ในขณะที่ New Normal จากผลพวงวิกฤติ ไวรัส covid19 ทำให้เกิดเทรนด์ใหม่ๆขึ้นอย่างมากมาย ล้วนแล้วแต่เพิ่มความสะดวกสบาย และตอบโจทย์ชีวิตที่ต่างคน ต่างเว้นระยะห่าง และต้องการความสะดวกสบายมากกว่าปกติ เรื่องอาหารการกิน ก็เห็นจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่นับแต่นี้ไป เราจะเห็นรูปลักษณ์ รูปแบบการนำเสนอในธุรกิจการค้าขายอาหาร ในรูปแบบใหม่ๆที่เราอาจไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งส่งผลดีทั้งต่อตัวลูกค้า และผู้ประกอบการเอง เรียกว่าเป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสเลยทีเดียวล่ะครับ สมัยก่อน เราคงจะเคยได้ยินคำเปรียบเปรยคำหนึ่ง เมื่อเราไปรับประทานอาหารที่ร้านไหนเป็นประจำ ๆ ร้านนั้นจะเปรียบเปรยเราว่า เป็นการ "ผูกปิ่นโต" ซึ่งความหมายคือ การเป็นลูกค้าประจำ ของร้านอาหารร้านนั้นๆ นั่นเอง ในก่อนหน้าวิกฤติ Covid 19 นั้น ความเป็นอยู่และการใช้ชีวิตของเรา เราอาจจะเคยชินกับการไปนั่งที่ร้านอาหาร และสั่งอาหารมากินในร้าน แต่เมื่อเกิดระบาดลุกลามของโรคระบาด ก่อให้เกิดปัญหา ทั้งในส่วนของความไม่สะดวกสบายในการรับประทานอาหารที่ร้าน หรือการบริการ ที่จะต้องเว้นระยะห่าง และต้องมีมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อตัวลูกค้าที่อาจไม่พึงพอใจในการบริการ ทำให้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตัวแบรนด์หรือธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจร้านอาหารหลายๆแบรนด์ จึงเริ่มทรานสฟอร์มตัวเองใหม่ ด้วยการนำระบบ "ปิ่นโต ดิจิทัล" หรือที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า "Subscription Economy" มาใช้ แล้วอะไรคือ ปิ่นโตดิจิทัลล่ะ? และมันตอบโจทย์อย่างไร กับชีวิตในยุค 2020 นี้ ปิ่นโตดิจิทัล เป็นเสมือนกับ การผูกปิ่นโตจริงๆนั่นเองครับ พูดง่าย ๆ คือการสมัครเป็นสมาชิกของร้านอาหารที่ใช้ระบบปิ่นโตดิจิตอล ซึ่งการเป็นสมาชิกหรือการผูกปิ่นโตดิจิทัลนี้ จะทำให้การบริการสั่งอาหารครอบคลุมทุกบริการ เช่น เราสามารถสั่งอาหารเป็นเซ็ต ล่วงหน้าได้ในระยะเวลา เช่น 10 วัน 20 วัน สามารถเลือกเมนูอาหารในแต่ละวันได้ตามใจ และระบุเวลาของการส่งอาหารได้อย่างแม่นยำ ทำให้ได้อาหารทำสดใหม่ และยังคงคุณภาพ ในขณะที่เรามีหน้าที่เพียงแค่ รอรับอาหารที่จะมาเสิร์ฟถึงที่บ้าน และจ่ายเงินตามเงื่อนไขของร้านอาหารเท่านั้นเอง แล้วมันต่างจากอาหารเดลิเวอรี่ตรงไหน ? ความแตกต่างของ "ปิ่นโตดิจิทัล" และ เดลิเวอรี่ คือ การสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่นั้น อาจมีความคลาดเคลื่อนของช่วงเวลา และออร์เดอร์ บางครั้งคุณอาจจะไม่ได้รับอาหารที่ตรงเวลา ทำให้คุณภาพของอาหาร อาจจะด้อยลงไป ตามระยะเวลาการจัดส่ง