ตลาดหัวตะเข้ ชุมชนที่คนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ร่วมกันสร้างสรรค์งานศิลปะบนความคลาสสิกได้อย่างลงตัว บทความนี้ขอชวนทุกคนมาร่วมเรียนรู้และออกค้นหาความพิเศษของสถานที่นี้ พร้อมแล้วก็ออกเดินไปที่ตลาดหัวตะเข้ เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ทางเดินในชุมชนที่นี่เป็นถนนเส้นเล็กที่ผ่ากลางกลุ่มตึกแถวไม้ทรงโบราณซึ่งห้องแถวอันเป็นกิจการร้านรวงต่างๆของชาวชุนชน ภายใต้ชายคาเดียวกันของตึกแถวไม้ทรงโบราณ ก้าวข้ามถนนเส้นเล็กจะเจอกับร้านค้าที่มีลักษณะเปิดโล่ง บ้างเป็นร้านอาหาร ร้านขายเครื่องดื่ม และลานกิจกรรมชุมชน ขณะนั้นมีวงดนตรีของชาวชุมชนบรรเลงขับกล่อม บริเวณนี้จึงเหมาะสำหรับนั่งพักผ่อน รับลมเย็น มองดูกระแสน้ำของคลองประเวศบุรีรมย์ไหลผ่านเฉื่อยฉิว ให้ความรู้สึกสบายใจเป็นอย่างยิ่ง กลางลำคลองมีสะพานโบกปูนขาวทอดร่างพาดผ่านเชื่อมชุมชนสองฝากฝั่ง เหนือสะพานมีข้อความจารึกว่า ชุมชนหลวงพรต-ท่านเลี่ยม ชุมชนฝั่งนี้เป็นตลาดเก่าริมน้ำ เงียบสงบและร่มรื่น แต่อีกฝากฝั่งกลับเป็นย่านชุมชนพลุกพล่าน จอแจด้วยผู้คนที่เปี่ยมด้วยพลังชีวิตและเป็นเรี่ยวแรงสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ เป็นความแตกต่างอย่างลงตัวอันมีคลองประเวศบุรีรมย์เป็นพรมแดนธรรมชาติกั้นกลาง หัวตะเข้ เป็นชื่อที่ใช้เรียกขานชุมชนแห่งนี้มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อมีการขุดคลองประเวศบุรีรมย์ไปตัดกับคลองหัวตะเข้และคลองลำปลาทิวตรงบริเวณที่เรียกว่า สี่แยกหัวตะเข้ ในครั้งนั้นได้ขุดพบหัวกะโหลกจระเข้ขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 2 เมตร ตรงบริเวณเหนือคลองหัวตะเข้ จึงเป็นที่มาของชื่อชุมชนแห่งนี้และชื่อคลองสายดังกล่าว ต่อมาคุณหญิงเลี่ยม ธิดาของท่านเจ้าคุณทหาร ได้มอบที่ดินในศักดินาให้ชาวบ้านตั้งเป็นชุมชน ได้ชื่อ ชุมชนหลวงพรต-ท่านเลี่ยม เพื่อระลึกถึงคุณูปการของท่านทั้งสอง โดยชื่อที่เรียกกันทั่วไป คือ ตลาดหัวตะเข้ ซึ่งในอดีตเมื่อ 80 ปีที่แล้วเคยเป็นย่านการค้าสำคัญ อันเป็นจุดรุ่งเรื่องของชุมชน ภายหลังมีการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ตลาดหัวตะเข้จึงซบเซาและทรุดโทรมตามกาลเวลา หากแต่ศิลปะได้ช่วยเยียวยาและฟื้นฟูที่นี้อีกครั้ง เดินย่ำบนถนนสายวิถีชีวิตที่อยู่เคียงคู่กับประวัติศาสตร์ร่วม 100 ปี ของตลาดหัวตะเข้ ห้องแถวหลายแห่งแปรสภาพเป็นแกลเลอรี่แบบบ้านๆ บางห้องจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้เก่าแก่ที่อนุรักษ์ไว้ บางห้องยังมีของเก่าให้ซื้อหาเก็บสะสม ตามจุดต่างๆในชุมชนถูกแต่งแต้มด้วยงานศิลปะหลากหลาย กราฟฟิตี้หลายแนวหลากสีสันของคนรุ่นใหม่ปรากกฎให้เห็นอยู่ทั่วชุมชน ตลาดหัวตะเข้เคยรุ่งเรืองมาแต่อดีต แต่เมื่อความเจริญภายนอกเข้ามาเยือน ที่นี้ก็ซบเซาลงไปถนัดตา มีการเคลื่อนย้ายออกของคนในชุมชน มิหนำซ้ำตลาดหัวตะเข้เคยประสบวิกฤตเพลิงไหม้ถึง 3 ครั้ง ในปี 2541 , ปี 2556 และปี 2557 เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ชาวชุมชนพยายามพลิกฟื้นตลาดหัวตะเข้ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งด้วยความที่ชุมชนแห่งนี้มีต้นทุนที่ดี เพราะอยู่ใกล้กับสถาบันการศึกษาทางด้านศิลปะหลายแห่ง ซึ่งลูกหลานในชุมชนส่วนใหญ่ได้เข้าศึกษาในสถาบันเหล่านั้น แกนนำชุมชน กลุ่มคนรักหัวตะเข้ จึงเกิดไอเดียนำศิลปะมาฟื้นฟูชุมชน โดยหวังให้เยาวชนมาร่วมกันสร้างสรรค์พัฒนา จึงเกิดเป็นตลาดนัดศิลปะ เพื่อให้คนในชุมชนตระหนักถึงความสำคัญของบ้านหลังนี้ และเพื่อให้คนนอกเข้าใจจุดยืนของชุมชน การนำศิลปะมาเยียวยาและฟื้นฟูชุมชน แม้ไม่ได้เห็นผลทันตา แต่ก็มีแนวโน้มพัฒนาไปในทางที่ดี เมื่อชาวชุมชนตอบรับการปรับตัวและร่วมใจกันเปลี่ยนแปลง ตลาดนัดศิลปะก็กลายเป็นจุดขายหนึ่งในชุมชน นอกเหนือไปจากการสร้างมูลค่าให้ตลาดหัวตะเข้แล้ว ศิลปะทำให้ที่นี้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งตลาดหัวตะเข้มีความธรรมดาที่เป็นธรรมชาติซ่อนอยู่จริงๆ ความธรรมดาอยู่ในสถานที่ ส่วนธรรมชาติอยู่ในผู้คน ขอชวนทุกคนมาร่วมเรียนรู้และออกค้นหาความพิเศษของสถานที่นี้ ตลาดหัวตะเข้ เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ภาพถ่ายโดยผู้เขียน