นั่งเปิดโทรศัพท์ดูรูปภาพ ไถดูภาพเก่าวนไป จนไปเจอภาพ อากาศเย็น ๆ ดูแล้วอาจทำให้เวลากลางเมษายน อันร้อนตับแลบ แตะ 40 องศา จะทำให้เย็นใจเย็นกายบ้าง คิดถึงอากาศหนาวเย็น ช่วงเวลาที่เกาหลีไม่ได้ เกิดอยากเล่า ขึ้นมาเลย ไม่รอช้า อย่างน้อยมันก็เป็นการบันทึกความทรงจำของเราเอง ออกเดินทางไปพร้อมกันเลยดีกว่า เรานั่งเครื่องบินจากสนามบินสุวรรณภูมิ 5 ชั่วโมง ก็มาถึงสนามบินอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ เวลาที่นั่นจะเร็วกว่าเมืองไทย 2 ชม. เราก็ปรับเปลี่ยนเวลาให้เข้ากับเวลาท้องถิ่น เพื่อสะดวกในการนัดหมาย จัดการเรื่องโทรศัพท์ให้เรียบร้อย ใครจะซื้อซิมซื้อบัตรโดยสาร ก็แยกไปทำธุระ แต่ขอบอกว่า wifi free ที่เกาหลีมีเยอะมาก ความเร็วใช้ได้เลย หลังจากนั้นเราก็เข้าที่พักเพื่อเก็บกระเป๋าไป เกาะนามิ เกาะนามิเป็นเกาะเล็กๆบนตั้งอยู่บนแม่น้ำฮัน เมืองชุนชอน จังหวัดคังวอนโด ห่างจากกรุงโซลประมาณ 63 กิโลเมตร เรานั่งรถโค้ช เพื่อมาต่อเรือเฟอร์รี่ ข้ามเกาะ ล่องเรือชมบรรยากาศของแม่น้ำฮัน ไม่นานก็มาถึงท่าเทียบเรือ ก็เดินไปซื้อตั๋วค่าเข้าชมสถานที่ ราคาอยู่ที่ 10,000 วอนหรือประมาณ 300 บาท เกาะแห่งนี้เป็นของเอกชนดูแล จึงมีค่าแลรักษา วันที่เรามาคนก็เยอะนะ ขนาดเลือกมาในวันธรรมดา แต่ถ้าช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ คนเกาหลีนิยมมาพักผ่อนคงจะมากกว่าเยอะเลย เรามาที่เกาะนามิ ครั้งนี้ช่วงปลายเดือนตุลาคม เพื่อมาดูใบไม้เปลี่ยนสี มันคงเป็นความฝันของใครหลายๆ คน ที่อยากมาเห็นช่วงเวลานี้ เราก็ลุ้นกลัวมันยังไม่เปลี่ยนสี เพราะเคยมาช่วงธันวาคม แต่คนละปีนะ มาที่นี้ครั้งที่ 3 แล้ว วันนี้อากาศท้องฟ้าเป็นใจทุกอย่าง อุณหภมิประมาณ 15 องศา ระหว่างทางเดินเข้าไปในเกาะนามิ จะมีเจ้ากระรอกตัวโต ขนฟูฟ่อง สวยงาม หน้าตาน่ารักกำลังแทะอะไรไม่รู้ หลายตัวเลย วิ่งเล่น ซุกซน ระหว่างเดินชมแนวสน ต้นไม้กพลังเปลี่ยนสีสวยงาม เป็นแนว อย่างเป็นระเบียบมาก จนมาถึงต้นแปะก๊วย มันเหลืองทั้งต้น สีฟ้ากับสีเหลืองตัดกันมันไม่รู้จะบรรยายยังไง ใครมากับแฟนคงสวีทสุดๆอ่ะ (แต่อย่าเหยียบลูกแปะก๊วยเขาละ เหม็นอย่าบอกใครเลย ) เราว่าชอบอากาศ แบบนี้ยังไม่หนาวเกินไป เพราะเคยเจอตอนติดลบ ทำอะไรไม่สนุกอะ พอเจอเย็น ๆ มันก็เลยทำให้มีความสุข มองลงที่พื้นก็มี แต่ใบไม้สีเหลืองเต็มไปหมด อยากสูดโอโซนเย็นๆเข้าปอด พร้อมกับแพ็คความเย็นกลับไปเมืองไทย 555 การเที่ยวครั้งนี้เหมือนการออกไปเติมพลังชีวิตให้ตัวเอง หรือ เลยอะ ถ่ายรูปจนจุใจเราก็เดินไปหาของอร่อยๆ ประจำเกาะ สิ่งนั้นคือ ขนมโฮต๊อก จี่บนกระทะร้อน ๆ เป็นแป้งชาเขียวผสมกับถั่วแดงรสออกหวานนิด ๆหอมอร่อยมาก ชิ้นละ 1,000 วอน ก็ประมาณ 30 บาท ขอบอกใครไม่ได้ทาน ถือว่าคุณพลาดแล้วนะ เหมือนมาไม่ถึงเกาะนามิ เวอร์ตลอด55 ก็เราชอบมันอร่อยมาก ชิ้นเดียวคงไม่พอ งานนี้พี่ขอ 2 ชิ้นไปเลย เครื่องดื่มคงหนีไม่พ้นนมกล้วยที่ขึ้นชื่อมีขายทุกที่จ้า