สวัสดีครับเพื่อน ๆ ผมมีโอกาสได้เข้าร่วมอบรม ด้านนวัตกรรมทางสังคม ซึ่งวิทยาลัยพัฒนาศาสตร์ [ป๋วย อึ๊งภากรณ์] จัดให้กับผู้ประกอบการทางสังคมร่วมกับเครือข่ายสถาบันนวัตกรรมแห่งชาติ NIAในการอบรมดังกล่าว มีพี่น้องหลายกลุ่มมาก ๆ ที่ประกอบธุรกิจทั้งในเรื่องเด็กเยาวชน คนสูงวัย เกษตรกรรมซึ่งในกลุ่มคนทำงานเป็นกลุ่มผม โดยเพื่อน ๆ ในกลุ่มให้ยกกรณีการสร้างความสุขในองค์กรมาเป็นตัววิเคราะห์ เพื่อพัฒนานวัตกรรม ว่ากันโดยสามัญลักษณะของความสุขนั้นนับว่าเป็นงานวิจัยที่จะต้องทำตลอดช่วงชีวิตเพื่อแสวงหาปัจจัยสี่ รวมถึงคุณค่า ความรัก และการยอมรับ ซึ่งทุกคนส่วนมากก็ทราบดี พวกเราระดมสมองและยกกรณีศึกษาของคนทำงาน อายุ 35 ปีมีเงินเดือนประมาณ 30,000 บาท มาวิเคราะห์กัน เราพบเห็น ภาวะหมดไฟของคนทำงานในองค์กร เห็นความรู้สึกไม่มั่นคงในงานซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้น แบ่งออกเป็น 2 ด้านใหญ่ ๆ ด้วยกันคือด้านแรก เรื่อง การบริหารจัดการภายใน และความมั่นใจว่าจะได้รับการตอบสนองจากบริษัทในการจัดสวัสดิภาพและสวัสดิการให้กับพนักงาน การมีเพื่อนร่วมงานที่ดี และได้ทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถโดยใช้เทคโนโลยีมาเป็นตัวเสริมไม่ใช่นำมาทำแทนด้านที่สอง คือ เรื่องการใช้เวลาและการจัดสมดุลของการใช้ชีวิตที่เหมาะสม หลายคนต้องหารายได้เสริมหากด้านแรกไม่สามารถตอบสนอง และกังวลกับการได้รับอิสระ เช่น การพักผ่อน ท่องเที่ยวรวมถึงการมีเวลาให้กับคนรักกระบวนการความสุข และสร้างสุข มีวิธีการอย่างไรที่จะนำมาออกแบบและปิดช่องว่างเรื่องเหล่านี้มีกรณีศึกษา ที่เกิดขึ้นอย่างมากมายที่เครือข่ายสมาคมสร้างสุขได้รวบรวมเอาไว้ รวมถึงประสบการณ์ที่ผมนำไปแบ่งปันในหลาย ๆ ที่ แต่ก็พบว่า Happy Point ที่สำคัญที่หลายคนชี้เป้าก็คือ ไปทำอย่างไรก็ได้ให้ผู้บริหารเห็นดีเห็นงามก่อน โดยเปลี่ยน Mindset เรื่องการสร้างกำไรในการเงิน มาใส่ใจกำไรในการงาน ซึ่งมีกำลังคนเป็นฐานของการระดมพลังคิด และหาวิธีร่วมกัน แม้วิธีคิดของแต่ละคนจะแตกต่างและดูนอกเรื่อง คนที่ทำ Design Thinking ถือว่าเป็นวัตถุดิบชิ้นดีที่จะนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมให้กับองค์กรบรรยากาศในกิจกรรมเป็นการสร้างพลังบวกให้คนคิดและค้นหาทางออกร่วมกัน ผ่านการจับเรื่องความสุขมาเป็นทางเลือกของการสร้างนวัตกรรม ท้ายที่สุด การยอมรับและรักกันจะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติมีคนเคยวิจัยว่า การโอบกอดหุ่นยนต์ยังไงก็สู้ความรู้สึกของการกอดคนไม่ได้ และตอนจบของการนำเสนอโปรเจกต์ ก็คือ การสร้าง Scenario ในแบบจำลองเพื่อ pitching และซื้อไอเดียกัน หากจะล้มเหลวก็แค่ล้มเลิกที่จะทำร่วมกันแบบล้มกระดานกลางโต๊ะ แต่สิ่งที่ได้มาคือ การร่วมสร้างและฟังกันซึ่งจะติดในใจของแต่ละคนที่ร่วมแชร์ในกระดานนี้ มีสิงโต แรด และนานาสัตว์ คิดดูนะครับว่า เป็นน้อยจะสุขใจแค่ไหนหากรู้สึกว่า ปลอดภัยในการทำงานบนความหลากหลายและใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น หากทุกคนมองเห็นคุณค่าของกันและกันสรุป ว่า การเล่าเรื่องความสุขหรือหยิบยกประเด็นของการความสุขมาพูดคุยอย่างสร้างสรรค์นอกจากจะทำให้เกิดบรรยากาศที่ดี ไม่แน่นะครับว่า อาจจะมีนวัตกรรมต่าง ๆ ที่ไม่คาดคิดก็เป็นไปได้ เพราะในสนามของการแข่งขันในเชิงธุรกิจส่วนมาก ไปวิเคราะห์แต่จุดเจ็บปวดของลูกค้า เพื่อผลิตสินค้าและบริการให้ถูกต้อง แต่บางทีเราอาจจะลืมคนข้างในองค์กรก็เป็นไปได้เหมือนกันซึ่งมันน่าเจ็บปวดกว่า ภาพถ่ายทั้งหมด โดยผู้เขียนบทความโดย ชาตรี ลุนดำ