก็หวังใจว่ากระเป๋าเดินทางจะรอชั้นที่หน้าเคาน์เตอร์โรงแรมแล้ว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ไร้วี่แวว!!! ชั้นต้องตัดสินใจอะไรบางอย่างละ เราตกลงกันว่าพรุ่งนี้เราจะไปสนามบินอีกครั้ง กระเป๋าเดินทางน่าจะอยู่ที่สนามบินแล้ว เพียงแต่วันอาทิตย์ไม่มีใครมาส่งให้ ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันไปรับเองค่ะ จะไม่เรียกร้องใด ๆ สักคำหรือสักประโยค (เพราะพูดภาษารัสเซียไม่ได้ 555 ) ถึงตรงนี้คงต้องหยิบยืมเสื้อผ้าของเพื่อน ๆ มาใช้ละ เพราะท่าทางจะไม่ไหวกับชุดเดิม ด้วยความปรารถนาดีของทุกคน ชั้นยืมกางเกงคนนั้น เสื้อคนนี้ แจ็กแก็ต และผ้าพันคออีกคน รวมถึงสิ่งที่สำคัญคือ ชุดข้างในด้วยค่ะ ( เค้ายังไม่ได้ใช้นะคะทุกคน เพิ่งถอยกันมา ) ด้วยความเสียสละของพี่ ๆ เพื่อน ๆ ซาบซึ้งใจเป็นที่สุด เกือบยี่สิบสามนาฬิกาวันนั้น กำลังจะล้มตัวลงนอน เจ้าหน้าที่โรงแรมเอากระเป๋ามาส่งให้ แม้กระเป๋าออกจะเขรอะไปซะหน่อย แต่ก็สุดแสนจะดีใจที่ได้กลับมาซะที ไปร่อนเร่พเนจรอยู่ซะหลายเมืองนะเรา เจ้าของอิจฉานะ เมืองที่ Transit ชั้นยังไม่เคยไปเลย : ) บทเรียนที่สาม : 3.1 การไม่ยึดติดกับบางอย่าง อยู่กับสิ่งเท่าที่เรามี แท้จริงแล้วก็สามารถอยู่ได้ 3.2 แต่ควรมีชุดเสื้อผ้าสำรองไว้ในกระเป๋าสะพายซักชุดเผื่อยามฉุกเฉิก โดยเฉพาะชุดข้างใน 3.3 ไม่ควรสั่ง Hot Chocolate ที่มอสโก อีกสองวันเราต้องออกเดินทางเพื่อเปลี่ยนเมืองไปยังเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ไปโดยรถไฟ ฉันเป็นคนประเภทหลงทางเป็นอาจิณ เพราะฉะนั้นจะต้องเจียดเวลาไปดูกับตาให้เห็นว่า สถานีรถไฟนี้อยู่ตรงไหน ออกจาก Metro เราต้องเดินไปอย่างไร เข้าทางประตูไหน เราใช้เวลาบางช่วง เจียดไปดูสถานีรถไฟนั้น เมื่อไปดูแล้ว เราเปลี่ยนแผนของการเดินทางในวันที่จะไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กกันนิดหน่อย ครั้งแรกเราอยากจะนั่ง Metro จากโรงแรมไปยังสถานีรถไฟ ซึ่งก็สะดวก แต่ตอนที่จะขึ้นจาก Metro นี่สิ ต้องขึ้นบันไดหลายขั้นมาก !!! เพราะที่นี่ไม่มีลิฟต์ เราเลยตัดสินใจกันว่าจะเหมา Taxi ให้ไปส่งพวกเรา น่าจะดีกว่า ตกลงแบบนั้นก็แจ้งความประสงค์ไปที่โรงแรม ให้เค้าจัดหา Taxi ให้ แต่ก็ต้องเป็น Taxi ที่ต้องนั่งได้ 6 ที่นั่ง และใส่กระเป๋าเดินทางของเราทั้งหมดได้ด้วย จำได้มั้ยคะ คุณป้าหน้าเคาน์เตอร์บอกว่า เค้าพูดสื่อสารภาษาอังกฤษได้คนเดียว นอกนั้นไม่ค่อยได้ เราจำได้ จึงพยายามให้รายละเอียดเค้าและย้ำว่าเราต้องไปสถานีไหน