เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2563 มีข่าวเศรษฐกิจที่ประชาชนชาวไทยให้ความสำคัญ คือ หนี้สินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่สูงกว่าทุนที่มีอยู่ เหตุผลที่ประชาชนให้ความสำคัญและติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากธุรกิจการบินไทยเป็นรัฐวิสาหกิจของประเทศไทย โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นเยอะที่สุด หรือพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ เป็นธุรกิจสายการบินประจำประเทศไทย อีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญก็เพราะว่าสหกรณ์ออมทรัพย์ในแต่ละสายงาน รวมทั้งหมด 82 แห่ง ที่ปัจจุบันถือหุ้นกู้การบินไทยอยู่ รวมมูลค่าที่ถือไว้ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ทำให้สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ต่าง ๆ รีบถอดเงินสดมาไว้กับตัวเอง เพราะกลัวว่าสหกรณ์ออมทรัพย์ของตนจะไม่มีเงินจ่าย หากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ถูกยื่นล้มละลาย แต่อีกทางเลือกหนึ่งของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) คือ ขอยื่นแผนฟื้นฟูกิจการ เพื่อให้บริษัทยังคงดำเนินกิจการต่อไปได้ในอนาคต และมีความคาดหวังว่าจะต้องชำระหนี้สินให้หมด ทั้งหมดที่กล่าวมาจึงเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ดังนั้นเรามาหาความรู้จากกรณีศึกษานี้กันว่า คำว่า “ฟื้นฟูกิจการ” กับ “ล้มละลาย” มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรการฟื้นฟูกิจการ จากคำว่า “ฟื้นฟู” คือการปรับปรุง พัฒนาให้ดีขึ้น แปลว่าบริษัทยังไม่หายไปสิ? ตามกฎหมายการฟื้นฟูกิจการของเจ้าหนี้และลูกหนี้ ปี พ.ศ.2541 ระบุไว้ว่า ผู้ที่มีสิทธิ์จะขอฟื้นฟูกิจการจะต้องเป็นกิจการที่มีสถานในปัจจุบันเข้าข่ายเงื่อนไขดังนี้ 1) ลูกหนี้จะต้องเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด บริษัทมหาชน 2) จำนวนหนี้ของลูกหนี้จะต้องไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท 3) ลูกหนี้มีแผนการดำเนินงานกิจการในอนาคตที่แน่ชัด 4) ลูกหนี้ขอยื่นขอฟื้นฟูกิจการโดยสุจริต ถ้าลูกหนี้มีทั้ง 4 ข้อที่กล่าวมาแล้วยื่นต่อศาล ศาลจะพิจารณาต่อไป หากศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการแล้ว ลูกหนี้ก็จะได้รับสิทธิ์พิเศษโดยได้พักชำระหนี้ แต่ก็มีเงื่อนไขต่อไปว่า จะต้องดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการภายในระยะที่กำหนด (5 ปี) ซึ่งสามารถขอขยายได้ครั้งละไม่เกิน 1 ปี จำนวน 2 ครั้งล้มละลาย คำ ๆ นี้ ใคร ๆ ก็ไม่อยากได้ เพราะเหมือนเป็นคำที่บอกถึงความล้มเหลวของกิจการ ซึ่งความหมายของคำว่า “ล้มละลาย” คือ กิจการหรือลูกหนี้ มีหนี้สินจนล้นพ้นตัว โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1) บุคคลธรรมดาที่มีหนี้สินไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท 2) นิติบุคคลที่มีหนี้สินไม่น้อยกว่า 2 ล้านบาท ตามขั้นตอนแล้วการล้มละลายจะยังไม่เกิดจนกว่าลูกหนี้จะถูกฟ้องทางคดี หลังจากนั้นศาลจะพิจารณาหลักฐานต่อไป เมื่อยืนยันตามคำฟ้องแล้วปรากฏว่าจริง ศาลจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดลูกหนี้ โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะเข้าควบคุมกิจการรวมถึงทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ถูกฟ้อง และขั้นตอนสุดท้ายจะเป็นการเข้าสู่คดีล้มละลาย แต่หากกิจการมีหนี้ล้นพ้นตัวมาก ๆ ก็จะไม่มีทรัพย์สินเพียงพอต่อการชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ บทบาทของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ต้องไปค้นหา ติดตาม ทรัพย์สินอื่น ๆ มาขายทอดตลาดตามกฎหมายต่อไปต่อไปนี้เมื่อเราได้ยินคำว่า “ฟื้นฟูกิจการ” กับ “ล้มละลาย” เราก็จะเข้าใจและไม่ตกใจจนเกินไปแล้ว สรุปง่าย ๆ คือ ฟื้นฟูกิจการยังคงมีกิจการต่อไป โดยดำเนินกิจการตามแผนฟื้นฟู ส่วนล้มละลายจะไม่มีกิจการนั้นต่อไป เพราะว่าหนี้สินมีล้นตัวมากเกินไป จนไม่สามารถทำกำไรเพื่อมาใช้หนี้เจ้าหนี้ได้แล้ว.ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบ สุดท้ายแล้วสามารถติดตามพวกเราสายเที่ยวสายแดกได้ที่•𝙁𝙖𝙘𝙚𝙗𝙤𝙤𝙠 : https://bit.ly/2xbgIao•𝙔𝙤𝙪𝙩𝙪𝙗𝙚 : https://bit.ly/2W0OkAb•𝙄𝙣𝙨𝙩𝙖𝙜𝙧𝙖𝙢 : https://bit.ly/2KwSOce.ขอบคุณรูปภาพจาก Pixabay รูปปก รูปประกอบที่ 1 / Lukas รูปประกอบที่ 2 / Matthias Zomer รูปประกอบที่ 3 อ้างอิงแหล่งข้อมูลทางวิชาการ กรมบังคับคดี