ความเชื่อนั้นเป็นสิ่งที่คู่กับสังคมไทยมาอย่างช้านานและด้วยความที่ประเทศไทยนั้นได้มีการติดต่อการค้าขายและเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับหลากหลายประเทศมาแต่ครั้งอดีตจึงทำให้ในความเชื่อและศาสนาของประเทศไทยนั้นมีการผสมผสานกับความเชื่อจากหลากหลายศาสนาไม่ว่าจะเป็นคริสต์ อิสลาม หรือพราหมณ์-ฮินดู วันนี้จึงอยากจะพาทุกคนมาร่วมเรียนรู้วัฒนธรรมความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูที่อยู่ในประเทศไทยผ่านทาง “นวราตรี” งานเทศกาลสุดอลังการย่านสีลม งานที่ได้รับความสนใจจากทั้งคนไทยและคนต่างชาติอย่างล้นหลามก่อนอื่นต้องขอเล่าถึงตำนานความเชื่อของงานนี้กันก่อน โดยตำนานต่างๆนั้นมีมากมายแต่ส่วนมากจะมาจากนิทานพื้นบ้านที่มีเรื่องราวคล้ายๆกัน โดยเป็นเรื่องของชัยชนะของความดีเหนือความชั่ว เรื่องราวในตำนานเรื่องแรกคือเรื่องราวของชัยชนะระหว่างพระรามเหนือทศกัณฐ์ปีศาจผู้ลักพาตัวนางสีดา โดยคำว่า “Navaratri” แปลว่า 9 คืน ตามมหากาพย์ 'รามเกียรติ์' และวันที่สิบคือการต่อสู้ครั้งสุดท้ายระหว่างพระรามและทศกัณฐ์ โดยทุกคนจะพร้อมใจกันมาร่วมการเฉลิมฉลองโดยการเผารูปปั้นของทศกัณฐ์และเหล่าอสูรนั่นเองส่วนเรื่องที่สองเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระแม่ทุรคา โดยมีความเชื่อกันว่าพระแม่ทุรคาได้ต่อสู้กับอสูรควาย Mahishasura เพื่อสันติภาพและธรรมะ โดยเรื่องราวถูกเขียนในมหากาพย์ 'Devi Mahatmya' อย่างไรก็ตามในรัฐทางใต้ของอินเดียก็มีการเฉลิมฉลองที่แตกต่างกันส่วนในวัดแขกสีลม (วัดพระศรีมหาอุมาเทวี ) เนื่องจากทางวัดนนี้เป็นนิกายศักติจึงได้มีการร่วมกันจัดบูชาพระแม่อุมาเทวี (พระแม่ทุรคา) ขึ้นในวันที่ 8 ตุลาคม ของปี2019 โดยปีนี้ก็มีการจัดซุ้มอย่างครึกครื้นเหมือนทุกๆปี ด้วยทางวัดจะมีการศักการะปางต่างๆทั้ง 9 ปางเป็นระยะเวลา 9 วัน (วันขึ้น 1-9 ค่ำ เดือน 11 )และมีการแห่องค์พระแม่อุมาเทวีออกไปรอบๆวัดให้ผู้คนได้ศักการะบูชากันขบวนแห่ในปีนี้จะเริ่มออกจากวัดในเวลา 19.30 น. เราสามารถมาเดินดูซุ้มสักการะได้ตั้งแต่ช่วง 18.00 น.เนื่องจากเขาจะมีการปิดการจราจรของถถนนสีลม ตั้งแต่แยกนรารมย์ หน้าบริษัทการบินไทย จนถึงแยกสุรศักดิ์หน้าโรงแรมฮอลิเดย์อินน์ และบนฟุตของถนนตลอดสายนี้จะเต็มไปด้วยซุ้มสักการะองค์พระแม่อุมารวมถึงเทพฮินดูที่เกิดจากแรงศรัทธาของผู้ที่นับถือชาวไทยทั่วประเทศ ภายในซุ้มก็จะมีการตกแต่งด้วยดอกไม้และเครื่องประดับอย่างสวยงามโดยการกราบไหว้ขอพรนั้นจะนิยมใช้ดอกดาวเรื่องธูป