อื่นๆ

ผีสาว 807

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ผีสาว 807

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพมหานคร เมื่อเราต้องไปเข้าร่วมค่ายกิจกรรมและต้องพักค้างในโรงแรมแห่งนี้เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ในค่ายนั้น เราได้เจอกับน้องๆ กลุ่มหนึ่ง เป็นน้องผู้ชาย 2 คน และน้องผู้หญิง 1 คน ซึ่งพวกเราเคยได้รู้จักกันมาก่อน ทำให้เราค่อนข้างที่จะสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง เราจึงได้ตกลงจับคู่เป็น roommate กัน โดยที่เรานอนกับน้องผู้หญิง ส่วนน้องผู้ชายทั้งสองคนนอนด้วยกันอีกห้องหนึ่ง อ่อ ลืมบอกไปค่ะ น้องผู้ชายทั้งสองคน จะเรียกว่าเป็นน้องสาวก็ไม่ผิดค่ะ โชคดีมากๆ ที่เราได้อยู่ห้องชั้นเดียวกันแล้วก็ห้องตรงข้ามกัน แบบนี้เข้าทางพวกเราเลยค่ะ น้องๆก็รู้สึกใจชื้นที่ได้อยู่ใกล้ๆกับเรา

เมื่อถึงเวลาที่เราขึ้นห้องพักเพื่อเก็บของก่อนที่จะลงมาทานข้าวที่ห้องอาหาร พวกเราก็รีบขนสัมพาระขึ้นลิฟท์ ตรงไปที่ห้องพัก ห้องพักของพวกเราอยู่ที่ชั้น 8 ความสูงกำลังใช้ได้ วิวต้องดีมากๆแน่เลย พอถึงบริเวณห้องพักยิ่งทำให้เราตื่นเต้นมาก ประตูห้องเรากับน้องๆ อยู่ตรงข้ามกันพอดี ห้องของน้องหมายเลข 807 เราเห็นห้องพักของน้องไม่ได้ปิดประตูห้องไว้ เลยตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปดูห้องของน้องก่อน ห้องของน้องถือว่าเป็นห้องที่วิวดีมากค่ะ มีกระจกบานใหญ่แทนหน้าต่างมีผ้าม่านผืนใหญ่ที่เปิดอยู่ มองออกไปเป็นวิวของกรุงเทพในมุมกว้าง กลางคืนต้องสวยมากแน่ๆ แต่ทันทีที่เราเดินเข้าไปในห้อง เรากลับรู้สึกขนลุกแปลกๆ เมื่อสำรวจเรียบร้อย เราก็เดินออกมาจากห้อง พร้อมพูดแกมหยอกกับน้องๆว่า

Advertisement

Advertisement

"ห้องนี้อ่ะ วิวดีนะ แต่เปิดไว้เก็บของก็พอ สนใจไปนอนรวมกันห้องพี่ก็บอกได้ตลอดนะจ๊ะ"

น้องๆก็มองหน้าเราด้วยสีหน้า งงๆ ละตอบกลับเรามาว่า

"แหม เจ๊ พูดเหมือนกับว่า คืนนี้น้องจะนอนกันไม่ได้งั้นแหละ"

เราได้แต่ยิ้มให้ คิดในใจว่า อืมมม...เดี๋ยวคืนนี้ก็รู้ ว่าพี่คิดถูกหรือปล่าว อาจจะดูใจร้ายที่ไม่ได้บอกอะไรกับน้องๆมาก แต่มันอาจจะเป็นแค่ความรู้สึกของเราคนเดียว เราอาจจะคิดไปเองก็ได้ ไม่บอกดีกว่า เดี๋ยวน้องๆ จะกลัวปล่าวๆ จริงมั้ยคะ

