เพลง

ดอนผีบิน ปรัชญาแห่งเมทัล

733
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ดอนผีบิน ปรัชญาแห่งเมทัล

"อุกาบาตทางดนตรี"วงการเมทัลสยามพากันให้ขนานนามวงRockผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาร่วมสองทศวรรษ ซึ่งไม่ได้เกินเลยแม้แต่น้อยกับฉายานี้

ดอนผีบิน คือวงดนตรี สไตล์ แทรชเมทัล สปีดเมทัล รวมไปถึง โปรเกรสซีฟเมทัล ซึ่งมีความหนักหน่วงในภาคดนตรี มีเมโลดี้ที่สวยงาม  บีทจังหวะที่เร็วกระชั้นหนักหน่วงรุนแรงกว่า ดนตรี ฮาร์ดร็อคหรือเฮฟวี่เมทัลในยุค80' เอกลักษณ์คือเสียงกระเดื่องกลองคู่รัวสนั่นปานแผ่นดินถล่ม ผสานเสียงร้องสำรากแหบต่ำของนักร้องนำ คลอเคลียไปด้วยเสียงแตกพร่าของกีตาร์สับแหลกแหกด่านตรวจแอลกอฮอลล์ และตามมาด้วยเสียงเบสที่คอยกระตุกควบจังหวะจนมือแทบหงิก ใครเผลอลืมกินยา อาจมีช็อกเด้อ เหอ เหอ ความรวดเร็วของท่วงทำนอง อยากให้น้องดูหนัง fast and furious ที่มีพี่เบิ้ม วิน ดีเซลราง อ๊ะ!ขออภัย ดีเซลเฉยๆ แฮะ แฮะ ขณะรถของพระเอกกับผู้ร้ายกำลังขับเคี่ยวกันบนถนน ตีคู่กระหนาบข้างกันไปจนฝุ่นตลบ แบบไม่แคร์สายตาตำรวจจราจรที่ยืนมองตาละห้อย ถ้าฟังเพลงดอนผีบินควบคู่ไปด้วย รับรอง มันส์นรกแตก แต่ไม่แหกโค้งนะขอบอก อิอิ

Advertisement

Advertisement

เกริ่นแต่น้ำมาซะยาวยืดยังไม่เข้าเรื่องซะที ทีนี้เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าเนาะ ดอนผีบิน เป็นวงดนตรีร็อคสามพี่น้อง ตระกูลแก้วทิตย์ จากจังหวัดน่าน ภาคเหนือของประเทศไทย ก่อตั้งวงมาตั้งแต่ปี 2532 เนื่องด้วยเป็นพี่น้องกัน จึงไม่ชัดเจนในเรื่องการก่อตั้งวง ว่าเริ่มตั้งวงกันตั้งแต่ปี พ.ศ.ไหน แต่ที่แน่ๆ วงเหล้าตั้งกันทุกวัน แฮ่ (แซวเล่นจ๊ะ) พอปี 2536 ในฐานะ วงดอนผีบิน ก็ได้ฤกษ์เปิดอัลบั้ม ชำแรกรูหูชาวไทยเสียที กับอัลบั้ม ชุดโลกมืด พี่แกบอกว่า ชุดนี้ทำเป็นเดโมไปเสนอค่ายไหน มีแต่ เซย์โน ไม่มีโอเค ซักราย สุดท้ายต้องควักกระเป๋าทำกันเอง ฟังกันเอง ฮา... พี่สมบัติ แก้วทิตย์ เคยเป็นครูสอนศิลปะ แกจึงลงมือวาดรูปปกอัลบั้มด้วยตนเอง หน้าที่ของทั้งสามท่าน คือสามพี่น้อง ตระกูลแก้วทิตย์ แห่งวงดอนผีบิน

1.สมบัติ แก้วทิตย์ พี่คนโต มือกีตาร์ แต่งเพลง วาดรูปปกอัลบั้ม

Advertisement

Advertisement

2.สมศักดิ์ แก้วทิตย์ พี่รอง มือกลอง เล่นกีตาร์ในบางเพลงและในบางอัลบั้ม

3.สมคิด แก้วทิตย์ น้องคนเล็ก มือเบส ร้องนำ

ความจริง ผลงานทุกชิ้นทั้งหมดทุกคนก็มีส่วนร่วมในการทำเพลงด้วยกันทั้งหมดแหล่ะครับ เรือล่มในหนองแล้วทองมันจะไปไหน อิอิ