บนเกาะมุมถ่ายรูปเยอะ ใครที่ตามรอยหนัง winter sonata ถ่ายรูปไปค่ะ ส่วนเรายังไม่อิน แค่ชอบบรรยากาศความเป็นธรรมชาติที่นี่ เลยดูทิวต้นสนกับต้นเมเปิ้ลสีแดง สลับกับสีเหลือง ก็อิ่มและสุขใจหลังนั้นเราก็ เดิน ทางกลับไปที่โซล เดินช้อปปิ้งที่เมียงดง สิ่งที่ไม่พลาดที่เมียงดงคือ กินไอติม ไง 555 แล้วก็เดินดูเครื่องสำอาง ตามประสาผู้หญิง ส่วนมื้อค่ำเราเดินไปเรื่อยใกล้โรงแรม มาเดินดูโอปป้าซะหน่อย แต่ทำไมไม่เหมือนในหนังเลย 555 เลยไปหาอะไรในเต็นท์กินดีกว่าแบบที่ดูในหนังซีรีส์เกาหลีอะ ก็อยากลองบรรยายกาศแบบนี้กันบ้าง มีอาจุมม่ายิ้มทักทาย สั่งอาหารกับอาจุมม่า อาจุมม่าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เราก็ชี้ ๆ อย่างเดียวงานนี้ แต่สนุกดี ได้ดูบรรยากาศ คนทำงานออฟฟิตแล้วมานั่งดื่มกันในโซล มีเครื่องดื่มโซจูด้วยนะ พออาหารลงแค่นั้น ปลาหมึกสด เนื้อแน่น กรอบมาก กลิ่นเครื่องเทศก็หอม รสชาติกลมกล่อมกำลัง อาหารเกาหลีถูกปากเรา เน้นความสดใหม่ ขอลองเครื่องประจำชาติซะ หน่อย ไหนๆก็มาถึงที่ งานนี้ทำให้สาว ๆหน้าแดงกันไปตามกันเลย ดื่มแล้วออกร้อน ๆคอ คืนนี้คงหลับฝันดีแน่ๆ 555 เช้าวันใหม่ จะให้ดูว่ากินอะไรบ้าง เช้า ๆออกไปหากาแฟ สักแก้ว เพื่อความกระปรี้กระเปร่า ปกติเราเป็นคนชอบดื่มกาแฟร้อน แต่เวลาเดินทาง เราก็ต้องปรับเปลี่ยน ตามสถานการณ์ เข้าร้านสะดวกซื้อ ก็หยิบมาลองสักแก้ว ราคาก็ไม่แพงเลยหยิบเอสเปรสโซ่ ความเข้มข้นของกาแฟพอใช้นะ แต่ก็ดีช่วยให้เรามีคาเฟอีน คนติดกาแฟก็แบบนี้ เจอสตรอเบอร์รีก็ซื้อติดมือมากินด้วย สตรอว์เบอร์รีรสชาติหวานฉ่ำ กัดได้เต็มปากเต็มคำมาก หอมอร่อย ลูกใหญ่ เนื้อแน่น สีสวย ถูกใจมาก มื้อกลางวันนี้ขอสู้กับหมูย่างเกาหลี กินกับกินจิม เนื้อมาชิ้นใหญ่มาก เวลาทานใช้กรรไกรตัด เครื่องเคียงจะเยอะนะ แต่วันนี้ขอกินหมู เนื้อนุ่มมาก กินคู่กับกินแต่ละคำปากมันกันไปเลย กินเนื้อย่างหอมอบอวล ติดผมติดเสื้อไปหมด มีน้ำซุปให้ซดคล่องคอถ้าเลี่ยนก็กินกิมจิ กิมจิมีประโยชน์ มีแบคทีเรียช่วยกันย่อย สมุนไพรก็เยอะ เราว่าตัวนี้มีส่วนทำให้คนเกาหลีแข็งแรง เพราะเช้าจะเห็น อาจุมม่าเดินออกกำลังกายเป็นกลุ่ม ๆ ลักษณะทรงผมสีปากเหมือนกันไปหมด ปากจะต้องแดง ผมดัดเป็นลอน ๆ กิ๊บเก๋ไม่เบา ส่วนมื้อค่ำ กินข้าวคลุกสาหร่าย เสิร์ฟมาในหม้อดินร้อนๆ กลิ่นหอมเตะจมูก คลุกเคล้าให้เข้ากัน สาหร่ายรสชาติเข้มข้นตัดรสเปรี้ยวของน้ำซอส อร่อยดี การออกเดินทางในแต่ละครั้ง เหมือนการได้ไปหาประสบการณ์ชีวิต ได้เรียนรู้วัฒนธรรมการกิน การใช้ชีวิต ของผู้คนในแต่ภูมิประเทศ เหมือนเป็นการเปิดโลกถึงจะไม่กว้างใหญ่อะไรแต่เราว่าก็ประทับใจในทุกครั้งที่ได้ออกเดินทาง เรื่องราวต่างๆยังมีอีกมากมาย อยู่ที่จะหยิบมุมไหนมาเล่า แต่วันนี้อยากจะเล่าเอากาศเย็นๆกับการกิน เพราะโควิด -19 ทำให้รู้เลยว่าฉันกำลังโหยหาอะไร ..... ^.< เครดิตภาพประกอบโดยผู้เขียน