อีกทั้ง การส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่นั้น เราอาจจะกำหนดออร์เดอร์ได้เป็นครั้งๆไปเท่านั้น ทำให้เราต้องมานั่งนึกว่า วันนี้จะกินอะไรดี? ซึ่งนั่น ต้องยอมรับว่า มันเป็นปัญหาโลกแตกของใครหลาย ๆ คนเลยก็ว่าได้ แล้วมันจะดีกว่ามั้ยล่ะ ถ้าเราสามารถกำหนดเมนูอาหารล่วงหน้าได้เป็นอาทิตย์ หรือแม้แต่เป็นเดือน ช่วยลดความเสียเวลา และเซฟสมองไว้คิดอย่างอื่นได้อีกเยอะ และมันคงจะดีที่สุดเลย ถ้าหากมีคนมาช่วยวิเคราะห์และช่วยเลือก ว่าเราควรจะรับประทานเมนูอะไรในแต่ละวัน จุดเด่นของระบบปิ่นโตดิจิทัล คือ... เราสามารถเก็บประวัติการรับประทานอาหารของลูกค้าได้ นั่นจึงส่งผลดีให้กับตัวลูกค้าเอง ในเชิงสุขภาพ เช่น หากมีลูกค้าที่มีโรคประจำตัวอย่างเบาหวาน หรือความดัน ร้านค้าจะสามารถรู้ได้ว่า ลูกค้าที่เป็นสมาชิกคนนี้ ไม่ควรปรุงอาหารด้วยน้ำตาลมากเกินไป หรือควรลดปริมาณการใช้น้ำมันลงครึ่งหนึ่ง หากลูกค้ามีโรคประจำตัวเป็นโรคไต ร้านอาหารก็ควรเสิร์ฟอาหารเป็นข้าวขาวขัดสี ไม่ควรใช้ข้าวกล้อง เป็นต้น ซึ่งจากการเก็บประวัตินี้ ทำให้ร้านค้า สามารถวิเคราะห์ลักษณะนิสัยการรับประทานอาหารของลูกค้าแต่ละคนได้อย่างแม่นยำและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ ระบบปิ่นโตดิจิทัล ยังมีประโยชน์ต่อเจ้าของร้านอาหาร ในเชิงการเก็บสถิติ อาหารที่ลูกค้าชื่นชอบ อาหารที่เป็นที่นิยม ทำให้เราสามารถกำหนดไว้ว่า เมนูนี้ เป็นเมนูยอดนิยมของร้าน ซึ่งเป็นประโยชน์ในการเก็บสถิติ และการทำการตลาดได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ทำให้เราสามารถนำเสนอเมนูยอดนิยมให้กับลูกค้าได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ระบบปิ่นโตดิจิทัลนั้น อาจจะอยู่ในช่วงที่เริ่มต้นทดลองสำหรับร้านอาหารหลายๆร้าน และเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่จุดอ่อนของระบบนี้ อาจเป็นเรื่องของค่าบริการ ที่อาจจะสูงขึ้นมากกว่าปกติเป็นเงาตามตัว เมื่อได้รับการบริการที่ดีขึ้น แต่ในอนาคตข้างหน้า ตราบใดที่ New normal ใหม่ๆ ยังเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ผู้ที่จะยืนหยัดอยู่ในธุรกิจ ปิ่นโตดิจิทัลนั้น จะต้องเป็นผู้ที่รู้ใจลูกค้าและตอบโจทย์ LifeStyle ลูกค้าได้มากที่สุด ดังนั้น เราจึงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ และหมั่นสำรวจทิศทางความเป็นไปได้ของธุรกิจในภาวะวิกฤติ ที่กระทบกันเป็นวงกว้างทั่วโลก เพราะสายน้ำ สายลม ยังเปลี่ยนทิศได้ ตามกาลเวลา ผู้ที่รู้จักปรับตัว และมองเห็นโอกาสในวิกฤติเสมอ ย่อมเป็นผู้อยู่รอด เรื่อง : จิรวัสส์ สุทธิพิทยศักดิ์ Facebook : Thailand Local ขอบคุณภาพประกอบจาก Freepik ภาพที่1 /ภาพที่2 /ภาพที่3 /ภาพที่4