อื่นๆ

ทำอย่างไรถึงจะเก่งภาษาอังกฤษ?

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ทำอย่างไรถึงจะเก่งภาษาอังกฤษ?

ปัญหาที่ว่า ทำอย่างไรถึงจะเก่งภาษาอังกฤษคงเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกสำหรับใครหลาย ๆ คน ก่อนอื่นต้องบอกก่อนค่ะว่า ตัวผู้เขียนไม่ได้เป็นติวเตอร์สอนภาษาอังกฤษแต่อย่างใด เพียงแต่อยากเสนอมุมมองอีกมุมหนึ่งสำหรับคำถามนี้ให้ได้ลองอ่านกัน  ก่อนที่จะเข้าคำถาม “ทำอย่างไรถึงจะเก่งภาษาอังกฤษ” ผู้เขียนขอถามก่อนค่ะว่า “เก่งภาษาอังกฤษนั้นวัดจากอะไร” ถ้าหากสมมติผู้เขียนมีคนสามคนให้ท่านผู้อ่านช่วยเปรียบเทียบ ดังนี้

คนแรก เก่งไวยากรณ์ภาษาอังกฤษมาก ๆ สอบโทอิคกี่รอบก็ได้คะแนนเต็มทุกรอบ

คนที่สอง สามารถแปลงานวิจัยภาษาอังกฤษและสามารถใช้ศัพท์เฉพาะ ศัพท์วิชาการ ได้เป็นอย่างดี

คนสุดท้าย สามารถเป็นล่ามแปลภาษาอังกฤษให้กับชาวต่างชาติที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้

ทั้งสามคนนี้ ถามว่าใครเก่งภาษาอังกฤษกว่ากันคะ สำหรับตัวผู้เขียนนั้นผู้เขียนก็คงตอบว่าไม่มีใครเก่งกว่าใคร เพียงแค่ทั้งสามคนนั้นมีความถนัดในทักษะภาษาอังกฤษที่แตกต่างกันคนละด้านแค่นั้นเองค่ะ และถ้าถามตัวผู้เขียนถึงเทคนิคในการฝึกภาษาอังกฤษ ผู้เขียนมีเทคนิค 5 เทคนิค ดังนี้ค่ะ

Advertisement

Advertisement

1. เครดิตภาพจาก https://pixabay.com/photos/girl-english-dictionary-study-2771936/

  1. ถามตัวเองก่อนจะฝึกฝนภาษาอังกฤษว่า “เราต้องการภาษาอังกฤษมากแค่ไหน” “ทำไมเราถึงต้องอยากเรียนรู้และฝึกฝนภาษาอังกฤษล่ะ ” เราต้องเริ่มจากการเห็นถึงความสำคัญของภาษาอังกฤษก่อน เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าเราจะฝึกฝนภาษาอังกฤษไปทำไมแล้วภาษาอังกฤษมีประโยชน์ต่อเรามากแค่ไหน ถ้าเราสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ เราก็จะทำทุกวิถีทาง เพื่อที่จะได้เก่งภาษาอังกฤษมากยิ่งขึ้นและทุกอย่างที่เราจะเริ่มทำ ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อตัวของเราเอง
  2. เราต้องปรับมุมมอง ทัศนคติของตัวเองด้วยค่ะ อย่าไปคิดว่าภาษาอังกฤษนั้นยาก เมื่อมีทัศนคติที่ดีต่อภาษาอังกฤษแล้ว เราก็จะรู้สึกสนุก มีความสุขทุกครั้งที่ได้ฝึกฝนภาษาอังกฤษ
  3. การฝึกฝนในแต่ละทักษะ ควรจะมาจากความชอบและอยากที่จะเรียนรู้กับมันก่อน เพราะหากเราไม่ชอบแล้ว เราก็จะไม่สนุก ไม่มีความสุขที่จะเรียนรู้สิ่ง ๆ นั้นและท้ายที่สุดก็จะทำมันออกมาได้ไม่ดีและถอดใจไปได้ง่าย ๆ


    fun เครดิตภาพจาก https://pixabay.com/photos/fun-word-red-loop-english-letters-3943677/
  4. การฝึกฝนควรเริ่มฝึกจากระดับที่ง่ายไปหายาก ไม่ต้องไปเริ่มฝึกจากไวยากรณ์หรือสิ่งที่ยาก ๆ เพราะจะทำให้เรารู้สึกว่ามันยาก จนทำให้เราเหนื่อยและท้อได้ง่าย
  5. ท้ายที่สุดก็คือ ช่างขี้สงสัยและความอยากรู้อยากเห็น ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการไปอยากรู้อยากเห็นเรื่องชาวบ้านนะคะ ความอยากรู้อยากเห็น คือ เราพยายามสังเกตสิ่งรอบ ๆ ตัวเสมอ อย่างเช่น สมมติเราเจอป้ายตาม BTS เป็นภาษาอังกฤษ เราไม่เข้าใจคำศัพท์คำหนึ่งในป้ายแล้วเราก็ไปเปิดพจนานุกรมหาความหมายของคำศัพท์คำนั้น เป็นต้น เทคนิคสุดท้ายนี้เป็นเทคนิคที่ผู้เขียนให้ความสำคัญมาก เพราะมันจะพัฒนา
    ภาษาอังกฤษของเราในทุก ๆ ทักษะ มีความกระตือรือร้น ขวนขวายหาคำตอบในสิ่งที่เราสงสัยให้ได้ มันอาจจะฟังดูเล็กน้อย แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นสิ่งเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ที่นำไปสู่การพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ค่ะ


    2.เครดิตภาพจากhttps://pixabay.com/photos/english-english-language-language-2724442/

Advertisement

Advertisement

นี่ก็เป็น 5 เทคนิคที่ผู้เขียนฝึกฝนเองมาโดยตลอด ท่านผู้อ่านลองนำไปปรับใช้กันได้นะคะ แต่ไม่ว่าจะเทคนิคไหนก็ตาม ไม่มีอะไรตายตัวค่ะ บางเทคนิคอาจจะใช้กับบุคคลหนึ่งได้ แต่อาจจะใช้กับอีกบุคคลหนึ่งไม่ได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่าจะนำไปปรับใช้ให้เข้ากับตนเองอย่างไร แค่นั้นเอง สุดท้ายผู้เขียนอยากทิ้งท้ายไว้ว่า เราแค่เปลี่ยนคำถาม ทุกอย่างก็เปลี่ยนเองค่ะ เปลี่ยนจากคำถามที่ว่า “ทำอย่างไรถึงจะเก่งภาษาอังกฤษ? ” เป็น “วันนี้เราพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของตัวเองไปถึงไหนแล้ว ? ” “ วันนี้เราเข้าใจเรื่อง GERUND หรือยังนะ ? ” การที่เรารู้ภาษาอังกฤษที่มากขึ้นจากเมื่อวานนี้ เพียงเท่านี้ผู้เขียนเชื่อมั่นว่า ผู้อ่านทุก ๆ คนจะต้องมีทักษะภาษาอังกฤษที่ดีขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นกำลังใจให้กับผู้อ่านหลาย ๆ ท่านที่กำลังฝึกฝนภาษาอังกฤษอยู่นะคะ ขอแค่มีความมุ่งมั่นในการฝึกฝน ไม่ย่อท้อ อย่ายอมแพ้ รับรองว่าทักษะภาษาอังกฤษของคุณจะไม่เป็นสองรองใครแน่นอนค่ะ บอกกับ    ตัวเองเสมอว่า “You can do it”

Advertisement

Advertisement

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์