ตามรอยราง เครดิตภาพ ญาณพลไชยวุฒิ ผู้เขียน รถไฟ กับการเดินทางของคนไทยเป็นสิ่งที่ควบคู่กันมานมนาน เชื่อไหมครับ " คนไทยกับรถไฟอยู่คู่กันมาตั้ง 123 ปีแล้ว " ( นับถึงปี 2563 ) จากรถไฟสายแรกกรุงเทพฯ - ปากน้ำ มาสู่โครงข่ายการเดินรถไฟที่ครอบคลุมทั่วประเทศ แทบทุกภาค รถไฟ กับคนไทย จึงเป็นเหมือนมิตรสหายคู่กาลเวลามาจนถึง ณ ปัจจุบัน แม้ในยุคสมัยใหม่ เรามีตัวเลือกด้านการเดินทางที่สะดวกรวดเร็วอย่าง " เครื่องบิน " ทำให้การเดินทางด้วยรถไฟลดความสำคัญลง แต่เมื่อใดก็ตามที่มีโอกาส ผมก็เลือกรูปแบบการท่องเที่ยวแบบไร้จุดหมาย นั่งรถไฟไปยังที่ต่าง ๆ เพียงเพื่อเก็บเกี่ยวเรื่องราว " ตามรอยราง " ระหว่างเส้นทางที่รถไฟวิ่งผ่าน หัวลำโพง ศูนย์กลางการเดินรถไฟ เครดิตภาพ ญาณพลไชยวุฒิ ผู้เขียน ถ้าคุณคิดจะเดินทางด้วยรถไฟ เพียงแค่คุณมองหาสถานีรถไฟใกล้บ้าน คุณก็สามารถเริ่มต้นการเดินทางได้ แต่ถ้าแผนการของคุณตั้งใจเริ่มจากกรุงเทพฯ สถานีรถไฟ " หัวลำโพง " คือ จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด สถานีรถไฟหัวลำโพง คือ สถานีรถไฟที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของเมืองไทย ด้วยสถาปัตยกรรมยุโรปทรงโค้ง ทำให้สถานนีรถไฟแห่งนี้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ไปในตัว ถ้าจะเรียกให้ถูกต้องเราต้องเรียกว่า " สถานี กรุงเทพฯ " เพราะสถานีรถไฟหัวลำโพงตัวจริง เสียงจริง จะเป็นสถานีสำหรับเส้นทางกรุงเทพฯ - ปากน้ำ ที่ปิดกิจการไปแล้ว สำหรับสถานีรถไฟกรุงเทพฯ ถูกสร้างขึ้นในปี 2453 รูปทรงอาคารออกแบบโดย นายมาริโอ ตามัญโญ ผู้ออกแบบพระที่นั่งอนันตสมาคมนั่นเอง รูปแบบอาคารเป็นศิลปะอิตาลีเรเนสซองส์ ทรงครึ่งวงกลม สัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของศิลปะอันนี้ นอกจากด้านหน้าสถานีแล้ว ยังมีเสาแบบโรมันในห้องน้ำของสถานีด้วย ถ้าคุณอยากเข้าสุขาแบบย้อนยุค ต้องไม่พลาดใช้บริการสุขาของสถานีหัวลำโพงกันครับ เครดิตภาพ ญาณพลไชยวุฒิ ผู้เขียน เอ... แล้วเค้าเรียกว่า หัวลำโพงได้ไง? มีข้อสันนิษฐานมากมาย ทั้งเรียกตามชื่อสถานีรถไฟแห่งแรกของไทย บ้างว่าหัวลำโพง เพี้ยนคำมาจากชื่อ " ทุ่งวัวลำพอง " ทุ่งหญ้าสาธารณะที่ชาวบ้านมักใช้เลี้ยงวัว แม้กระทั่งเล่าขานกันว่าที่นี่ คือ " ทุ่งดอกลำโพง " จึงเป็นที่มาพาเรียกสถานีรถไฟกรุงเทพฯ แห่งนี้ว่า สถานีรถไฟหัวลำโพงนั่นเอง บอกกล่าวกันอีกนิด อีกไม่นานศูนย์กลางเดินรถไฟ เค้าจะย้ายไปอยู่ที่สถานีบางซื่อแล้ว ใครมาใครไปด้วยรถไฟช่วงนี้ อย่าลืมเซลฟีกับหัวลำโพง ก่อนที่เค้า ( อาจ ) หยุดเดินรถมาที่นี่นะครับ เสียงล้อเบียดราง เครดิตภาพ ญาณพลไชยวุฒิ ผู้เขียน ผมเลือกเดินทางไปกับรถเร็วขบวนที่ 109 กรุงเทพฯ - เชียงใหม่ โดยเลือกนั่งตู้ที่นั่งชั้น 3 ราคาค่าตัวเพียง 323 บาทเท่านั้น รับลมเย็นมั่ง ร้อนมั่ง ( แต่กลางคืนหนาวมาก ) ที่สำคัญ ต้องเตรียมสำรับกับข้าวไปเองนะครับ เพราะตอนนี้ขบวนรถเร็วเขาไม่มีตู้เสบียงให้บริการแล้ว เครดิตภาพ ญาณพลไชยวุฒิ ผู้เขียน แต่เพราะต้องการเก็บภาพ " ตามรอยราง " ของวิถีชีวิตผู้คน รวมถึงสถานีรถไฟทระหว่างทางที่กำลังแปลงโฉมสู่การเดินรถไฟยุคใหม่ รถไฟรางคู่ นั่นก็คือ สถานีรถไฟโบราณหลายแห่งต้องถูกรื้อถอนออกไป ถือโอกาสเก็บภาพประวัติศาสตร์ระหว่างเส้นทางไป รถไฟไทยโดยแซวเสมอว่า " สายตลอดสก " มาวันนี้ 13.45 น. เวลาออกรถ รถไฟไทยออกตรงเวลา แนะนำสำหรับผู้คลั่งไคล้รถไฟ เผื่อเวลามาเดินเล่นในสถานีซักหน่อย เผื่อได้มาเก็บภาพขบวนรถไฟ หัวรถจักรไว้ รถไฟขบวนรถเร็วจอดแทบทุกสถานีนะครับ จะไปถึงเชียงใหม่ก็ตีสี่กว่า ๆ ดังนั้น จึงเป็นความสนุกแบบไม่มีโปรแกรม ปล่อยทุกอย่างล่องลอยไปตามจังหวะล้อราง รถไฟวิ่งผ่านตัวเมืองใหญ่ที่ผู้คนหนาแน่น ตึกรามสูงเสียดฟ้า เครดิตภาพ ญาณพลไชยวุฒิ ผู้เขียน ชั่วโมงเศษ รถไฟวิ่งผ่านชุมทางบางซื่อ อนาคตศูนย์กลางการเดินรถไฟแห่งใหม่ ผมตั้งใจเก็บภาพทุกอย่างโดยเฉพาะอาคารชั้นเดียวของชุมทางบางซื่อไว้ เพราะในอนาคตเค้าจะย้ายขึ้นไปอยู่ตึกสูงใหญ่ฝั่งตรงข้ามแล้ว และที่สำคัญ บริเวณสถานีรถไฟบางซื่อเป็นศูนย์ซ่อมใหญ่ ณ ด้านหน้าของโรงซ่อมรถไฟ หัวจักรไอน้ำขนาดเล็ก ตั้งตรงหน้าด้วย เครดิตภาพ ญาณพลไชยวุฒิ ผู้เขียน จากตึกสูง สู่ทุ่งหญ้า ลำคลอง ทุ่งนา รถไฟวิ่งผ่าน รังสิต อยุธยา เรื่อยไปถึงลพบุรี ตลอดสองข้างทางเป็นทิวทัศน์แสนสวยงามของทุ่งนา ที่แทบเลือนหายไปจากสังคมไทย บางทีแอบสะดุดตา สะดุดความรู้สึกขณะรถไฟเคลื่อนผ่านทุ่งนาที่มีฉากหลังเป็นโรงงานอุตสาหกรรม มันช่างย้อนแย้งกับบรรยากาศแสนสงบบนรางรถไฟ ยามเข้าสู่ลพบุรี จากทุ่งนาแปรเปลี่ยนเป็นเขาหินปูนสูงตระหง่าน บางช่วงขณะรถไฟจอดที่สถานี อาจได้ยินเสียงระเบิดหินปูนแว่วเข้าสู่โสตประสาท ฝุ่นปูนคละคลุ้งมองเห็นแต่ไกล ส่วนตัวเป็นภาพที่ไม่ชอบมากนัก เมื่อรถไฟเข้าลพบุรี สิ่งที่อยากเห็นในสายตา คือ โบราณสถานพระปรางค์สามยอด พาย้อนรำลึกเมื่อครั้งหนึ่ง เคยอกหักดังเป๊าะกับสาวลพบุรี เครดิตภาพ ญาณพลไชยวุฒิ ผู้เขียน จากเขาหินปูน กลับมาสู่พื้นที่ลุ่มน้ำ หัวใจแห่งประเทศในการทำนาปลูกข้าว ทิวทัศน์เบื้องหน้ายามอาทิตย์ใกล้ลาลับ คือ บึงบอระเพ็ด พื้นที่ชุ่มน้ำกว้างใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนไทย ก่อนตะวันลับลาฟ้าให้การเดินทางตกอยู่ในความมืด ตัวผมเองเฝ้าตื่นขึ้นมาทุกสถานี เก็บภาพสถานีรถไฟตามรายทาง จนถึงเชียงใหม่แบบไม่มีจุดหมาย เพียงพออยากเก็บอารมณ์ " ตามรอยราง " ไว้ในความทรงจำที่อาจหาไม่ได้แล้ว เมื่อรูปแบบการเดินรถไฟเปลี่ยนไปสู่ความทันสมัย เครดิตภาพ ญาณพลไชยวุฒิ ผู้เขียน เมื่อนั้น คนคงหันมาสนใจรถไฟมากขึ้น แต่เราก็คงโหยหาอดีตอันงดงามตามรอยรางรถไฟ แม้ทั้งร้อน ทั้งช้า แต่ว่าเราได้สัมผัสกับชีวิตริมรางที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว