Lila Davachi มีการทดสอบสมองมนุษย์ โดยมีการให้จดจำวัตถุทั้งหมด 128 ชนิดโดยมีการจับคู่กับฉาก 4 ฉาก เช่น ฉากชายหาดกับแก้ว ภาพทิวทัศเมืองกับร่ม โดยวัตถุแต่ละชิ้น จะอยู่ในฉากเดียวเท่านั้น โดยในครั้งแรก อาสาสมัครจับคู่วัตถุกับฉาก รูปแบบการกระตุ้นของสมองแตกต่างกันไปในแต่ละวัตถุ แต่ในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ระหว่างการเรียกคืนความทรงจำ รูปแบบประสาทมีความคล้ายคลึงกันมากขึ้น สมองมีการจัดเรียงความทรงจำใหม่ตามข้อมูลที่ได้รับ ระหว่างฉากกับวัตถุ แสดงให้เห็นว่าสมองมีความเชื่อมโยนข้อมูลต่างๆ เข้าหากันhttps://www.nature.com/articles/d41586-018-00107-4ตัวอย่างที่เคยพบเห็นในชีวิตประจำวัน เราจะเคยเห็นหน้าหรือพบหน้าคนแปลกหน้า และเราจะโยงหน้าคนเหล่านั้นให้ไปเหมือนกับดาราหรือเพื่อน ของเราเอง หรือบางครั้งก็ไปเจอหน้าใครก็ไม่ทราบแต่คิดว่าเรารู้จัก เพราะสมองมีการเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ ทำให้รู้สึกคุ้นตา ทั้งๆบางครั้งอาจไม่เคยพบกันเลย ซึ่งมนุษย์จะมีการจดจำพื้นฐาน การมองเห็น รส กลิ่น เสียง สัมผัส พูด อ่าน เขียน และในรูปแบบต่าง ๆ อีกหลายรูปแบบ แต่สิ่งสำคัญคือเราสามารถเรียนรู้การจดจำของสมองหรือเรียนรู้รูปแบบการจดจำได้ จะสามารถทำให้เรามีประสิทธิภาพในการจดจำมากขึ้นและสามารถเข้าใจตัวเราเองได้มากขึ้นเช่นกันhttps://www.freepik.com/free-vector/template-emotions-poster_4382326.htm#query=feel&position=31 การจดจำทางอารมณ์ความรู้สึก การจดจำผ่านทางอารมณ์ความรู้สึก คือ การจดจำเหตุการณ์ต่างๆ จากการกระตุ้นความรู้สึกไม่ว่าจะเป็นความรู้สึก สนุก มีความสุข ตื่นเต้น กลัวหรือเจ็บปวด และส่วนใหญ่ของมนุษย์จะจำเหตุการณ์ความรู้สึกด้านลบได้ดีกว่า ยกเว้นจะมีการกระตุ้นความรู้สึกด้านบวก ลองให้นึกภาพตาม ในวันที่เราตื่นเต้นที่สุดในการทำกิจกรรม มันจะฉายภาพให้เรานึกถึงกิจกรรมนั้น ๆ การที่เราอยู่ในที่ ๆ เคยมีความสุข เราอาจจะไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับมันหรือมีความสุขกับมันมากนั้น แต่สมองจะบอกว่าจุดนี่คือจุดที่เราปลอดภัย และสามารถสบายใจและผ่อนคลายได้ หรือ การที่กลัวอะไรสักอย่าง บางครั้งเราแทบไม่ทราบสาเหตุ ว่าเรากลัวได้อย่างไร แต่สมองมีการกระตุ้นให้เราหลีกหนีสิ่งนั้นทันที อันเนื่องมาจากสมองรับรู้ว่าสิ่งที่เผชิญอยู่ทำให้เรารู้สึกไม่ปลอดภัย หรือเกิดความกังวลหรือไม่สบายใจหากอยู่ในเหตุการณ์นั้นhttps://www.freepik.com/free-vector/daily-routine-child-is-boy-going-back-school_4015698.htm2 การจดจำผ่านกิจวัตรประจำวันการจดจำผ่านกิจวัตรประจำวัน มันอาจเป็นการทำซ้ำจนเกิดความเคยชินทำให้เราต้องทำสิ่งนั้น ๆ ทุกวัน หากวันไหนลืมทำกิจวัตรที่ทำทุกวัน จะมีอาการรู้สึกแปลก ๆ ไป เพราะสมองจะมีการกระตุ้นให้ทราบว่าวันนี้ ในช่วงเวลานี้ เราไม่ได้ทำสิ่งที่ต้องทำทุกวัน เช่น ช่วงเวลาที่รีบเร่งจนลืมแปรงฟันเราจะรู้สึกกับตัวเองทันทีหลังจากผ่านช่วงเวลานั้นไป และหากมีเวลาสมองจะมีการประมวลผลว่าลืมอะไรไป มันจึงเป็นเหตุผลที่หลายคนไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างได้ การเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เคยทำอยู่ สมองจะมีการกระตุ้น ว่าสิ่งที่ทำเพิ่มขึ้นนั้นคือผลในเชิงลบ ซึ่งหลายครั้งที่อยากเปลี่ยนวิธีการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ก็จะทำได้สักพักและก็จะกลับมาทำกิจวัตรประจำวันที่เคยทำเหมือนเดิม https://www.freepik.com/free-vector/illustration-social-media-concept_2808035.htm#page=1&query=life&position=18ทุกคนอาจมองว่าก็เป็นสิ่งที่ดีหากใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ แต่สมองรับรู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่มากกว่าปกติที่เคยเป็น ไม่ว่าจะเป็น การคิด การวิเคราะห์ หรือลงแรงมากขึ้น ถึงมีการแนะนำให้ฝืนร่างกายทำให้ครบ 1 เดือนเพื่อปลูกนิสัยการทำซ้ำ เราจะเห็นบ่อยๆ ว่าคนที่เหนื่อยมากๆ ทำงานมากๆ หากปล่อยให้เขาไม่ทำอะไรเลยเขาจะรู้สึกกระวนกระวายต้องหาอะไรทำ แต่กับคนที่มีเวลาว่างมากมาย พอมีการเพิ่มกิจวัตรให้เขาเราจะเห็นคนเหล่านี้เครียดหรือกังวลขึ้นมาหากอยากพัฒนาตัวเอง จงทำกิจกรรมต่าง ๆที่สร้างประโยชน์และทำให้เกิดเป็นนิสัย และเข้าใจว่าสมองต้องการอะไร(อาหาร)และเติมเต็มส่วนนั้นเพิ่มกระตุ้นสมองให้มีความแข็งแรง สิ่งสำคัญใช้สมองแล้วอย่างลืมพักสมองบ้าง เช่น การนั้งสมาธิ หรือการผ่อนคลายร่างกายด้วยการออกกำลังกาย ฯลฯ และทำให้สมองมีประสิทธิภาพขึ้นอีกด้วย รูปหน้าปก