กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงใจกลางของประเทศไทย เมืองยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต่างเดินทางมาเยี่ยมชม และเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมทำให้สถานที่ในกรุงเทพฯ อย่างวัดพระแก้ว วัดอรุณ และวัดโพธิ์ ต่างได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าวัดวาอารามต่างๆ ในกรุงเทพมหานครจะเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยว แต่สถานที่ใจกลางเมืองของประเทศไทยแห่งนี้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอย่างชุมชนโบราณ ที่เป็นแหล่งเรียนรู้ศิลปะและวัฒนธรรมของคนไทยอยู่อีกด้วย อย่างเช่น “ชุมชนบ้านบุ” ชุมชนเก่าแก่ใจกลางเมืองอย่างกรุงเทพมหานคร “ชุมชนบ้านบุ” ชุมชนที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี เป็นชุมชนที่ตั้งอยู่ริมคลองบางกอกน้อยฝั่งใต้ หลังสถานีรถไฟธนบุรีพื้นที่ทอดยาวไปถึงบริเวณวัดสุวรรณราม เนื่องจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในชุมชนแห่งนี้มีอาชีพ คือการทำเครื่องทองลงหิน หรือเครื่องสำริด ซึ่งเป็นอาชีพที่สืบทอดต่อกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ดังนั้นชื่อของชุมชนแห่งนี้จึงเป็นชื่อที่บ่งบอกถึงอาชีพของคนในชุมชน เมื่อ “ชุมชนบ้านบุ” มีที่มาจากอาชีพของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในชุมชนแห่งนี้ แน่นอนว่าของดีที่เลื่องชื่อของชุมชนนี้คงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจาก “เครื่องลงหิน” หรือ “ขันลงหิน” ภาชนะที่คนสมัยก่อนใช้ในชีวิตประจำวัน โดยมีกระบวนการที่สืบทอดมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สมัยอยุธยา ในปัจจุบันชุมชนบ้านบุเป็นสถานที่ผลิตขันลงหินที่เดียวที่เหลืออยู่ในประเทศไทย ทำให้ชุมชนบ้านบุเป็นแหล่งที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการทำขันลงหิน ด้วยภูมิปัญญาที่โดดเด่นและได้รับความสนใจทำให้ขันลงหิน ของชุมชนบ้านบุได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรม สาขาเครื่องโลหะ ประเภทงานช่างฝีมือดั้งเดิม เมื่อปี พ.ศ.2555 จากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม (ประกาศ 70 มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมปี 55, 2555) “ขันลงหินบ้านบุ” จะใช้โลหะผสมระหว่างทองแดงและดีบุก เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตขันลงหินบางครั้งจึงมีการเรียกว่า เครื่องทองสัมฤทธิ์ ซึ่งในบางขั้นตอนของการผลิตขันลงหินบ้านบุมีการใช้หินขัดเพื่อให้มีความมันวาว และมีความเงาเป็นสีทอง เรียกว่า เครื่องทองลงหิน โดยลักษณะเนื้อของขันลงหินบ้านบุ จะมีความแข็ง เหนียว และทนทาน เมื่อเคาะจะมีเสียงที่ดังกังวาน เมื่อใส่ข้าวจะทำให้ข้าวไม่บูดง่าย เมื่อใส่น้ำเย็นจะทำให้เก็บความเย็นได้นาน ในปัจจุบันขันลงหินไม่ได้มีไว้ใส่น้ำอย่างเดียว แต่ยังมีลักษณะการใช้งานที่หลากหลายอีกด้วย เช่น ขันลงหินชนิดมีฝา ใช้สำหรับใส่ข้าวใส่น้ำ ขันลงหินชุดใส่บาตร เป็นต้น การทำขันลงหินของชุมชนบ้านบุมีการใช้วัตถุดิบและอุปกรณ์ 22 ชนิด เพื่อให้ขันลงหิน ออกมามีคุณภาพมากที่สุด ความสำคัญของการผลิตขันลงหินของชุมชนนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น การที่จะได้ขันลงหินที่สมบูรณ์ ในการผลิตขันลงหินให้มีคุณภาพที่ดี จะต้องมีส่วนผสมของโลหะที่มีสัดส่วนเฉพาะ คือ ทองแดง 7 ส่วน ดีบุก 2 ส่วน เศษสำริด 1 ส่วน นอกจากส่วนผสมในการผลิตขันลงหินของชุมชนบ้านบุที่เป็นส่วนผสมเฉพาะแล้ว ในส่วนของขั้นตอนการผลิตจะต้องใช้ช่างฝีมือที่มีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกันกว่า 6 ประเภท ทั้งช่างตี ช่างลาย ช่างกลึง ช่างกรอ ช่างเจียร และช่างขัด ด้วยกรรมวิธีในการผลิตขันลงหินของชาวชุมชนบ้านบุ ที่มีขั้นตอนเฉพาะและเป็นเอกลักษณ์ทำให้การผลิตขันลงหินไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ช่างที่ทำจะต้องมีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ เพื่อให้ขันลงหินที่ผลิตออกมามีคุณภาพและสวยงาม ภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชนบ้านบุ ที่มีการผลิตขันลงหิน มีการสืบทอดจากบรรพบุรุษมานานกว่า 200 ปี และมีช่างที่ผลิตขันลงหินมากกว่า 9 ตระกูล ทำให้เครื่องทองลงหินที่ผลิตขึ้นในสมัยก่อนได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ในปัจจุบันภูมิปัญญาในการทำขันลงหินของชุมชนบ้านบุ เริ่มเลือนหายลงไปเรื่อยๆ เนื่องจากช่างที่ผลิตขันลงหินมีจำนวนน้อยลง ถึงแม้ว่าการทำขันลงหิน จะเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดมาหลายช่วงอายุของชาวชุมชนบ้านบุ แต่ด้วยปัจจัยในหลายๆ ด้าน อาจทำให้ภูมิปัญญาที่น่าภูมิใจเหล่านี้เริ่มเลือนหายไป บ้านบุจึงเป็นเพียงชุมชนเดียวในประเทศไทยที่ยังมีภูมิปัญญาท้องถิ่นในเรื่องของการทำขันลงหิน ให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้เข้ามาเรียนรู้ และอนุรักษ์ภูมิปัญญาเหล่านี้ไว้