หรืออาจจะมีมะนาวที่เป็นความเรื่องของการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไปด้วย ในบางซุ้มเขาก็จะมีธูปแจกให้เราเลยค่ะไม่ต้องเสียเงินซื้อ แต่สำหรับใครที่จะมางานนี้ขอแนะนำว่าหากเป็นคนแพ้ฝุ่นหรือเป็นหวัดง่ายแล้วละก็อยากให้พกผ้าปิดจมูกมาด้วยค่ะ แต่ถ้าใครหิวๆก็ไม่ต้องกลัวนะคะเพราะจะมีผู้ใจบุญคอยมาแจกอาหารและน้ำดื่มฟรีให้ด้วยเมื่อใกล้ถึงเวลาก็จะเริ่มมีเจ้าหน้าที่มาจัดระเบียบความเรียบร้อยให้ทุกคนนั่งอยู่บริเวณด้านข้างของ 2 สองฝั่งถนน ระหว่างนี้ก็จะมีคนของทางวัดมาเรี่ยรายเงินบริจาคให้เราได้ร่วมทำบุญด้วยแต่ต้องระวังมิจฉาชีพด้วยนะคะ ซึ่งส่วนมากแล้วคนของวัดจะใส่เสื้อยืดสีเหลืองของทางวัดและเดินประชิดติดกับขบวนแห่แต่ถ้าหากใครบังเอิญเจอพวกมิจฉาชีพหรือคนทรงที่ดูไม่น่าไว้วางใจก็สามารถไปแจ้งทางวัดได้หน้าขบวนแรกจะเป็นคนทรงทั้ง 3 ที่จะคอยโปรยผงหอมและผงขมิ้นให้ผู้คนที่มาร่วมงานได้รับพรกัน ซึ่งผงเจิมนี้เขาเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์หากมีไว้แล้วจะโชคดี จึงมีผู้คนมาแย่งรอรับกันอย่างดุเดือด พร้อมทั้งตะโกนคำสรรเสริญแก่คนทรงทั้ง 3 หากเป็นคนทรงองค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวีก็จะกล่าวว่า “โอมศักติโอม” และคนทรงของพระขันทกุมารจะกล่าวว่า “โอมเวล เวล” ส่วนคนทรงคนสุดท้ายจะเป็นคนทรงของพระแม่กาลีโดยกล่าวคำว่า “โอมกาลี โอม”นั่นเองเมื่อเหล่าคนทรงผ่านไปก็จะเป็นขบวนแห่อันสวยงาม โดยขบวนแรกก็คือขบวนรถขององค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวี ความพิเศษของงานนี้คือการได้เดินต่อแถวเข้าไปกราบไหว้พระอุมาเทวีใกล้ๆนี่แหละค่ะ เพราะโดยปกติแล้วจะถูกประดิษฐานอยู่ในวัดเท่านั้น เครื่องไหว้โดยมากก็จะเป็นดอกดาวเรือง มะพร้าว มะนาว และในบางคนก็จะมีการจุดไฟเล็กไว้ด้วยหลังจากขบวนแรกผ่านไปก็จะเป็นขบวนของ ขบวนคนทรงองค์พระขันทกุมาร ขบวนคนทรงองค์พระแม่กาลี ขบวนราชรถองค์พระพิฆเนศวรขบวนราชรถองค์พระขันทกุมาร ขบวนราชรถองค์พระกฤษณะ ขบวนราชรถองค์พระกัตตวรายัน ขบวนราชรถองค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวี พระแม่มหาลักษมีและพระแม่มหาสรัสวดีตามลำดับ เมื่อจบพิธีแล้วทุกคนจะพร้อมใจกันตอกมะพร้าวล้างถนนเพื่อเป็นการปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย สำหรับงานนี้หากใครที่ไม่สะดวกในช่วงกลางคืนก็สามารถเข้ามาขอพรภายในวัดในช่วงกลางวันได้นะคะเพราะในช่วงนี้ที่วัดก็จะมีการสวดมนตร์กันตลอดวัน