อื่นๆ

"ผ้าห่อศพ...กับผู้ติดตามที่ไม่รู้จัก" 👻◀วิววี่จัง…ฟังเรื่องจริง®EP.2

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
"ผ้าห่อศพ...กับผู้ติดตามที่ไม่รู้จัก" 👻◀วิววี่จัง…ฟังเรื่องจริง®EP.2

ตอนปลายของสงครามโลกครั้งที่ 2 "โต้ง" เด็กหนุ่มอายุ 15 ปี ฐานะค่อนข้างยากจน พ่อแม่หาบขนมขายได้เงินวันละไม่กี่บาท มีพี่ชายเพิ่งเป็นจ่าทหารเรือ อาศัยอยู่ในชุมชนวัดยาง แถว ๆ แยกไฟฉาย ด้วยความที่โต้งเป็นคนตัวเล็ก จึงถูกแกล้งอยู่บ่อยครั้งจากเพื่อน ๆ ตัวโต เป็นแบบนี้จนโต้งรู้สึกว่าตนเองต้องเป็นเบี้ยล่างให้กับเพื่อนในกลุ่มมาตลอด
เย็นวันนั้นโต้งช่วยแม่หาบของขายเหมือนทุก ๆ วัน ระหว่างที่หาบข้ามถนนจะไปตลาด ก็มีรถแล่นมาด้วยความเร็ว...ถึงโต้งจะตัวเล็กแต่ยังคงมีขาที่แข็งแรง วิ่งข้ามถนนพร้อมแม่ได้ทัน แต่...."ปรี้นนนนนนน" เสียงแตรดังลั่น....ถึงคราวเคราะห์ของชายหนุ่มเข็นผักในตลาดที่ออกตัวช้ากว่าโต้ง...ด้วยความหนักของรถเข็นจึงทำให้ไม่สามารถใช้ความเร็วได้อย่างปกติ จึงทำให้รถที่แล่นมาพุ่งชนด้วยความแรง ร่างของชายหนุ่มพุ่งกระเด็นไปต่อหน้าต่อตาของโต้ง ลอยคว้างกระเด็นไปถูกท้ายรถที่จอดข้างตลาดคอหักผิดรูปอย่างเห็นได้ชัด และคาดว่าเสียชีวิตทันที ส่วนรถที่ขับชน...ไม่มีทีท่าว่าจะเหยียบเบรคอยู่แล้ว ได้ขับหนีไป ทิ้งไว้แต่หนุ่มผู้โชคร้าย

Advertisement

Advertisement

หนุ่มโชคร้ายขอบคุณภาพ http://www.chongter.com/Articles/general/ComeNGo/comengo.htm

