ด้วยในวันที่ 28 มิถุนายน 2475 เป็นวันถือกำเนิดของสำนักนายกรัฐมนตรี ในการนี้ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญดังกล่าว หน่วยงานในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีจึงได้กิจกรรมขึ้นต่าง ๆ เป็นประจำทุกปี เช่น พิธีสงฆ์ พิธีมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี และกิจกรรมบริจาคโลหิตให้แก่สภากาชาดไทย โดยในปี 2563 นี้ เป็นวันคล้ายวันสถาปนาสำนักนายกรัฐมนตรี ครบรอบปีที่ 88 ซึ่งเป็นปีที่มีสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จึงทำให้การบริจาคโลหิตในยุคโควิด-19 แตกต่างไปจากที่ผ่านมา ในเบื้องต้นสภากาชาดไทยได้จัดทำเอกสารเผยแพร่เกี่ยวกับ “5 มาตรการป้องกันการถ่ายทอดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทางโลหิต” ซึ่งผู้มีความประสงค์จะบริจาคโลหิตจะต้องทำความเข้าใจมาก่อนล่วงหน้า และปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด ดังนี้ค่ะ ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ให้งดบริจาคโลหิต 14 วัน ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังจากได้รับการรักษาจนหายดีแล้วให้งดบริจาคโลหิตเป็นเวลา 4 สัปดาห์ ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ให้งดบริจาคโลหิตเป็นเวลา 4 สัปดาห์ ภายใน 14 วัน หลังจากบริจาคโลหิต หากผู้บริจาคโลหิตได้รับการวินิจฉัยว่าติดโรคโควิด-19 ให้รีบแจ้งหน่วยงานที่รับบริจาคโลหิตทราบทันที ผู้บริจาคโลหิตจะต้องตอบคำถามเกี่ยวกับสุขภาพตนเองโดยให้ข้อมูลตรงตามความเป็นจริง เมื่อถึงกำหนดวันจัดกิจกรรมบริจาคโลหิตเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาสำนักนายกรัฐมนตรี ครบรอบปีที่ 88 โดยเป็นการจัดกิจกรรมเป็นการภายในทำเนียบรัฐบาล ที่เป็นเสมือนหัวใจของสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งในวันนี้ สภากาชาดไทยได้จัดรถรับบริจาคโลหิตจำนวน 2 คัน มาให้บริการถึงที่ตั้งของหน่วยงาน โดยมีเจ้าหน้าที่ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีมาร่วมบริจาคโลหิตจำนวนมาก ซึ่งทุกคนต้องปฏิบัติตาม 5 มาตรการป้องกันการถ่ายทอดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทางโลหิต โดยการตรวจคัดกรองที่เข้มงวดอยู่แล้ว มีความเข้มงวดขึ้นไปอีก โดยเฉพาะในขั้นตอนของการตอบคำถามเกี่ยวกับสุขภาพกับเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการรับบริจาคโลหิต และผู้ที่ได้รับบริจาคโลหิตมีความปลอดภัยที่สุดนะคะ สำหรับขั้นตอนการรับบริจาคโลหิตนอกสถานที่ ซึ่งสอดคล้องกับมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 มีดังนี้ค่ะ ผู้เข้าร่วมบริจาคโลหิตลงทะเบียน ณ จุดลงทะเบียน ยื่นเอกสารให้แก่เจ้าหน้าที่สภากาชาดไทย เพื่อตรวจสอบ โดยเว้นระยะห่างในการยืนประมาณ 1 เมตร นั่งรอคิวเพื่อวัดความดันโลหิต และโดยให้นั่งเว้นเก้าอี้ เพื่อเพิ่มระยะห่างทางกายภาพ หลังจากวัดความดันโลหิตแล้วจะได้รับบัตรคิวบริจาคโลหิต จากนั้นนั่งรอเรียกคิวเพื่อบริจาคโลหิต โดยนั่งเว้นระยะห่างเหมือนเดิม รถรับบริจาคโลหิตมีจำนวน 2 คัน เจ้าหน้าที่จะเรียกคิวขึ้นบนรถ คันละ 6 คน ขอความร่วมมือผู้เข้าร่วมบริจาคโลหิตสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และจัดวางเจลแอลกอฮอล์ให้แก่ผู้เข้าร่วมบริจาคโลหิต ตามจุดต่าง ๆ เพื่อสุขอนามัยของทุกคน การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้การรักษาสุขอนามัยในการบริจาคโลหิตมีความเข้มข้น ซึ่งอาจจะทำให้ผู้เข้าร่วมบริจาคโลหิตไม่สะดวกบายเท่าที่ควร ทั้งนี้ก็เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อในสถานที่ราชการและสถานที่ออกหน่วยรับบริจาคโลหิต ... การบริจาคโลหิตในยุคโควิด-19 ปลอดภัยอย่างแน่นอน ถ้าเราทุกคนร่วมใจกันรักษาสุขอนามัยนะคะ เครดิตภาพประกอบ ภาพที่ 1 โดย ผู้เขียน ภาพที่ 2 โดย ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ภาพที่ 3 โดย ผู้เขียน