เมื่อเดินออกมาจากห้อง เราพึ่งสังเกตเห็นว่าห้องพักของน้องๆ เป็นห้องที่อยู่ติดกับบันไดหนีไฟ ถัดจากบันไดหนีไฟมาจึงจะเป็นห้องของแม่บ้าน เราไม่ได้สนใจอะไร รีบเข้าไปเก็บของก่อนที่จะลงไปทานอาหารเย็นที่ห้องอาหาร หลังจากมื้อเย็นเราได้ชวนน้องๆเดินออกไปเที่ยวตลาดนัด ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก ใช้เวลาในการเดินไปกลับ บวกเดินเที่ยวราวๆ 3 ชั่วโมง กว่าจะกลับถึงห้องพักก็เวลาประมาณสามทุ่ม เมื่อถึงห้องพวกเรานั่งคุยกันที่ห้องของน้องๆอีกสักพักใหญ่ เรามองนาฬิกา เวลาผ่านไปเกือบจะห้าทุ่มแล้ว จึงตัดสินใจกลับห้องนอน ซึ่งกว่าเราจะอาบน้ำกันเสร็จเวลาก็ปาไปเที่ยงคืนกว่า  ด้วยความเหนื่อยล้าเรากับน้องจึงรีบเข้านอน และหลับได้อย่างไม่ยากเย็น

Advertisement

Advertisement

ในขณะที่เรากำลังจะหลับ เสียงโทรศัพท์มือถือของเราก็ดังขึ้น ... เราหยิบมือถือของเราขึ้นมาดู เห็นเป็นชื่อน้องโทรเข้ามา ก็เลยรับ... เสียงที่เราได้ยินทำให้เราตกใจมาก ...ปลายสายเสียงสั่นเครือปนกับเสียงสะอื้น...เหมือนว่าพึ่งผ่านหรือพบเจอกับอะไรที่น่ากลัวมา... น้องบอกให้เราช่วยเปิดประตูห้องหน่อย...เราไม่รอช้ารีบลุกขึ้นเปิดไฟ แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปเปิดประตูห้อง...สิ่งที่เราเห็นมันทำให้เรายิ่งรู้สึกกลัว...น้องๆ ตัวสั่นเทา ร้องไห้ตาแดง...เราจึงรีบให้น้องๆเข้าห้องมาสงบสติอารมณ์ในห้องก่อนที่จะถามเรื่องราวทั้งหมด น้องอีกคนที่เป็น roommate ของเราลืมตาลุกขึ้นมาด้วยความตกใจเช่นกัน

👩‍🦰 : โอเค ใจเย็นๆ เจ๊พอจะเดาได้ว่าเจออะไรกันมา ใจเย็นๆ สบายใจจะเล่าตอนนี้มั้ย หรือจะรอเช้าก่อน

👦: เล่าเลยเจ๊ พวกหนูไม่ไหวแล้ว... เขาบอกมาว่าให้เล่าเลย

Advertisement

Advertisement

👩‍🦰 : เขา...!! เขาไหน

👦: เขาไม่ใช่คนอ่ะเจ๊ เขาอยู่ในห้องนั้นอ่ะ ก่อนจะเล่าเจ๊ ช่วยไปปิดประตูห้องให้หนูหน่อยได้มั้ย เขามองอยู่อ่ะเจ๊...

น่านไงคะ......ถึงเราจนได้ ถามว่าเรากลัวมั้ย กลัวสิคะ ถึงไม่เห็นแต่ก็กลัวเหมือนกันนะคะ แต่ทำยังไงได้ ดูจากสภาพน้องๆ คงจะไม่มีทางยอมเดินออกจากห้องเราตอนนี้แน่นอน จะให้น้องผู้หญิงไป นางก็กลัวล่วงหน้าไปก่อนแล้ว คงต้องเป็นเราน่านแหละ ...หึหึ...เรารวบรวมความกล้า เดินออกไปเพื่อที่จะปิดประตูห้องน้อง  พอเราเปิดประตูออกไปกำลังจะเอื้อมมือไปปิดประตูห้อง 807 ก็มีลมเย็น พัดผ่านตัวเราเข้าไปในห้อง ประตูห้องค่อยๆปิดลง โดยที่เรายังไม่ได้เอื้อมมือไปถึงลูกบิดเลยด้วยซ้ำ...เท่านั้นแหละค่ะ...วิ่งสิคะ รออะไร...เรารีบกลับเข้าห้องแล้วไปนั่งรวมกับน้องๆ ที่เตียง รวบรวมสติ แล้วฟังในสิ่งที่น้องๆกำลังจะเล่า