สักพักใหญ่ ๆ ความวุ่นวายเริ่มเกิดขึ้น เมื่อคนเริ่มมุงดู แม่กับโต้งยังใจหายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โต้งจึงพูดขึ้นว่า "แม่...โต้งขอไปดูหน่อยนะ" แม่โต้งอนุญาตแต่บอกลูกว่าให้รีบไปรีบมา โต้งแทรกตัวเข้าไปจนถึงด้านหน้า เห็นหมอ เห็นตำรวจกำลังทำงาน และ จนท.กำลังห่อศพ โต้งยืนดูด้วยความตื่นเต้น... "อยากได้มั๊ย?" โต้งได้ยินเสียงกระซิบข้างหู....โต้งสะดุ้งเล็กน้อยแต่ยังหันไปมองที่มาของเสียง ก็ไม่เห็นใครที่จะเป็นคนพูดกับโต้งได้ เพราะคนอื่นกำลังวิพากษ์วิจารณ์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอยู่ "ไม่อยากถูกรังแกใช่มั๊ย?" คราวนี้โต้งสะดุ้งเฮือก...แล้วเผลอพูดออกมา "ใช่ครับ" สายตาโต้งมองหาที่มาของเสียงนั่น และไปพบสายตาคู่นึงที่กำลังมองมาที่โต้ง เป็นชีปะขาวท่านนึงยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของคนมุงดู  ท่านกำลังมองมาที่โต้งแบบไม่ละสายตา และทำปากขมุบขมิบราวกับว่ากำลังพูดกับโต้ง "ถ้าเอ็งไม่อยากถูกแกล้งถูกรังแกอีก ให้มาฉีกผ้าที่ห่อศพนี่ แล้วเอามันไปบูชา จะเดินทางไปไหนให้ผูกแขนไว้...เร็วไอ้หนูเอ้ย!! จะหมดเวลาแล้วนะ" เหมือนถูกสะกด สิ้นเสียง...โต้งอาศัยจังหวะชุลมุนที่กำลังยกศพเคลื่อนย้าย ทำทีว่าไปช่วยยกไปที่รถแล้วแอบฉีกมุมของผ้าห่อศพมาได้จนสำเร็จ โต้งหันกลับมาหาท่านชีีปะขาว...แต่ไร้ซึ่งร่องรอย มีแต่เสียงกระซิบข้างหูเบา ๆ ว่า "อย่าลืมให้ข่าวให้น้ำเขาด้วยหละ" ทำเอาโต้งตกใจอีกครั้งกับเสียงปริศนา โต้งจึงเก็บผ้าห่อศพเอาไว้ในกระเป๋าก่อนแล้วไปช่วยแม่ขายของจนค่ำ...โต้งกับแม่แบกหาบเปล่า ๆ กลับบ้านพร้อมเงินที่ขายของเยอะกว่าทุกวัน เพราะคนจะมาถามเหตุการณ์อุบัติเหตุแล้วซื้อขนมไปด้วยจนขนมหมด ระหว่างทางกลับบ้านโต้งตั้งคำถามให้ตัวเองหลายคำถามกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ระหว่างที่คิดโต้งรู้สึกว่า...เหมือนมีคนอื่นเดินมาด้วยตลอดเวลา...พอถึงบ้าน...แม่โต้งเอาหม้อขนมไปล้างใต้ถุงบ้าน โต้งจึงเดินขึ้นบ้านก่อน "กึก ๆ ๆ ๆ" แท่นบูชาพระ , โกศ , กระดูกของบรรพบุรุษ สั่นเป็นเจ้าเข้าเหมือนจะล้ม...โต้งมองเห็นกับตาตกใจขนลุกชันไปทั้งตัว นึกขึ้นได้รีบหยิบผ้าในกระเป๋าขึ้นมาพร้อมกับพนมมือยกเหนือหัวขออนุญาตสิ่งศักดิ์สิทธ์กับผีบ้านผีเรือนให้อนุญาตให้ผ้าผืนนี้เข้ามาได้ จบคำอธิษฐานทุกอย่างกลับเป็นปกติ แต่โต้งเริ่มไม่ปกติ...
ผีผ้าห่อศพ ขอบคุณรูปถ่าย
https://www.bloggang.com/m/mainblog.php?id=jubu-girl&month=29-08-2013&group=1&gblog=2

Advertisement

Advertisement

เช้าวันรุ่งขึ้นโต้งพันผ้าที่แขนแล้วเอาแขนเสื้อปิด แล้วออกไปที่ลานวัดเจอเพื่อนขี้แกล้งทั้งหลาย...ไม่น่าเชื่อ...เพื่อนโต้งดูหวาดกลัวโต้ง ไม่แกล้งเหมือนเคย โต้งสั่งอะไรก็ทำตาม ตอนเย็นวันเสาร์พี่ชายโต้งจะกลับจากทำงานตามปกติ และโต้งต้องไปรับพี่ที่ท่าน้ำศิริราช ทุกครั้งแล้วพากันเดินกลับ โต้งพันผ้าออกมาเช่นเคยพอเจอพี่ก็แวะซื้อกับข้าวแล้วพากันเดินกลับ ระหว่างทาง ด้วยความที่พี่ชายโต้งหน้าตาดีเป็นทหารเรือ จึงเป็นที่หมายปองของหญิงสาวระแวกนั้นจนทำให้มันจะมีเรื่องไม่เข้าใจกับวัยรุ่นที่หมายปองหญิงสาวคนเดียวกัน แต่...ครั้งนี้...หนักกว่าทุกครั้งเพราะหมายจะเอาชีวิต วัยรุ่นที่ไม่พอใจกำลังดักฆ่าพี่ชายโต้ง พอถึงทางเข้าวัด โต้งกับพี่ชายถูกวัยรุ่นล้อมหน้าล้อมหลัง แต่ยังไม่ทันได้เกิดเรื่องวัยรุ่นพวกนั้นก็วิ่งกันคนละทิศละทางราวกับว่าเห็นอะไรซักอย่าง พี่ชายโต้งได้แต่ยืนงง แต่โต้งรู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น
โต้งต้องเรียก"ผู้ติดตามที่ไม่รู้จัก" กิน นอน ตามเวลา และเหมือนว่าสิ่งนั้นจะมีพลังงานจนเหมือนมีตัวตน เย็นวันนั้น "ลุงมวล" เป็นกำนันของตำบลนี้ เข้ามาที่บ้าน มาถามพี่ชายโต้งว่า "เอ็งไปทำอะไรมาวะ? ถึงทำเอาพวกไอ้ลูกผู้ใหญ่กับลูกน้องมันนอนจับไข้หัวโกร๋นอยู่กันในบ้านไม่กล้าออกไปไหน พอไปถามไอ้คนที่พอจะพูดได้รู้ มันพูดแต่... "กลัวแล้ว ๆ ตัวมันใหญ่มากสูงท่วมหัวฉัน ตัวมันดำ หัวมันหมุนได้รอบ มันแยกเขี้ยววิ่งไล่กัดพวกฉัน" ...พี่ชายโต้งก็ได้แต่งง...แล้วพูดว่า..."ไม่ได้ทำอะไรมันเลยลุงกำนัน" พี่ชายโต้งเริ่มหันมามองทางโต้ง....กำนันจึงหันมาถามโต้ง..."เออ...โต้ง...ลุงถามหน่อย...เมื่อสองวันที่แล้ว มีคนเจอพวกโจรตาย 1 บ้าไปอีก 1 พอเอาคนที่บ้ามาถามมันวกไปวนมา...มันพูดแต่..."พอแล้วกูกลัวแล้ว กูไม่ทำแล้วไม่ปล้นมันแล้ว ปล่อยกูไปเถอะ!!! อย่าฆ่ากู ไอ้เผือกมันชวน ฆ่ามัน อย่าฆ่ากู" ลุงกำนันเล่าเรื่องที่ฟังมาทั้งหมด... "เอ็งจะปล้นใคร" กำนันเปิดฉากสอบสวน มันตอบว่า "ผู้หญิงกับเด็กที่ขายของที่ตลาด ที่เกือบถูกรถชนที่ตลาดนั่น ฉันเห็นได้เงินขายของเยอะ ก็เลยจะปล้นแต่ฉันไม่เอาแล้วปล่อยฉันไปเถอะ ฉันหนัก ปวดคอไปหมดแล้ว ลงเถอะ"....พลางยกมือขึ้นไหว้....

Advertisement

Advertisement

ลุงกำนันยังพูดถึงเพื่อน ๆ โต้ง ที่เห็นแบบเดียวกัน และมาเล่าให้ฟัง .....ได้ฟังแค่นั้น โต้งถึงกับหลอน นึกภาพตามสิ่งที่ลุงกำนันบอก จากนั้นโต้งจึงเล่าทุกอย่างให้ลุงกำนันฟังทั้งหมด...ลุงกำนันบอกว่าไอ้คนที่ตายถูกหักคอ เจอศพอยู่บนต้นไม้ชื่อไอ้เผือก ส่วนไอ้คนนี้ชื่อไอ้เทียน มาด้วยกัน เป็นขี้เมาตำบลอื่น แต่เสียสติ ไปแล้ว (ช่วงนั่น แม่ พ่อ ของโต้งมาร่วมนั่งฟังด้วยแล้วหลังได้ยินเหตุที่กำนันเล่ากับพี่ชายโต้ง)  กำนันจึงบอกว่า "เขาตามเธอมา เธอให้ที่อยู่ที่กิน เขาตายโหง ไปเกิดไม่ได้ เธอไปพาวิญญาณเขามาผูกกับชะตาเธอ เธอต้องปล่อยเขา ไม่งั้นเธอนั่นแหละที่จะเป็นตัวตายตัวแทนของเขา ในที่ ๆ เขาตายเมื่อถึงเวลา" โต้งและครอบครัวรับคำลุงกำนันที่จะจบเรื่องราวทั้งหมด

ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีทุกอย่างต้องมีการแลกเปลี่ยน บางครั้งข้อแลกเปลี่ยนอาจจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราไม่ต้องการให้...

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์