อื่นๆ

กระจกผีฝังความแค้น

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
กระจกผีฝังความแค้น

ฉันเป็นคนชอบสะสมของเก่า บรรดาตู้เสื้อผ้าลายไม้สัก หรือจะถ้วยชามเก่าๆ และล่าสุดฉันไปต่างประเทศ ก็ได้กระจกลายสวย มาจากตลาดนัดกลางคืนแห่งหนึ่ง

คนขายบอกว่า กระจกอันนี้เป็นกระจกตั้งแต่สมัยโบราณ ทำมือ มีใบเดียวในโลก ด้วยความชื่นชอบในของเก่าอยู่แล้ว ฉันจึงไม่ลังเลที่จะรีบซื้อมาเป็นเจ้าของ

เมื่อฉันกลับมาถึงบ้าน ฉันรีบเดินรอบๆ เพื่อดูตำแหน่งที่เหมาะสมที่จะนำกระจกใบนี้ไปติด กระจกรูปทรงสวย มีลวดลายดูแพง แล้วฉันก็ตัดสินใจจะติดมันไว้ที่ผนังตรงทางเดินก่อนเข้าไปในห้องแต่งตัว ฉันเตรียมอุปกรณ์สำหรับเจาะผนัง และได้วาดรอยดินสอไว้ เพื่อให้ตำแหน่งออกมาดูตรงสวยพอดี หลังจากนั้น ฉันก็แกะห่อกระดาษน้ำตาลที่หุ้มกระจกใบนั้นออก แล้วก็ยกกระจกขึ้นมาพลิกด้านหลังเพื่อดูที่แขวน แล้วฉันก็พบกับมุมกระดาษเล็กๆ อันหนึ่ง เสียบซ่อนอยู่ในรอยแกะสลักด้านหลัง เมื่อฉันดึงออกมาดู ก็พบตัวอักษรเขียนไว้ว่า

Advertisement

Advertisement

"She is built for a savage" ซึ่งก็แปลว่า กระจกใบนี้ถูกทำขึ้นเพื่อคนอำมหิต

ฉันตกใจกับกระดาษใบเก่าเล็กๆ นี้ เล็กน้อย แต่ก็วางมันไว้ที่พื้น ไม่คิดอะไร แล้วก็ยกกระจกขึ้นไปติดที่ผนังที่วาดไว้ มันสวยมากจริงๆ ฉันละสายตาออกจากมันไม่ได้เลย เมื่อฉันส่องเข้าไปในกระจกใบนั้น ฉันรู้สึกเหมือนฉันกำลังมองเห็นผู้หญิงที่สวยมาก มีเสน่ห์มากจนละสายตาไม่ได้ แล้วฉันก็รู้สึกเปลี่ยนไป เหมือนตัวเองไม่ใช่คนเดิม แต่แล้วแม่บ้านก็มาเขย่าที่แขนของฉัน แล้วเรียกชื่อฉันเสียงดัง จนฉันได้สติ และหันกลับไป แม่บ้านถามว่าฉันเป็นอะไรรึป่าว ทำไมตัวเย็นเฉียบ และหน้าซีดแบบนั้น ตอนนั้นฉันรู้สึกเหมือนฉันเพิ่งตื่น ความจำเลื่อนลาง ฉันตอบไม่ได้ว่าฉันเป็นอะไร แล้วฉันก็นึกขึ้นได้ว่า ฉันกำลังติดกระจก และฉันติดมันเสร็จแล้ว หลังจากนั้นฉันจึงไปอาบน้ำ เพื่อที่จะออกไปทานข้าวข้างนอก

Advertisement

Advertisement

เมื่ออาบน้ำเสร็จ ฉันรู้สึกแปลกๆ รู้สึกอยากเดินไปที่กระจกใบนั้นแล้วมองมันอีก ฉันรู้สึกคิดถึงมันมาก ไม่รู้เพราะอะไร พอฉันกำลังเดินไปเพื่อที่จะส่องมัน แม่บ้านของฉันก็เดินมาหา แล้วบอกว่า เพื่อนของฉันโทรมาตาม บอกว่าทุกคนถึงร้านอาหารกันหมดแล้ว ให้รีบไป ฉันจึงได้สติ แล้วขับรถออกไป

