ภาพถ่ายจากผู้เขียน พื้นที่ดินไม่ว่าจะเป็นบ้านที่อยู่อาศัยหรือให้ประกอบธุรกิจต่าง ๆ เช่น เป็นพื้นที่ให้เช่าจอดรถ สร้างคอนโด พื้นที่เก็บของโกดัง เป็นต้น ก็ต้องมีพื้นที่อาณาเขตของที่ดินเจ้าของที่ดินนั้น ถ้าไม่มีการจำกัดมิฉะนั้นวุ่นวายแน่นอน ถ้าได้ทำการก่อสร้างหรือทำอะไรก็ตามบนพื้นดินแล้วไม่ได้ตรวจสอบรังวัดที่ดิน สมมุติถ้ามีอยู่วันหนึ่งเจ้าของที่ข้างเคียงได้พาเจ้าหน้าที่มารังวัดที่ดินถ้าเกินพื้นที่ก็จะแจ้งว่าเราล้ำที่ดิน เราก็ต้องเสียเวลา เสียเงินทำการรื้อถอนเนื่องจากเราได้ไปล้ำพื้นที่ข้างเคียง ส่วนการวัดพื้นที่ดินต้องตรงกับหลักหมุดและต้องตรงกับโฉนดที่ดิน เพื่อเป็นหลักฐานว่าเป็นของเจ้าของพื้นที่นั้น ๆ แต่การหาหลักหมุดที่ดินเจอจริงบางทีอาจจะมีคนทำการเคลื่อนย้ายจะทำให้ไม่ตรงกับโฉนดที่ดินในกรณีนี้อาจเกิดจากพื้นที่ข้างเคียงได้ทำการรังวัดก่อนหน้านั้นแล้วและทางเจ้าหน้าที่ส่งเอกสารมาเพื่อให้ไปยืนยันแต่เราไม่ได้ไปแบบนี้ถือเป็นการยอมรับ จึงเสียพื้นที่ส่วนนั้นไปภาพถ่ายจากผู้เขียน ในบทความนี้แสดงให้เห็นถึง เจ้าหน้าที่มาวัดที่ดินตามโฉนดที่ดินที่กำหนดไว้ เวลาวัดต้องหาเลขหมุนข้างเคียงให้เจอก่อน (ช่วงนี้และใช้เวลามากถึงข้ามไปอีกวันหนึ่งได้)- เจ้าหน้าที่รังวัดที่ดินมาตามที่นัดหมายภาพถ่ายจากผู้เขียน- เจ้าหน้าที่เตรียมอุปกรณ์จัดเตรียมสายวัดภาพถ่ายจากผู้เขียน- เจ้าหน้าที่หาหลักหมุด โดยใช้จอบขุดเนื่องจากอาจมีดินฝังอยู่ภาพถ่ายจากผู้เขียน- ลักษณะของสายวัดที่เจ้าหน้าที่รังวัดนำมาภาพถ่ายจากผู้เขียน สุดท้ายนี้ การที่จะรังวัดที่ดินนั้นจะต้องไปติดต่อสำนักงานที่ดินในพื้นที่นั้น ๆ แล้วเจ้าหน้าที่จะส่งหนังสือไปแจ้งให้พื้นที่ข้างเคียงเพื่อให้มารับทราบในการรังวัดที่ดิน (ถ้าไม่ได้มาในวันที่กำหนดก็ถือว่ารับทราบ) และที่สำคัญเราควรที่จะทำการรังวัดที่ดินทุก ๆ 10 ปี มิฉะนั้นอาจจะเสียพื้นที่ให้กับคนอื่นได้แบบนี้จะเรียกว่า การป้องกันการอ้างครอบครองปรปักษ์ แต่จริง ๆ แล้วในขณะที่ทำการรังวัดที่ดินอยู่นั้น ควรจะบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานไว้ด้วยเอาไว้เป็นหลักฐานในการสู้คดีได้อีกทางหนึ่ง ฉะนั้น การจะติดต่อเกี่ยวกับที่ดิน ก็จะต้องไปติดต่อสำนักงานที่ดิน การเตรียมเอกสารและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สามารถดูข้อมูลได้จากเว็บไซต์ กรมที่ดิน