ซึ่งเค้าก็รับปากอย่างดี แต่เหตุก็เกิดจนได้ ความโชคร้ายที่ดูจะสงบอยู่แล้ว ก็ปรากฎขึ้นอีกครั้ง... Taxi ที่เราพร่ำบอกว่าขอเป็นรถที่รับคนของเราได้ 6 คนพร้อมกระเป๋าเดินทาง กลับกลายเป็นรถ 4 ที่นั่ง แล้วก็ใช้เวลารอ Taxi คันใหม่นานมากกก นานซะจนใจคอไม่ค่อยดี ในที่สุด Taxi คันใหม่มาถึง ชั้นยื่นเอกสารพร้อมกำชับว่าให้ไปส่งที่สถานีรถไฟ เหมือนจะรู้เรื่องกัน รถติดบนถนนมาก และสุดท้ายพาชั้นไปส่ง Metro อีกที่ที่ชื่อสถานีเหมือนกัน!!! แถมเวลา ณ ตอนนั้นเหลือไม่ถึงครึ่งชั่วโมง รถไฟจะออกแล้ว ชั้นตัดสินใจลงรถ แล้ววิ่งขึ้นรถไฟจาก Metro นั้นไปยังสถานีรถไฟที่จะไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เวลามีไม่มากนัก ดูจาก Google Map แล้ว เราต้องต่อขบวนใน Metro อีก 1 ครั้ง และต้องทันกับขบวนนั้นด้วย ชั้นสวดมนต์อยู่ในใจ แต่ก็คิดแผนสองไปว่าถ้าไม่ทันรถไฟแล้ว คงต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อไปขบวนถัดไป แต่อาจต้องนอนรอที่สถานีรถไฟ เพราะขบวนถัดไปกว่าจะออกต้องรอหลายชั่วโมง เราวิ่งไม่คิดชีวิต (และไม่คิดว่าในชีวิตนี้จะต้องมาวิ่งอะไรแบบนี้ ) แน่นอนปัญหาใหญ่นอกจากเวลา ก็คือ บันได!!! ตอนนั้นมันเหมือนแรงพลังมหาศาลที่เราต้องยกกระเป๋าผ่านบันไดเป็นสิบยี่สิบขั้น เราต้องช่วยเพื่อนทุกคนให้ผ่านวินาทีนั้นไปให้ได้ ชั้นวิ่งไปเป็นคนแรก หันไปมองพี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่วิ่งตามมา ใจแอบกังวล กลัวใครคลาดกัน ยังดีที่เรามาสำรวจสถานที่ไว้แล้ว ทำให้รู้ว่าต้องไปจุดไหน ชั้นวิ่งมาถึงชานชาลา หลวงพ่อคงช่วยลูกไว้ ขบวนที่อยู่ตรงหน้า คือ ขบวนที่เราจะไป แต่...เราต้องไปขึ้นตู้ขบวนให้ถูกด้วย ตู้ขบวนเราเลขที่เก้า (ไม่ใช่ เก้าเศษสามส่วนสี่ นะพวกมักเกิ้ลทั้งหลาย : ) ตู้ที่เก้า อยู่ท้ายสุดปลายสายตาโน่นเราต้องออกวิ่งอีกครั้ง ชั้นมองเห็นเพื่อน ๆ ทุกคนวิ่งตามกันมา ก็โล่งใจ เมื่อเราถึงตู้ขบวน เราต่างก็ช่วยกันขนสัมภาระขึ้นไปจนครบทุกคน สองนาทีต่อมา............รถไฟออกจากสถานี เมื่อออกเดินทาง ทุกวินาที คือ การผจญภัย บทเรียนที่สี่ : การเดินทางที่ดีที่สุดคือ Metro ชั้นจะไม่เรียก Taxi อีกต่อไป!! ( ที่เมืองไทยก็เหมือนกัน พูดอีกละ อิ อิ ) เรามาถึงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเกือบหกโมงเย็น เมืองนี้หนาวมาก หนาวมากที่สุดในชีวิตเท่าที่ชั้นเคยสัมผัส โรงแรมที่พักห่างจากสถานีรถไฟไม่เท่าไหร่ แต่เราก็ยังคงเผชิญกับการขึ้นบันไดอีกเช่นเคย เหมือนพระเจ้าอยากทดสอบความแข็งแรงของพวกเรา เคาน์เตอร์โรงแรมอยู่ชั้นสี่ เราต้องช่วยกันแบกสัมภาระอันหนักอึ้งขึ้นบันไดอีกครั้ง แล้วเราก็สามารถไต่ขึ้นไปจนถึงที่พักได้ในที่สุด BRAVO!! ชั้นชอบเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ชั้นว่าชั้นชอบมากกว่ามอสโก ความทรงจำ ณ ขณะที่เขียนนี้ก็เป็นความทรงจำที่เห็นภาพ และจดจำความรู้สึกที่งดงามในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กได้เป็นอย่างดี ชั้นยังจำความรู้สึกได้ดีในวินาทีที่ตื่นขึ้น และมองออกไปนอกหน้าต่าง หิมะตก ชั้นเคยสัมผัสหิมะมาแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง แต่มันเป็นความรู้สึกที่ท่วมท้นมาก ๆ มันเป็นเช้าวันพฤหัสบดีที่สุดแสนจะพิเศษในหลาย ๆ สิ่งที่เกิดขึ้น หลายวันที่ผ่านมาของชั้นมีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นมากมาย การได้สัมผัสหิมะในวันนี้ มันชุ่มชื่นและเบิกบานในหัวใจ มาถึงตอนนี้ชั้นยังจำความรู้สึกนั้นได้ไม่ลืมเลือนและจะไม่มีวันลบเลือน เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก มีสถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงาม เราไป Kazan Cathedral , Savior On The Spilled Blood โบสถ์แห่งหยดเลือด ,Winter Palace พระราชวังฤดูหนาว , St. Isaac’s Cathedral และแน่นอนช้อปปิ้งที่ถนนเนฟสกี้ Nevsky Prospekt วันรุ่งขึ้นเราไปเที่ยวพระราชวังฤดูร้อน Peterhof ซึ่งสวยงามงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง ชั้นชอบพระราชวังแห่งนี้ที่ซึ่งติดกับทะเลบอลติก ทะเลที่สวยสดงดงามเกินจะบรรยาย ดีใจที่ได้มีโอกาสเดินทางมาถึง สิบวันของการเดินทางในมอสโก ~ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สิบวันแห่งการค้นพบความสุข ความทรงจำและเสียงหัวเราะมากมาย แม้กระเป๋าจะหาย แม้เราจะเกือบพลาดรถไฟ หรือแม้ว่าจะเป็นวันที่สวยงามอย่างวันหิมะตก ชั้นว่าทั้งหมดนั้น มันคือการผจญภัยเสี้ยวหนึ่งในชีวิต ที่ถ้าไม่ก้าวออกมาก็คงไม่รู้ ที่ถ้าไม่ออกเดินทางก็คงไม่ได้ไปสัมผัส และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ การได้เรียนรู้และเข้าใจถึงคำว่า มิตรภาพ ทุกวันที่มอสโก ~ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก คือวันแห่งความสุข วันที่จะคงอยู่ในใจตลอดไป เหมือนกับมิตรภาพอันยั่งยืนของพวกเรา บทเรียนที่ห้า : มีเพื่อนดี = มีลูกทัวร์ที่ดี ภาพประกอบทั้งหมด โดยผู้เขียน