ชุดโลกมืด เป็นอัลบั้ม ที่ทำกันเอง ด้วยการเช่าห้องบันทึกเสียงทั้งในต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ แล้วก็ได้คุณ"อุกฤษณ์ พิทักษ์ประชากิจ" มือกีตาร์วง ”วิปลาส" มาเป็นซาวด์เอนจิเนียร์ รวมทั้งเป็นโปรดิวเซอร์ร่วมด้วยช่วยกันว่างั้น และด้วยทุนอันจำกัดจำเขี่ย จึงใช้จ่ายอย่างมีสติ มิฉะนั้นคงรับประทานมาม่ายาวเป็นเดือน  ชุดนี้กว่าจะสำเร็จเกิดเป็นรูปเป็นร่างได้ ก็ปลุกปล้ำกันนานถึง 3 ปี โอ้ พระเจ้า ยังกะหนังซีรีย์ภาคต่อความจริงรายละเอียดปลีกย่อยในการอัดเทปชุดนี้เยอะมากมายหลายขั้นตอนเล่าสามวันรับรองไม่จบ จึงเอาแค่พอหอมปากหอมคอก่อนละกันอัลบั้ม ชุดโลกมืด

Advertisement

Advertisement

แล้ววันที่เปิดตัว เรียกว่า ธรรมดาโลกไม่จำ ต้องระกำลำบากตรากตรำเท่านั้นถึงจะจำกันดี หลังอัลบั้มชุดนี้ สะเด็ดน้ำ พร้อมวางตระกร้าออกจำหน่าย เพื่อไปกระแทกโสตประสาทรูหูชาวประชาชนเฮฟวี่แห่งสยามได้เสพกัน วันเปิดตัว คือวันที่ วงเมทัลระดับโลก นั่นคือ "Matalica" วงแทรชเมทัล ระดับตำนาน ผู้ยืนหยัดยืนยง คงกระพัน อหังการ์ มาตราบเท่าทุกวันนี้ ซึ่งวันเปิดการแสดงของวง เมทัลลิกา คือวันที่ 15 เมษายน 2536 ณ.สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เหมือนโชคหล่นโครม เมื่อดอนผีบิน ม้านอกสายตา ได้รับเลือกให้เล่นเป็นวงเปิด ถือเป็นเกียรติแก่คณะ ของวงร็อคตัวน้อยๆ แล้ว ดอนผีบิน ก็ไม่ยอมปล่อย ให้โอกาสอันงดงามนี้หลุดลอยไป จึงนำอัลบั้ม ชุดโลกมืด มาวางจำหน่ายที่หน้างานด้วย เหมือนยิงปืนนัดเดียวแต่ได้นกตั้งสองตัว ได้เล่นเป็นวงเปิดแล้วยังได้นำผลงานตัวเองมานำเสนอด้วย แฟนคลับ วงเมทัลลิกา ผู้ยังติดใจในลีลาการแสดงของเหล่าขุนพลดอนผีบิน จึงพากันอุดหนุนซะเกลี้ยงแผง เล่นเอาเจ้าของผลงาน อึ้งกิมกี่ ปลาบปลึ้ม จนเก็บอาการดีใจเอาไว้แทบไม่อยู่...

ทำไมถึงต้องพาดหัวด้วยสำนวนนี้"ดอนผีบินปรัชญาแห่งเมทัล" ถ้าได้ยินเพลงหนักกระโหลก เสียงร้องแหบพร่า แหกปากตะโกนแข่งกับเสียงแตรรถสิบล้อล่ะก็ อย่าเพิ่งเข้าใจอยู่ฝ่ายเดียวว่า เนื้อร้องมันต้องพูดถึงแต่เรื่อง ฆาตกรรม ความตาย เซ็กส์และการบูชายัญ หรือไม่ก็จะกล่าวถึงเรื่อง ซาตาน หรือลูซีเฟอร์ ตามแบบฉบับ วงดนตรีแนว Deathmetal ของเมืองนอก แต่ทั้งนี้ไม่ใช่กับวงดอนผีบิน ที่เนื้อหาเต็มไปด้วย วลีสวยๆ ในเนื้อเพลงที่สื่อออกไป กล่าวถึงสัจจะธรรม ธรรมชาติ ภูเขา ป่าต้นน้ำ ที่กำลังถูกคุกคามจาก คำว่า ความเจริญ และอุตสาหกรรม ที่กำลังรุกคืบ เข้าทำลายธรรมชาติให้ย่อยยับลงไปเรื่อยๆ เจตนารมณ์ อันแน่วแน่ของวงคือ การอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ โดยได้พี่ใหญ่ ครูสมบัติ แก้วทิตย์ ผู้เปรียบเสมือนฟันเฟืองหลัก ในการพาเจ้า ค้างคาวรัตติกาล ที่มีนามว่า "ดอนผีบิน" ได้โฉบเฉี่ยวโบยบินสื่อสารไปยังทุกคน ให้รับรู้ และตื่นกลัวต่อภัยพิบัติที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ ที่มีชื่อว่า "นายทุน"