!!!..................อ่ะ พร้อม ว่ามาเลย มันเกิดอะไรขึ้น.....................!!!  ( ขออนุญาติแทนชื่อน้องเป็นนามสมติ ว่า น้องหนึ่ง กับน้องสอง นะคะ )

น้องเล่าให้ฟังว่า ในระหว่างที่กำลังจะแยกย้ายกันนอนนั้น หนึ่งได้เอาโทรศัพท์ไปชาร์ตไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้งซึ่งอยู่ปลายเตียง ซึ่งเตียงของหนึ่งเป็นเตียงนอนที่อยู่ติดฝั่งกระจก ส่วนเตียงของสองอยู่ติดกับผนังห้องน้ำ ในระหว่างที่กำลังจะหลับ หนึ่งเห็นสายตาของสองที่นอนตะแคงหันหน้าหาเพื่อนอยู่ เป็นสายตาที่แสดงถึงความหวาดกลัว ทำให้หนึ่งรู้สึกเสียขวัญมาก หนึ่งตะโกนเรียกสุดเสียง "อิสอง เป็นอะไร ทำไมทำหน้าอย่างนั้น" พร้อมกับลุกขึ้นกระโดดไปหาเพื่อนที่เตียง สายตาของสองยังคงจ้องไปที่กระจก น้ำตาเริ่มไหล ตัวเริ่มสั่น จนร้องไห้ออกมาในที่สุด พร้อมถามหนึ่งด้วยเสียงสั่นเครือว่า "มึง...มึงเห็นเหมือนที่กูเห็นมั้ย" สิ้นเสียงของสอง หนึ่งก็หันกลับไปมองที่กระจกสิ่งที่เห็นมันทำให้ทั้งสองตกใจ หวาดกลัว ตัวเกร็งไปหมด น้องเล่าว่าน้องเห็นผู้หญิงตกลงมาจากดาดฝ้า ผ่านบานกระจกลงไปข้างล่าง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งสองพยายามจะเดินไปปิดผ้าม่านเพื่อไม่ให้เห็นภาพนั้น แต่ก่อนที่จะลุกขึ้นจากเตียงสายตาของน้องๆ ก็หันไปเห็นผู้หญิงผมยาว มัดผมสูงใส่เสื้อแขนกุด กางเกงขาสั้น นั่งก้มหน้าอยู่บนเก้าอี้ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งเป็นโต๊ะเครื่องแป้งตัวที่หนึ่งเอามือถือไปขาร์ตไว้ ทั้งสองคนเริ่มร้องไห้หนักขึ้น ไม่รู้จะทำอย่างไร ใจก็กลัวแต่ก็รวบรวมสติให้ได้มากที่สุด สองหยิบมือถือของตนเองขึ้นมาตั้งใจจะโทรหาเราให้ไปช่วย แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลก มือถือของสองแบทหมด ... ทั้งสองคนกลัวมาก ไม่กล้าแม่แต่จะลุกออกมาเคาะห้องเรียก กลัวว่าถ้าเราหลับกันแล้ว เคาะแล้วไม่ได้ยินจะทำยังไง ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ต้องโทรหาเราให้ได้ก่อน ...หนึ่งตั้งใจจะหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาโทรออก แต่ก็กลับมานึกขึ้นได้ว่า "ชิบหาย...มึง...โทรศัพท์กูชาร์ตอยู่ตรงนั้นอ่ะมึง" พูดพลางพร้อมชี้มือไปที่โต๊ะเครื่องแป้งที่มีวิญญาณผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ ... ตอนนี้น้องๆจิตตก กลัว แต่ก็ต้องกลั้นใจวิ่งไปหยิบมือถือ นี่คงเป็นครั้งแรกที่น้องเข้าใกล้สิ่งที่เรียกว่า "ผี" มากที่สุด ... ทั้งสองคนกลั้นใจวิ่งออกมาจากห้อง แล้วโทรหาเรา ...สภาพ ก็เป็นไปอย่างที่เราเห็น ...

เราได้แต่ปลอบให้น้องๆใจเย็นลง พอน้องเริ่มมีสติขึ้น เราก็จัดที่นอนให้น้องเพื่อที่จะได้พักผ่อน คืนนั้นเราเปิดไฟนอนทั้งคืนค่ะ บอกตรงๆว่าเราก็กลัว แต่แสดงออกมากไม่ได้ ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่คืนนี้ค่ะ แต่เราต้องนอนที่นี่กันอีกคืน

"กริ๊งงง........... " เสียง Morning Call ดังขึ้น  เป็นสัญญาณว่าค่ำคืนที่ยาวนานผ่านไปแล้ว ทุกคนแยกย้ายกันทำภารกิจส่วนตัวเพื่อรีบลงไปทานอาหารเช้า ในวงอาหารพวกเราคุยกันเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ในห้อง 807 เหมือนมันมีแรงดึงดูดซึ่งกันและกันอ่ะค่ะ เมื่ออยู่ดีดีก็มีน้องๆ 3 คน ซึ่งน้องนอนชั้น 8 เหมือนกันมานั่งกินข้าวกับเรา อยู่ดีดีนางก็ถามเราว่า "พี่ๆ คะ พวกหนูนอนอยู่ห้อง 806 เมื่อคืนพี่นอนกันดึกจัง หนูตื่นมาเข้าห้องน้ำตอน ตี 2กว่า ยังได้ยินเสียงพี่ๆ คุยกันอยู่เลย" เราได้ฟังก็เข้าใจเลยค่ะ เพราะน้องโทรมาหาเราตั้งแต่เที่ยงคืน ตีสองไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว ถ้าจะมีก็คงเป็นพี่ผีคนเมื่อคืนเท่านั้น พวกเรา 4 คนมองหน้ากัน ทุกคนคงคิดเหมือนกันค่ะว่าไม่อยากให้น้องกลัวก็เลยบอกตามน้ำไปว่า "อ๋อ ถ้าเสียงดังโทษทีนะ พอดีคุยกันเพลินไปหน่อย" เวลาผ่านไปจนเย็น หลังจากที่กิจกรรมของวันนั้นเสร็จสิ้น เราคุยกันว่าจะไปนั่งกินหมูกระทะกันข้างนอก อยู่ดีดีน้องสองก็นั่งตัวเกร็งแล้วก็น้ำตาไหล เราพยายามเรียกสติน้องแล้วถามน้องว่า "เป็นอะไร สอง ตื่น เป็นอะไร" เราพยายามเรียกสติน้องกลับมา น้องบอกว่าน้องเห็นภาพ ผู้หญิงคนเมื่อคืนยืนร้องไห้แล้วพูดกับน้องว่า "อย่าไป กลับมา" น้องบอกเราว่า "เจ๊...เขาไม่ให้เราไป ถ้าเราจะกินอ่ะ เขาอยากให้เราไปนั่งกินในห้อง อย่ากลัวเขา เขาแค่เหงา" น้องสองหันมาถามเราว่า "เอาไงดีเจ๊" ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เราก็เลยตัดใจ ทำใจดีสู้ผี เมื่อเขามาดีเราก็โอเคเป็นไงเป็นกัน อยู่ก็อยู่ พวกเรา 4 คนก็เลยย้ายไปนอนในห้อง 807 ...คิดในใจว่า เอาวะ แค่ไม่กี่ชั่วโมงเดี๋ยวก็เช้าแล้ว อย่างน้อยๆก็อยู่กันหลายคน พวกเรานั่งคุยกันนานมาก เวลาผ่านไปจนถึงเที่ยงคืน ...เราเดินไปปิดผ้าม่านเพื่อให้น้องสบายใจ เพราะยังไงภาพที่พี่ผีเขาโดดลงมาจากดาดฟ้ามันต้องเกิดขึ้นให้น้องเห็นอีกแน่นอน เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยเราก็เตรียมตัวเข้านอนกัน ในช่วงที่เรากำลังจะหลับนั่นเอง หางตาเราเหลือบไปมองทางปลายเท้ารู้สึกเหมือนมีคนยืนอยู่ เราเลยคิดในใจว่า "มาอยู่เป็นเพื่อนแล้วนะ อย่ามาทำให้พวกเรากลัวเลย" หลังจากนั้นเราได้ยินเสียงน้องสองสะอื้น เลยรีบลุกขึ้นไปเขย่าตัวแล้วถามว่า เป็นอะไรไป น้องค่อยๆลืมตาละบอกกับเราว่า "เจ๊ ....หนูเห็น พี่เขามายืนปลายเตียงละยิ้มให้เราอ่ะ เขาไม่ได้มาร้ายนะ แต่หนูก็กลัวน่ะ เขามาขอบคุณที่มาอยู่เป็นเพื่อนเขา" "ตอนนี้เขาไปแล้วใช่มั้ย" น้องพยักหน้าเบาๆ เราก็เลยบอกให้น้องนอน พรุ่งนี้ต้องตื่นมาเก็บของแต่เช้า...หลังจากนั้นพวกเราก็นอนหลับกันเป็นปกติ จนเช้า

