หากเราเป็นผู้ค้ำประกันหนี้ หรือให้ผู้อื่นยืมชื่อไปใช้เพื่อเป็นหนี้ อันดับแรกที่ต้องรู้ก็คือ “เราเป็นหนี้ด้วยเหมือนกัน” แต่ไม่มีหน้าที่โดยตรงที่ต้องจ่ายชำระเท่านั้นเอง (หากอยู่ในภาวะปกติ) ดังนั้นสิ่งที่ควรทำก็คือ ติดตามการชำระหนี้ดังกล่าวอยู่เสมอ ว่าจ่ายชำระปกติหรือเปล่าและปิดหนี้ก้อนนี้ไปแล้วหรือยัง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความสบายใจของเราเองในทางตรงกันข้าม หากเราคิดว่าหนี้สินก้อนนี้ไม่เกี่ยวกับเรา และเราไม่มีหน้าที่ชดใช้ วันหนึ่งอาจเกิดเรื่องไม่คาดคิดเอาได้ เช่น ถูกยึดบ้าน เรื่องราวจะเป็นยังไง ไปอ่านกันเลย...ประเด็นแรกเรื่องของที่อยู่ เอกสารที่เรากรอกลงไป จะมีช่องให้กรอกที่อยู่ 2-3 ช่อง เช่น ที่อยู่ตามภูมิลำเนา , ที่อยู่ตามบัตรประชาชน , ที่อยู่ปัจจุบัน เป็นต้น ส่วนนี้สำคัญอย่างมาก เพราะหากมีปัญหาเรื่องการถูกฟ้องศาลขึ้นมา จะมีหมายศาลไปหาเราตามที่อยู่ดังกล่าวไม่ที่ใดก็ที่หนึ่ง เราจะอ้างว่าไม่ได้รับหมายศาลไม่ได้ แม้จะยืนยันหนักแน่นเพียงใดก็ตามเพราะหลักปฏิบัติของพนักงานเดินหมายศาลคือ เค้าจะถ่ายภาพเก็บไว้ เพื่อเป็นหลักฐานประกอบในสำนวนเสมอ และจำเลยสามารถไปขอดูได้ จึงทำให้การแจ้งว่าไม่เคยได้รับหมายศาล “ฟังไม่ขึ้น”หลังจากที่ลูกหนี้ไม่ได้ไปฟังศาลตัดสิน จึงไม่ได้โต้แย้งใด ๆ เกี่ยวกับหนี้ที่ถูกฟ้อง เป็นผลให้ไม่ได้แก้ปัญหาที่เล็กกว่า ซึ่งก็คือการเจรจาต่อรองกับเจ้าหนี้ เพื่อชดใช้หนี้ตามที่ถูกฟ้อง (ในฐานะผู้ค้ำประกัน) แล้วไปไล่เบี้ยกับลูกหนี้ตัวจริงอีกที ดังนั้นสิ่งที่เจ้าหนี้จะดำเนินการต่อไปก็คือ “สืบทรัพย์บังคับคดี” ซึ่งมีเวลาในการสืบทรัพย์ถึง 10 ปี ... จุดที่เพื่อนเราพลาด จนทำให้บ้านถูกยึดคืออะไร? ตามไปอ่านกันต่อเลยค่ะเพื่อนเราได้รับหมายบังคับคดีมาปิดที่บ้าน อ่านในรายละเอียดจนครบถ้วน ก็รู้ที่มาที่ไปของสาเหตุ ซึ่งเป็นเรื่องของการค้ำประกันให้เพื่อนอีกที เหตุการณ์ไล่ลำดับตามด้านบนทั้งหมดในเรื่องของหมายศาล จึงรีบนำหมายยึดบ้านไปที่ธนาคาร แต่ไม่รู้ว่าไปคุยกันยังไง จึงเข้าใจผิดว่าธนาคารจะระงับการขายทอดตลาดให้ หลังจากนั้นไม่เกิน 1 เดือน บ้านก็ถูกขายทอดตลาดสำเร็จเสร็จสรรพตามกระบวนการทางกฎหมายเราได้แต่นั่งถอนหายใจ ไม่ได้จะซ้ำเติม แต่ขอใช้คำว่าอธิบาย... จากที่ได้รับหมายยึดบ้านแล้ว