เพลงของดอนผีบิน นอกจากได้ความสะใจในท่วงทำนองที่รวดเร็ว ดุดันเกรี้ยวกราด แล้วยังได้สอดสาระลงไปในเนื้อเพลงอย่างแยบยล ฟังแล้วรื่นหู ได้อรรถรส ทั้งสะใจ ทั้งได้แง่คิด เป็นปรัชญาชีวิตติดพ่วงมาด้วย หากซื้อผลงานของวงไปฟัง ผมว่ามันเกินคุ้ม อย่างน้อย วงดอนผีบิน วงไทย เนื้อร้องภาษาไทย ที่ฟังกันรู้เรื่อง เรื่องดนตรี หายห่วง ฝีมือชั้นครู ผนวกกับใจรัก และปริญญาตรีที่เป็นดั่งพาสปอร์ตชีวิต การันตีได้ถึงคุณภาพคับแก้ว เปิดเพลงแรกมาสัมผัสได้ถึงเอกลักษณ์ของวงชัดเจน

เพลงเปิดตัวเพลงแรก"ต่างคน" ก่อนเข้าเพลง มีการใส่เสียงผู้คนพูดคุยกันดังอื้ออึง ก่อนจะฟาดกระหน่ำด้วยท่อนริฟฟ์กีตาร์งดงามตามท้องร่อง กลองอัดกระแทกเหมือนไปโกรธใครมา เบสกระชากจังหวะกระชับ ควบคู่ไปกับเสียงร้องแหลมสูงตามแนวทางเฮฟวี่ ชุดนี้ฟังง่าย เพราะยังก้ำกึ่ง ระหว่างเฮฟวี่กับสปีดเมทัล

เพลงสอง "โลกันตร์โลกา" ริฟฟ์กีตาร์ปูทางก่อนอัดกระหน่ำด้วยกลองเสียงร้องและเบส

จังหวะยังคงความเร็วระดับที่คอร็อคทั่วไปยังพอฟังได้ เมโลดี้สวยงาม ลูกโซโล่ รวดเร็ว พริ้วไหว มากมายด้วยเทคนิคแพรวพราว ประมาณว่ามีอะไรใส่ให้หมด

"เพียงหนึ่งเดียว" ถูกปรับจังหวะให้เร็วขึ้นไปอยู่ในระดับ แทรชเมทัล แต่ยังคงเสียงร้องสะอาดแหลมสูงเหมือนเดิม เข้าเพลงมา ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหมือนรถที่พุ่งมาจากไหนไม่รู้เข้าสู่สนามแข่ง อัดกันตั้งแต่เริ่มสตาร์ท ตรงดิ่งไม่เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา แล้วโซโล่กีตาร์ก็รับช่วงยาว ด้วยเทคนิค arpeggio หรือ sweep picking ที่ลื่นไหล ประดุจการไหลเชี่ยวของสายน้ำน่าน ใครที่ชื่นชอบหลงไหลในสำเนียงกีตาร์ ดอนผีบินมีให้เสพเต็มอิ่ม

นอกจากนี้ยังมีเพลงบรรเลงที่เน้นโชว์ลูกเล่นและทักษะ การเล่น ไม่ว่า กีตาร์ กลอง หรือว่าเบส เช่น เพลง Street of Life และเพลงWhen The Sun Is Going Down กับเพลงบรรเลงทำนองช้าๆที่ไม่ซ้ำแบบใคร อย่างเพลง Back to The Nature รวมถึงเพลงบัลลาดที่สอดใส้เนื้อหาสาระอันน่าจดจำเอาไว้ครบครัน เช่นเพลง ไกลบ้าน,ผ่านวัน,และ ลีลาลวง ปิดท้ายด้วยเพลง ทำไม? เป็นเพลงส่งท้ายเพื่อส่งคุณเข้านอน หรือจะไปกินเหล้าต่อก็เรื่องของคุณเถอะ ฮ่า ฮ่า ว่าแต่อย่าลืมชวนผมด้วยนะ อิ อิ

ก่อนเข้าเพลง เริ่มด้วยเสียงปืนกลยิงรัวสนั่น ตามมาด้วยเสียงสั่นเครือของเด็กผู้หญิงที่ร้องเรียกหาพ่อ แล้วก็เงียบไป ฟังแล้วรู้สึกสะเทือนใจยิ่งนัก เข้าเพลงด้วยเสียงอะคูสติกกีต้าร์ตีคอร์ดช้าๆคลอเสียงร้องที่ให้ความรู้สึกคร่ำครวญเจ็บปวด ก่อนจะตบท้ายด้วยจังหวะ สปีดเมทัลนรกแตก แล้วก็จบลงด้วยความอิ่มเอมเกษมสำราญใจครูสมบัติ แก้วทิตย์

