ไลฟ์แฮ็ก

ความเเตกต่างระหว่าง "Work from Home" กับ "Freelance"

142
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ความเเตกต่างระหว่าง "Work from Home" กับ "Freelance"

ในวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ เช่นเดียวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อสายงานหลายด้าน ซึ่งในวิกฤตนี้หลายองค์กรปรับเปลี่ยนการทำงานให้พนักงานทำงานได้จากที่บ้าน หรือ Work From Home ซึ่งในบางธุรกิจสามารถทำได้ และเป็นการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ด้วย!

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากแบงก์ชาติระบุว่า มีสายงานเพียง 6% เท่านั้นที่สามารถทำงานที่บ้านได้ โดยจะเป็นกลุ่มที่ไม่ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ เช่น ฝ่ายผู้บริหาร  กราฟิกดีไซเนอร์ นักเขียน นักแปลภาษา เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นอาชีพอิสระอยู่แล้ว

freelance(ภาพจาก https://www.pexels.com/th-th/photo/3769717/)

แม้สายงานนักเขียน นักแปล หรือกราฟิกดีไซเนอร์ หรืองานแนว ๆ นี้ ดูจะเป็นงานอิสระที่อยู่ไหนก็ทำได้ ขอเพียงมีอุปกรณ์ครบครันบางอย่างเท่านั้นเอง เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต แล็บท็อป สัญญาณอินเทอร์เน็ต เท่านี้ก็สามารถส่งงานได้ทั่วโลก แต่ข้อแตกต่างของพนักงานประจำ (ที่ต้อง Work From Home) กับอาชีพอิสระก็ยังมีอยู่ เพราะต่อให้ Work From Home แต่เงินเดือนและสวัสดิการต่าง ๆ ที่ได้จากบริษัทก็ยังคงอยู่ ซึ่งต่างกับฟรีแลนซ์ที่ไม่มีตั้งแต่ต้น!

Advertisement

Advertisement

สำหรับฟรีแลนซ์ คืออาชีพอิสระ ไม่ได้ขึ้นตรงกับองค์กรใดองค์กรหนึ่ง การได้งานมักจะเกิดจากความสามารถและสายสัมพันธ์ในการเรียกใช้งานบ่อยๆ คำว่า "Connection" จึงสำคัญกับเหล่าฟรีแลนซ์มาก นอกจากนี้ ความขยันคืออันดับ 1 ที่จะทำให้ไม่อดตาย เพราะหากไม่ขยันทำงาน ก็ไม่มีงานส่ง ไม่ขยันติดต่อลูกค้า ก็ไม่ได้งานทำ

แตกต่างกับพนักงานประจำ ที่ถึงแม้คุณจะมีความขี้เกียจหน่อย ๆ ส่งงานช้าบ้าง ทำงานผิดพลาด แต่คุณก็ยังได้เงินเดือนอยู่ทุกเดือน สวัสดิการต่าง ๆ ที่บริษัทมีให้ก็ยังคงเช่นเดิม นอกเหนือจากว่า คุณภาพการทำงานของคุณไปในทิศทางแย่ ก็ย่อมโดนระเบียบบริษัทจัดการ ไม่ว่าจะเป็นลดตำแหน่ง ลดเงินเดือน หรือกระทั่งโดนบีบให้ออก นั่นคืออีกวาระหนึ่ง ซึ่งหากคุณเป็นฟรีแลนซ์ โอกาสนี้จะไม่มีเลย เพราะถ้างานผิดพลาดนั่นคือคุณโดนหมายหัวทันที นั่นคือสัญญาณว่าคุณอาจจะไม่ได้รับงานชิ้นต่อไป รวมไปถึงในแวดวงเดียวกันก็อาจจะบอกต่อ ๆ กันว่าผลงานคุณดีหรือแย่ขนาดไหน

Advertisement

Advertisement

freelance(ภาพจาก https://www.pexels.com/th-th/photo/3795280/)

หากพูดในมุมมองนี้ ดูเหมือนพนักงานประจำย่อมมีความมั่นคงกว่า แต่อย่าลืมว่าฟรีแลนซ์คืออิสระ! ไม่ว่าจะเป็นสังคมเพื่อนร่วมงานหรือรายได้ คุณสามารถเรียกราคาได้ตามความสามารถ ซึ่งในบทบาทของพนักงานประจำนั้นทำไม่ได้!