ต้องให้เจ้าหนี้ส่งเอกสารแถลงขอถอนการยึดทรัพย์และถอนการบังคับคดี ส่วนนี้เคยได้พูดคุยกันหรือเปล่าให้คิดให้ดี ๆ เพราะเจ้าหนี้ต้องระบุในเอกสารว่า มีการชำระหนี้ตามข้อตกลงครบถ้วนแล้ว กับเจ้าพนักงานบังคับคดี ส่วนค่าใช้จ่ายและการเดินเรื่อง ลูกหนี้จะต้องเดินเอกสารเองทั้งหมด เคยได้จัดการส่วนนี้บ้างไหม? … เพื่อนตอบกลับมาว่า “ไม่เคย!!”เราจึงบอกไปว่า นั่นแหละที่พลาดอย่างแรง เมื่อทางกรมบังคับคดีไม่ได้รับเรื่องใด ๆ ก็จะดำเนินการขายทอดตลาดไปตามเอกสาร เจ้าหนี้ไม่มีหน้าที่นำทรัพย์ไปขายทอดตลาด ซึ่งเอาจริง ๆ ระหว่างทางมันสามารถแก้ไขได้ตลอด แต่เราต้องอ่านในเอกสารให้ดี ๆ ว่าเราต้องติดต่อไปที่ไหนบ้าง หากเราไม่เห็นด้วยก็จะสามารถโต้แย้งได้ตามระยะเวลาเช่นกันเพื่อนเราทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ต่อไปนี้เรื่องหนี้สินคงต้องเอาใจใส่ให้มากขึ้น และจะไม่ค้ำประกันเงินกู้ให้ใครอีกแล้ว ตอนนี้กำลังยื่นเรื่องขอกู้เงินกับธนาคาร เพื่อซื้อบ้านหลังนั้นกลับคืนมา เพราะเจ้าของใหม่ที่เค้าประมูลได้บ้านไป เค้ายินดีขายคืนให้ แต่ขอบวกค่าเสียเวลาเล็กน้อย ตอนนี้เค้าก็ให้อยู่ที่บ้านต่อไปจนกว่าเงินกู้จะอนุมัติ แต่หากอนุมัติช้ากินเวลาหลายเดือน ก็อาจจะขอให้เราจ่ายค่าเช่าในราคาถูกแทน ส่วนเรื่องหนี้ที่ไปค้ำประกันเอาไว้ ก็จะต้องไปไล่เบี้ยเอาคืนมาแน่นอน (น้ำเสียงเจ็บใจอย่างแรง!)จากกรณีนี้ให้ข้อคิดกับเราว่า “สติ” สำคัญที่สุด เมื่อได้รับเอกสารเรื่องหนี้สินใด ๆ ก็ตาม แม้เราจะไม่ได้เป็นผู้ก่อขึ้น เราก็ต้องดึงสติกลับมาและตั้งต้นแก้ปัญหาให้จงได้ มิเช่นนั้น หนี้สินเพียงหลักหมื่นกลาง ๆ อาจะทำให้ถูกยึดบ้านหลักหลายแสนได้เช่นกันกดที่รูปโปรไฟล์ แล้วกด “ติดตาม” เอาไว้นะคะ เรามีประสบการณ์เรื่องการจัดการหนี้สินและการเงินมาแชร์อีกเยอะเลยค่ะบทความน่าอ่าน :- ผู้ค้ำประกันหนี้ กยศ.ต้องอ่าน!! เมื่อถูกฟ้องบังคับคดี (ยึดทรัพย์)- ถูกฟ้องศาลหนี้บัตรเครดิต ไม่ไปศาลได้หรือไม่? (กรณีได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโควิด-19)- ลูกหนี้ต้องรู้!! 3 ข้อ รับมือกับหมายศาล สินเชื่อส่วนบุคคลที่หมดอายุความขอขอบคุณภาพจาก : ภาพปก : Free-Photos / Pic 1 : StefanHoffmann / Pic 2 : QuinceCreative / Pic 3 : klimkin / Pic 4 : nattanan23