ดอนผีบิน ถูกจำกัดว่าเป็นเพลงใต้ดิน แต่เนื้อหากลับสูงส่ง ประหนึ่งแสงเทียนส่องนำทาง ให้กับคนมืดบอด ได้พบกับแสงสว่างและสัจจะธรรม จึงไม่แปลกใจ ที่แฟนคลับของดอนผีบิน ยังคงเหนียวแน่น แม้วงนี้จะผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนานถึงสองทศวรรษ แต่เนื้อหาของบทเพลงยังคงร่วมสมัยไม่มีวันเสื่อมคลาย เจตนารมณ์อันหนักแน่นยังคงมุ่งเน้นไปในเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ ครูสมบัติ แก้วทิตย์ ผู้เป็นหัวหอกนำพาดอนผีบินขึ้นครองใจชาวร็อค ยังคงดำเนินชีวิตอยู่ท่ามกลาง ผืนป่า ต้นน้ำ คอยดูแลอนุรักษ์ผืนป่า บนถิ่นฐานบ้านเกิด เพราะครูบอกว่า เมื่อไม่มีป่า ก็ไม่มีชีวิต ทุกชีวิตต้องพึ่งป่า เทคโนโลยีแม้ก้าวล้ำ แต่มันก็นำพาหายนะมาสู่คน เหมือนดาบสองคม คมหนึ่งให้คุณอนันต์ แต่อีกคมก็ให้โทษมหันต์ได้เช่นกัน ทุกวันนี้ป่าถูกทำลายลงไปมาก ด้วยน้ำมือ ผู้มีอำนาจ ผู้ที่นำพา อุตสาหกรรมเข้าไปทำลาย แต่พยายามบอกว่า นี่คือความเจริญ แต่แท้จริงแล้ว มันคือความชิบหาย ที่ได้มามันคือเงินตราอยู่ในกระเป๋านายทุนเพียงหยิบมือ แต่ความเดือดร้อนกลับตกอยู่กับส่วนรวม

สรุปวงดอนผีบิน คือวงร็อคทรีโอ3พี่น้อง แห่ง จ.น่าน ที่เล่นดนตรีแนว เฮฟวี่เมทัล แทรธเมทัล สปีดเมทัลและโปรเกรสซีฟเมทัล จุดเด่นคือเนื้อร้องที่เรียงร้อยเป็นบทกลอน ผ่านการขัดเกลา อย่างปราณีต ซึ่งหายากมากในดนตรีแนวเมทัล เสน่ห์อีกอย่างคือการร้องที่ออกอักขระ วรรณยุกต์ควบกล้ำได้อย่างชัดเจนไพเราะ ดอนผีบินมีงานสตูดิโออัลบั้มรวมทั้งหมด9อัลบั้มด้วยกัน รวมถึงงานอื่นๆ อาทิเช่น

1.โลกมืด(2536)

2.เส้นทางสายมรณะ(2537)

3.อุบาตว์ อุบัติ(2538)

4.สองฟาก(2540)

5.สัญญาณเยือน(2543)

6.ปรากฎการณ์ ปรากฏกาย(2545)

7.แดนดินทิพย์ (Utopia-Part 1)2556

8.Rutern To The Nature ชีวิต พลัง ความหวัง จุดหมาย สู่ปลายกาล(2556)

9.แสงสองสู่พันธนาการ (Utopia-Part 2)2559

งานบันทึกการแสดงสด

1.Return to the Nature(2540)

1.ใต้ตะวันเดียวกัน (Ballads Collection)(2540)

2.Speed Collection(2540)

งานเดโม

1.Harsh & Raw (รวมเดโม ช่วง พ.ศ. 2525-2531)

2.Harsh & Raw 2 (รวมเดโม ช่วง พ.ศ. 2533-2538)

3.สัญญาณเยือน Part 1 (พ.ศ. 2541)

หากท่านใดอยากทราบเรื่องราวหรือประวัติความเป็นมาของ วงดอนผีบิน ให้ละเอียดครบถ้วนกว่าที่นำเสนออยู่นี้ ก็เชิญได้ที่

www.donpheebin.com

ขอขอบคุณพี่ สมศักดิ์ แก้วทิตย์ ที่อนุเคราะห์ภาพปก

ภาพประกอบที่1

ภาพประกอบที่2

ภาพประกอบที่3

https://www.somsakkaewthit.com/

ดอนผีบิน 25 Years Official Fan Club

​​​​

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์