เช้าวันสุดท้ายของการอยู่ร่วมกันกับพี่ผี พวกเรารู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ได้ คงเพราะเราจะได้กลับบ้านกันแล้ว หรือไม่ก็คงเพราะไม่ต้องนอนเป็นเพื่อนพี่ผีแล้ว ก่อนที่เราจะลงจากตึก พวกเราไม่ลืมที่จะเดินไปลาพี่ผี ในห้อง 807 (กลัวพี่เขาตามกลับด้วยแหละค่ะ) "กลับแล้วนะคะ ขอให้พี่ได้ไปเกิดเร็วๆ" ทุกคนพูดลาพี่ผีในห้อง ก่อนกลับเราพูดกับพี่ผีว่า "พี่ผี พวกเราจะกลับแล้วนะคะ น่าจะไม่ได้กลับมาเจอกันอีก ถ้าคิดถึง ให้พวกหนูถูกล๊อตเตอรี่รางวัลใหญ่ๆ นะคะ นี่เลยเดวซื้อเลขห้องเลย เอางวดนี้นะ ถ้าถูกเดี๋ยวจะมาเหมาห้องปาร์ตี้เป็นเพื่อนสักสองสามวัน"  นี่เป็นคำพูดสั่งลา ที่ท้าทายสุดๆ .....ก่อนลงจากตึก เราได้มีโอกาสเจอป้าแม่บ้านที่ประจำชั้น 8 เลยลองถามป้าเรื่องพี่สาวที่หอง 807 ดู

👩‍🦰 : ป้าจ๋า ป้าทำงานที่นี่มานานยังจ๊ะ

👩‍🦱 : ก็นานแล้วนะ มีอะไรหรือเปล่า

👩‍🦰 : ป้า ถามไรหน่อยดิ ...ที่ห้อง 807 อ่ะ มีผู้หญิงเคยมาอยู่แล้วฆ่าตัวตายบ้างป่ะ ป้าบอกหน่อยนะคือเจอกันมาแล้ว หนูไม่บอกใครหรอก

👩‍🦱 : เฮ้อ... มันก็นานแล้วนะ เคยมีแขกมาพักเป็นผู้หญิง แต่ไม่รู้มีปัญหาอะไร เขาโดดตึกลงมาตาย เขามาพักห้องนี้ 807 แหละ

👩‍🦰 : อ่อ อย่างนี้นี่เอง ขอบคุณค่ะ พวกหนูกลับแล้วนะคะ สวัสดีค่ะป้า

👩‍🦱 : อ่ะจ่ะ เดินทางปลอดภัย กลับไปก็ทำบุญให้เขาด้วยนะ

หลังจากที่เราแยกย้ายกำลังจะกลับบ้าน พวกเรา 4 คนตั้งใจว่าเดี๋ยวลองไปหาวัดใกล้ๆ ไปทำบุญให้พี่เขากันก่อนกลับบ้านกัน ตอนที่เราเดินออกจากโรงแรมมา น้องสองเงยหน้าขึ้นไปบองบนดาดฟ้า แล้วบอกเราว่า "เจ๊....หนูเห็นพี่เขายืนอยู่ข้างบน เหมือนเขาจะบอกลาเรานะ" ส่งกันจนนาทีสุดท้ายเลยนะคะ หลังจากนั้นเราก็เรียกแท็กซี่ไปวัดที่ใกล้ที่สุด เพื่อทำบุญให้กับพี่สาว ที่อยู่ห้อง 807 ขอให้พี่สาวไปสู่สุขติ ค่ะ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์