พื้นฐานไวยากรณ์ภาษาอังกฤษควรรู้: Parts of Speechกฎไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ (English Grammar Rules) มีหลายร้อยข้อหากจะอธิบายนั้นอาจต้องใช้เวลาและความเข้าใจ ซึ่งวันนี้พี่แอนมีพื้นฐานที่สำคัญที่เราสามารถใช้ในการอ้างถึงโครงสร้างประโยคคือส่วนประกอบที่ออกมาเป็นคำพูดหรือประโยค (Parts of Speech) ที่ประกอบด้วยคำนาม คำสรรพนาม คำกริยา คำคุณศัพท์ คำวิเศษณ์ คำบุพบทและคำสันธาน หากคุณมีพื้นฐานเหล่านี้ก็จะเป็นสิ่งที่ดีในการเตรียมความพร้อมสำหรับการอ่านและการเขียน ลองมาดู Parts of Speech ให้ละเอียดยิ่งขึ้นและดูว่ามันเกี่ยวข้องกับกฎของไวยากรณ์อย่างไรก่อนที่เราจะเรียนรู้สู่หลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเราควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับแต่ละองค์ประกอบของ Parts of Speech ดังต่อนี้:คำนาม (Nouns) คือ คำที่ใช้อ้างถึง คน สิ่งมีชีวิต สัตว์ สถานที่ สิ่งของ คุณภาพ ความคิด กิจกรรมหรือความรู้สึก คำนามสามารถเป็นได้ทั้งเอกพจน์และพหูพจน์หรือแสดงความเป็นเจ้าของ ตัวอย่างเช่น:This movie is filled with intrigue and interest. ภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์และความสนใจMy car is parked there. รถของฉันจอดอยู่ที่นั่น คำสรรพนาม (Pronouns) เป็นคำที่ใช้แทนคำนามเช่น “I,” “you,” or “they” ตัวอย่างเช่น:It is filled with intrigue and interest. มันเต็มไปด้วยเสน่ห์และความสนใจHer car is parked there. รถของเธอจอดอยู่ที่นั่นคำกริยา (Verbs) แสดงการกระทำและสามารถเป็นคำกริยาหลัก (เช่น Run "วิ่ง" หรือ Sit "นั่ง") หรือกริยาช่วย (เช่น Verb to be, Verb to do, Verb to has) คำกริยายังบ่งบอกถึงกาลเวลา (Tense) และบางครั้งเปลี่ยนรูปแบบของประโยคเพื่อแสดงอดีตกาลปัจจุบันหรืออนาคต นอกจากนี้เรายังสามารถพบกับคำกริยาเชื่อมโยง (linking verbs) ที่เชื่อมโยงหัวข้อกับส่วนที่เหลือของประโยค (เช่น appear "ปรากฏ" และ seem "ดูเหมือน") ตัวอย่างเช่น:John and Jenny walked through the woods. จอห์นและเจนนี่เดินป่าJenny has walked through these woods before. เจนนี่เคยเดินป่ามาก่อนJohn appears excited to start this new adventure. จอห์นรู้สึกตื่นเต้นกับการเริ่มต้นผจญภัยครั้งใหม่นี้คำคุณศัพท์ (Adjectives) คือคำที่ใช้แต่งเติมหรือเป็นส่วนขยายคำนามหรือคำสรรพนาม คำคุณศัพท์มักจะมาก่อนหรือนำหน้าคำนามเพื่อทำหน้าที่ขยายความหมายของคำนาม ซึ่งเพิ่มความหมายของตัวคำนามให้มีความหมายและสามารถเข้าใจรายละเอียดได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น:John wore a pair of faded jeans. จอห์นสวมกางเกงยีนส์สีซีดจางThis black coffee tastes disgusting. กาแฟดำนี้รสชาติไม่อร่อยJenny is a beautiful girl. เจนนี้เป็นผู้หญิงที่สวยคำกริยาวิเศษณ์ (Adverbs) คือคำที่ใช้คำที่ใช้แต่งเติมหรือเป็นส่วนขยายซึ่งเพิ่มความหมายและสามารถเข้าใจรายละเอียดของข้อมูลได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น:She gleefully skipped down the street. เธอกระโดดข้ามถนนไปอย่างสนุกสนานHe arrived early to their first date. เขามาถึงที่นี่ตั้งแต่วันแรกI almost missed the bus. ฉันเกือบจะขึ้นรถประจำทางไม่ทันคำบุพบท (Prepositions) แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างคำนามหรือคำสรรพนาม มักใช้กับคำนามเพื่อระบุตำแหน่งเช่น "beside," "in," หรือ "on" นอกจากนี้ยังสามารถแสดงเวลาทิศทางการเคลื่อนไหวลักษณะเหตุผลหรือการครอบครอง Note: คำบุพบทจะต้องตามด้วยคำนามหรือคำสรรพนามเสมอ ตัวอย่างเช่น:The salt is beside the pepper. เกลืออยู่ข้างพริกไทยTake the gift in the living room. ไปเอาของขวัญในห้องนั่งเล่นShe sat on the rock. เธอนั่งบนหินคำสันธาน (Conjunctions) เชื่อมต่อคำวลีหรือประโยค คำสันธานทั่วไป ได้แก่ and "และ" but "แต่" และ or "หรือ" ตัวอย่างเช่น:She stopped and gazed up at his face. เธอหยุดและจ้องมองที่ใบหน้าของเขาHe ate tomatoes, guavas and cucumbers. เขาทานมะเขือเทศ ฝรั่ง และแตงกวาI’d love to come to the concert, but I have plans tonight. ฉันอยากจะไปคอนเสิร์ตแต่ฉันมีเรื่องที่ต้องทำในคืนนี้Would you like the chicken or the steak? คุณจะรับไก่ย่างหรือสเต็กคำอุทาน (Interjections) คือคำที่ใช้แสดงอารมณ์หรือความรู้สึก โดยทั่วไปแล้วจะตามด้วยเครื่องหมายอัศเจรีย์ (!; exclamation point) เช่น hurray "ไชโย,เย่" uh-oh "โอ้โห้," และ alas "อนิจจา" ตัวอย่างเช่น:Yay! I'm so excited you're here. เย้! ฉันรู้สึกดีใจมากที่คุณอยู่ที่นี่Hey!, get back over here, missy! เฮ้!กลับมาที่นี่ พลาดแล้ว!หากเราทำความเข้าใจในเรื่องของ Parts of Speech นี้แล้ว ก็จะทำให้การศึกษาไวยากรณ์ภาษาอังกฤษไม่ใช่เป็นเรื่องยากอีกต่อไปและเมื่อเราเข้าใจในองค์ประกอบต่าง ๆ ของคำพูดหรือประโยคในภาษาอังกฤษก็จะทำให้เรามีพื้นฐานที่จะนำไปใช้กับกฎไวยกรณ์อื่น ๆ ที่มีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นไปอีกได้ พี่แอนหวังว่าน้อง ๆ จะสามารถนำความรู้เรื่อง Parts of Speech ไปลองสังเกตุประโยคในภาษาอังกฤษและสามารถแยกคำแต่ละชนิดออกมาได้อย่างถูกต้อง แล้วพบกันใหม่นะคะ วันนี้ต้องขอ Say Good bye! Have a wonderful day!