สำหรับในช่วงวิกฤตที่พนักงานประจำต้อง Work From Home ถือเป็นช่วงที่จะมาทดลองใช้ชีวิตสไตล์ฟรีแลนซ์ส่วนหนึ่ง เพราะเป็นเพียงการเปลี่ยนบรรยากาศ สถานที่ เท่านั้น จากที่ต้องตอกบัตร สแกนนิ้วให้ตรงเวลา (เพื่อจะได้ไม่ถูกหักเงินเดือน) ก็เปลี่ยนเป็นทำงานตอนไหน เวลาใดก็ได้ (ถ้าไม่มีการ Video Conference แบบเรียลไทม์) หลาย ๆ คนทำงานบ้านไปด้วย ทำงานหน้าคอมไปด้วย หรืออาจจะพักอ่านหนังสือ ดูทีวี เล่นกับสัตว์เลี้ยงที่บ้าน ให้อาหารน้องหมา เก็บทรายแมว เป็นต้น หากมองในมุมดี ๆ ก็หมายความว่า เรามีเวลาทำกิจวัตรที่บ้านได้เพิ่มขึ้น เพราะในชีวิตการทำงาน 8 ชั่วโมงในออฟฟิศ หลายคนมีเวลาเหลือมากมาย แต่ต้องนั่งทนเพื่ออยู่ในออฟฟิศตามเวลากำหนด อีกทั้งไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง โดยเฉพาะชาวกรุงเทพฯ ที่ต้องเผชิญรถติด รถไฟฟ้าติดขัด เบียดเสียดคนมากมาย

Advertisement

Advertisement

Work From Home คือทำงานที่บ้าน ขอเพียงมีอุปกรณ์ครบครันเพื่อส่งงานได้ตามเวลาแบบที่ทำงานอยู่ในออฟฟิศ ซึ่งหมายถึงว่า คุณมีงานทำแน่นอน มีชิ้นงานที่ต้องส่ง และรับประกันว่า ในทุก ๆ เดือนยังมีรายได้พร้อมสวัสดิการเช่นเดิม

ส่วนชาวฟรีแลนซ์นั้น ในวิกฤต COVID-19 ยิ่งวิกฤตเข้าไปใหญ่ (ในบางสายงาน) เพราะนอกจากจะต้อง Work From Home เหมือนเดิมแล้ว ความแน่นอนของการจ้างงานยังน้อยลงไปด้วย เพราะด้วยเศรษฐกิจและวิกฤตนี้ส่งผลกระทบไปทุก ๆ องค์กรเลย

freelance(ภาพจาก https://www.pexels.com/th-th/photo/3205403/)

อย่างไรก็ตามในช่วงเวลานี้ หลากหลายอาชีพใหม่ ๆ ได้เกิดขึ้นมามากมาย และเติบโตอย่างเห็นได้ชัด อย่างการค้าขายออนไลน์ พนักงานเดลิเวอรี่ ช่างเย็บผ้า (หน้ากากอนามัย) ธุรกิจทำความสะอาด ก็ล้วนเป็นที่ต้องการของตลาด หากฟรีแลนซ์ที่ว่างงานอยู่ สามารถปรับเปลี่ยนตัวเองไปตามวิกฤตได้ ก็ถือเป็นโอกาสดี ๆ ที่จะทำให้ไม่ตกงาน

ส่วนพนักงานประจำที่ได้โอกาส Work From Home ก็เป็นช่วงเวลาดี ๆ ที่จะได้สำรวจศักยภาพของตัวเองว่าสามารถทำงานที่บ้านได้มีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน ในสภาวะแวดล้อมที่เอื้อให้ขี้เกียจเสียเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นแอร์เย็น ๆ เตียงนอนนุ่ม ๆ เจ้าเหมียวขี้อ้อน อาหารอร่อย ๆ มากมาย ซึ่งหากคุณสามารถผ่านพ้นสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ไปได้ ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพงานของคุณเมื่อทำที่บ้านไม่น้อยไปกว่าทำที่ออฟฟิศเลย

หากผ่านพ้นวิกฤต COVID-19 ไปได้ ถ้าคุณกล้าพอ ก็ลองเสนอหัวหน้างาน ขอ Work From Home ต่อไปได้ไหม อาจจะ 1-2 วันต่อสัปดาห์ก็ได้ แถมยังช่วยออฟฟิศประหยัดค่าไฟด้วย!

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์