ก่อนอื่นเลยผมต้องขอเขียนเรื่องราวย้อนกลับไปเมื่อสมัยผมยังเป็นเด็กสมัยที่ผมยังเรียนมัธยมต้นเรื่องราวในเรื่องของการเรียน ตอน ม.1 ผมเป็นเด็กที่ไม่ใส่ใจการเรียนครูสอนไม่ฟัง การบ้านไม่ทำ ตอนเช้าผมก็รีบมาลอกเพื่อน ตอนสอบผมทำข้อสอบไม่ได้ถึงกับต้องต้องสอบซ่อม ผมมักจะสอบผ่านแค่ 2 วิชา พละศึกษา กับ วิชาในหมวดสังคม 1 วิชา เท่านั้น เพื่อนร่วมห้องของผมจะไม่ค่อยมีใครอยากคบกับผมมองผมเหมือนเป็นคนไม่มีค่าไม่มีคนอยากคบอยากคุยด้วย แต่คนที่เรียนได้คะแนนดี จะมีเพื่อนเยอะมากมาย และได้รับคำชื่นชมจากครู ซึ่งต่างจากผมโดยสิ้นเชิง ผมมักเป็นตัวตลกในห้องเรียนอยู่เสมอ และยังโดนคนอื่น ด่าอีกด้วยว่าโง่ ...... แม้แต่คนใกล้ตัวของผม พ่อของผมเอง ผลออกมาผมได้เกรดเฉลี่ย 1 กว่า ๆ เกรดนี้ไม่ได้ได้มาง่าย ๆ เพราะผมต้องตามสอบซ่อมเป็น 10 วิชา แต่แล้วก็มีผู้หญิงเพื่อนร่วมห้องของผมคนหนึ่งเธอมาพูดประโยคที่ผมไม่เคยลืม “ ใครจะไปอยากสนใจคนอย่างผม แค่เรียนยังไม่ได้เรื่องเลย ?” ตอนนั้นผมครุ่นคิดว่าผมนั้นไร้ความสามารถจริงหรือเปล่า….เวลาผ่านไป ม.2 ผมโตขึ้นอีก 1 ปี ไม่มีความรู้อะไรจาก ม.1 ติดตัวมาเลย แต่สิ่งที่มีติดมาคือคำพูด ที่ผมไม่เคยลืม และมีสิ่งใหม่ที่ผมกำหนดขึ้น คือ "เป้าหมาย" ผมจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่าผมทำได้ (ผมอยากลองดูอยากเป็นที่ชื่นชมของคนอื่น บ้าง) ผมเปลี่ยนแปลงตัวเอง ตั้งแต่การจัดระเบียบหนังสือ จัดตารางสอน ทำการบ้าน ส่งงานให้ตรงเวลา ผลการเรียนของผมดีขึ้นเลื่อย ๆ จากนักเรียนที่ไม่ค่อยมีคนอยากคบผม โดนกล่าวหาว่าโง่ หรือเด็กที่ไม่เป็นที่ยอมรับของครู กลับเป็นว่าเพื่อนเริ่มเข้าหาผมมากขึ้น ตอน ม.2 ผมได้เกรดเฉลี่ย 2.74 ตอน ม.3 ผมเรียนดีติดอันดับ 3 ของห้อง ด้วยเกรดเฉลี่ย 3 กว่า ๆ คุณครูประจำชั้น ได้เรียกผมเข้าไปคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ครูถามผมด้วยความสงสัย “อะไรทำให้ผม เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้” ผมตอบกลับไปว่า “ผมไม่อยากโดนคนอื่นกล่าวหาว่าผมเป็นคนที่ไม่เอาไหนอีกแล้ว” ผมพยายามอย่างในขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงตัวเองมันไม่ง่ายเลยที่จากเด้กไม่จับหนังสือมาอ่าน แต่มานั่งอ่านหนังสือทุก ๆวัน ตั้งแต่นั้นมาเมื่อขึ้น ม.ปลาย ผมได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าห้องรับผิดชอบโครงการต่าง ๆ และได้รับใบประกาศในงานวิชาการ พอมองย้อนกลับไปมีคนเคยมองผมด้วยสายตาคนไม่เอาไหน แต่เมื่อผมเปลี่ยนไปมีคนชื่นชมผมและมีคนมาขอคำปรึกษาจากผม ให้ผมสอนการบ้าน ให้ผมช่วยติววิชาที่จะสอบ และผมสามารถให้คำตอบและช่วยเขาได้ผมรู้สึกว่าในตอนนั้นผมประสบความสำเร็จ มันเป็นเหมือนเป็นเนื้องอกส่วนหนึ่งของผมที่ไม่มีวันลืมว่าผม เคยโดนว่ามาอย่างไร แล้วผมสามารถตัดมันออกมาได้ด้วยตัวเอง ทำให้ผมตั้งแต่นั้นผมเชื่อมาตลอดว่าหากผมจะทำอะไรผมต้องทำได้ และชีวิตในการทำงานก็เช่นกัน ผมอยากให้ผู้อ่านทุกคน ไม่ว่าอยู่ในสถานะอะไรนักเรียน นักศึกษา วัยทำงาน ตำแหน่งอะไร ก็ตาม หากวันนึ่งมีคน 100 คน มาชี้หน้าคุณว่า โง่ ไม่เอาไหน ไม่มีความสามารถ ไม่ประสบความสำเร็จ ! เพราะสิ่งที่คุณทำมันผิดพลาด1. คุณอย่าท้อแท้หรือเก็บมาใส่ใจ2. คุณไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ในอดีตได้ 3. คุณต้องให้อภัยคนเหล่านั้น และคุณต้องให้อภัยตัวเอง และมันไม่ใช่ความผิดของคุณเลย4. คุณสามารถเป็นตัวคุณได้ดีในปัจจุบัน ทำในสิ่งที่คุณอยากทำให้มันดีขึ้น วัน ละ 1 % มันก็ยังดีอาจจะยังมีคนอีก หลายแสนคน ที่กำลังพยายามเหมือนกับคุณ และคนเหล่านั้น ก็อาจจะหวังเหมือน ๆ กับคุณนั้นแหละ ในอนาคตอาจยังมีคนที่ยอมรับ คนที่ค่อยชื่นชมคุณในความเป็นคุณในสังคมอื่น ๆ หรืออีกมุมหนึ่งในโลกนี้ก็ได้ สุดท้ายนี้ ผมหวังว่า บทความนี้จะสามารถทำให้ผู้อ่านได้มีพลัง ไม่ท้อแท้ในชีวิต ไม่ยึดติดกับคำวิจารณ์ของผู้อื่นมากไป และให้อภัยตัวเองในอดีต ทั้งนี้ หากมีข้อผิดพลาด ผมต้องข้ออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