หลังจากไปทานข้าวข้างนอกเสร็จ ตอนนั้นเวลาประมาณ 4 ทุ่มกว่าได้ ฉันขับรถกลับแล้วจอดรถไว้ที่โรงรถ พอลงจากรถ ฉันก็รู้สึกแปลกขึ้นมาอีก รู้สึกอยากเดินไปส่องกระจกใบนั้นอีกแล้ว พอฉันเดินเข้าบ้านไป ฉันเห็นแม่บ้าน ยืนนิ่งและยิ้มหวานใส่กระจกใบนั้น เมื่อฉันเรียก เธอกลับไม่ตอบรับอะไร ไม่แม้แต่หันมามองฉันด้วยซ้ำ แล้วเธอก็เริ่มเอามือไปลูบที่กระจกเบาๆ แล้วก็ยิ้มอีก แต่เป็นรอยยิ้มที่ฉันไม่คุ้นเคย เป็นยิ้มที่ดูเย็นชาและน่ากลัว แล้วทันใดนั้นเธอก็เอามือที่ลูบออกแล้วชกเข้าไปในกระจกอย่างแรง ! เพล้ง!!! กระจกแตกพร้อมกับเลือดไหลจากมือของแม่บ้าน กระจายทั่วกระจก ฉันตกใจมากถึงกับกรี๊ดออกมา !!

Advertisement

Advertisement

แต่แม่บ้านกลับยังคงยิ้มหวาน และหยิบเศษกระจกที่แตกขึ้นมา เธอส่องกระจกและค่อยๆ เอาเศษกระจกนั้นกรีดไปที่ใบหน้าของเธอ ฉันตะโกนเรียกชื่อเธอ !! แต่เธอเหมือนไม่ได้ยินเสียง และไม่หันมามองฉันเลย เลือดค่อยๆ ไหลออกจากใบหน้าของเธอ ฉันจึงวิ่งเข้าไปผลักตัวเธอจนกระเด็นแล้วล้มไปออกจากเงาในกระจก ทันใดนั้นเธอก็เริ่มมีสติ แล้วร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง ฉันรีบเอาผ้าไปคลุมปิดกระจกใบนั้น แล้วเรียกรถพยาบาลโดยเร็ว

ตอนนี้เธออยู่ในห้องพักฟื้น พร้อมกับแผลรอยกรีดที่ใบหน้า ยาว 5 เซนติเมตร คุณหมอบอกแผลค่อนข้างลึก แต่ไม่อันตรายมาก ดีที่มาโรงพยาบาลทัน ฉันทำอะไรไม่ถูก นอนเฝ้าเธอจนเช้า หลังจากเธอฟื้น เธอเล่าว่า ตอนที่เธออยู่บ้าน เธอได้ยินเสียงฉันเรียกเธอไปทางห้องแต่งตัว เธอนึกว่าฉันขับกลับมาเพราะลืมของ จึงเดินไปหา ในระหว่างที่กำลังเดินผ่านกระจกใบนั้น เธอก็เผลอส่องเข้าไปในกระจก แล้วเธอก็พบว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงที่สวยสง่า และมีรอยยิ้มที่น่าหลงใหล แล้วจากนั้นในใจเธอก็เศร้ามาก เธอรู้สึกเหมือนสามีที่เธอรักมากที่สุดในชีวิต ทรยศต่อเธอ เธอจึงอยากกรีดใบหน้าของเธออันเป็นที่หวงแหนของสามีให้อัปลักษณ์....

แล้วเธอก็บอกอีกว่า ขณะที่เธอทำ เธอไม่สามารถบังคับตัวเองได้ แม้ใบหน้าจะยิ้ม แต่น้ำตาไหลตลอดเวลาเพราะตัวจริงของเธอกลัวแสนกลัว

ฉันพูดไม่ออก เอาแต่พูดว่าขอโทษ ขอโทษจริงๆ ที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้

ฉันรีบกลับบ้าน แล้วยกกระจกใบนั้นที่มีผ้าดำคลุมปิดอยู่ขึ้นหลังรถ เพื่อจะนำไปวางทิ้งข้างทางที่ไหนสักแห่ง เมื่อฉันขับรถมาถึงถนนที่ไม่มีคน และเป็นเวลาเย็นแล้ว ฉันจึงยกกระจกพร้อมผ้าคลุมลงจากรถ แล้ววางมันไว้ที่ข้างทาง ก่อนที่จะขึ้นรถแล้วขับกลับไปที่โรงพยาบาล

หลังจากเหตุการณ์นั้น ฉันก็เลิกสะสมของเก่าอีกเลย ฉันรู้สึกว่า ข้าวของทุกชิ้นมีเจ้าของของมัน และบางอย่างที่ฉันมองไม่เห็น บางอย่างที่อาจเข้ามาบังคับจิตใจของเราให้ทำสิ่งที่เลวร้ายกับตัวเองได้ ฉันค่อยๆ ทยอยขายของเก่าในบ้านไปจนหมด แล้วนำเงินไปทำบุญ และส่วนหนึ่งใช้รักษาแผลเป็นให้กับแม่บ้านของฉัน เพื่อเป็นการขอโทษที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้แทนฉันด้วย...

ขอบคุณภาพประกอบจาก

www.khaosod.co.th

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์