"ชุดกระโปรงยาวที่ปักลวดลายสายตาหลายคู่ที่มองออกมา" สื่อถึงธรรมชาติของมนุษย์ที่มักจะมองไปที่ผู้อื่นก่อนมองมาที่ตัวเองเสมอ เวลาเกิดเรื่องอะไรมักจะมองความผิดพลาด ความไม่ดีของผู้อื่นมากกว่าการย้อนกลับมามองตัวเอง ที่กล่าวมาด้านบนเป็นเพียงแค่ส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งภายในงานนิทรรศการ "The World Of Tube Gallery" ที่จัดแสดงใน River City Bangkok เท่านั้นนะคะ ภายในงานยังจัดแสดงชุดต่าง ๆ อีกมากมายที่บอกเล่าเรื่องราวแรงบันดาลใจจากคุณพิสิฐ จงนรังสิน และ คุณศักดิ์สิทธิ์ พิศาลสุพงศ์ สองดีไซเนอร์สุดเก่งของไทย ที่นำเอาภาพวาดของคุณพลอย กาสม ศิลปินชื่อดังชาวเชียงใหม่มาผสมผสานกับความคิดและสร้างสรรค์ผลงานออกมาเป็นชุดที่โดดเด่น แปลกตา และแฝงเรื่องราวข้อคิดมากมาย เมื่อเข้าไปชมนิทรรศการแล้วคุณจะรู้สึกสนุกและตื่นเต้นไปกับการพยายามตีความหมายของแต่ละชุด เพลินจนลืมเวลาไปเลยค่ะ ว่าแต่จะน่าสนใจยังไง? บรรยากาศภายในนิทรรศการเป็นแบบไหน? ต้องตีความอะไรบ้างน้า? ตามมาไขข้อสงสัยไปพร้อม ๆ กันเลย!! บรรยากาศด้านหน้าของนิทรรศการจะค่อนข้างโปร่งสบาย ผนังด้านหน้าจะมีตัวหนังสือติดอยู่เรียงเป็นคําว่า "RCB GALLERIA" ซึ่งก็คือชื่อห้องจัดแสดงของที่นี่ค่ะ มองลึกเข้าไปด้านในจะเห็นห้องที่จัดไฟแนวมืด ๆ ผสมผสานกับผนังสีชมพูและไฟที่สาดส่องไปยังผลงานที่จัดแสดง ให้ความรู้สึกลึกลับ น่าค้นหาและอ่อนหวานไปในเวลาเดียวกัน ต้องบอกก่อนนะคะว่านิทรรศการนี้โดยรวมคือการจัดแสดงชุดเสื้อผ้าที่มีเรื่องราวและแรงบันดาลใจมาจากภาพวาด ดังนั้นเมื่อเดินเข้าไปในงานสิ่งแรกที่โดดเด่นและสะดุดตามากคือ "ภาพวาดที่มีชื่อว่า The World of Tube Gallery" ที่วาดขึ้นโดยศิลปินชาวเชียงใหม่ พลอย กาสม ภาพนี้มีการใช้สีสันและลายเส้นที่สวยงามสะดุดตา มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว วาดพืชพรรณธรรมชาติป่าไม้สัตว์ป่าและคนอยู่ร่วมกันผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ภาพนี้ถือเป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินทั้ง 2 ท่าน ในการนําเรื่องราวในภาพวาดตีความออกมาและถ่ายทอดผ่านเสื้อผ้าทั้ง 9 ชุดที่นํามาจัดแสดง ด้านข้างของภาพวาดจะเห็น "ชุดของแฝดอิน-จัน" ที่ปักลายอย่างสวยงามใช้สีดํา แดง ขาว เป็นสีหลัก มีลายเส้นที่คล้ายกับภาพวาด ชุดนี้จะเห็นว่าสมองของแฝดจะติดกันซึ่งถือว่าแตกต่างจากแฝดทั่วไปที่มีร่างกายติดกันเพียงอย่างเดียว ถัดมาอีกหนึ่งชุดที่น่าสนใจคือ "ชุดกระโปรงยาวปักมือ 211" ความพิเศษของชุดนี้ได้แก่ลวดลายมือที่ปักอยู่บนชุด ซึ่งเป็นฝีมือของผู้ต้องขังชายเรือนจําเชียงรายในโครงการสร้างอาชีพและใช้ศิลปะบําบัดแก่ผู้ต้องขัง จากภาพวาดมาสู่งานปักมือและส่งต่อมาจนถึง 2 ดีไซเนอร์ที่นํางานปักนั้นมาสรรค์สร้างรวมเป็นลวดลายบนชุดกระโปรงได้อยางสง่างาม อีกหนึ่งชุดที่สะดุดตาด้วยความอลังการก็คือ "ชุดกระโปรงยาวพริ้วไหวสีม่วง มีผ้าคลุมที่ปักด้วยสีทองทั้งผืน" ชุดนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชุดฮองเฮาของชาวจีน นําสีม่วงมาตัดกับงานปักสีทองได้อยางยิ่งใหญ่และลงตัวมาก ๆ ค่ะ เรามาดูเวทีจัดแสดงชุดสมัยแรกของทางแบรนด์กันบ้างนะคะมีทั้งหมด 4 ชุด โดยชุดแรกทางด้านขวามือจะเป็น "เสื้อรัดเอวสีดํากับกางเกงกลีบผ้าสีแดงแนว Avant-Garde" เป็นชุดแรกที่ทางแบรนด์ทําขึ้นเพื่อใช้ในงานแสดงแฟชั่นโชว์ ถัดมาด้านซ้ายมือคือ "ชุดกระโปรงยาวสีดำ มีกลีบกระโปรงเป็นชั้นสวยงาม" ถัดมาคือ "ชุดกระโปรงเรียบ ๆ สีขาว เป็นงานปักลวดลายผสมผสานวัสดุ" โดยชุดนี้ได้รับแรงบันดาลใจมากจากวัดอรุณราชวราราม ชุดต่อมาด้านซ้ายมือคือ "ชุดกระโปรงยาวเรียบวาดลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหญิงสาวชาวพม่าในรัฐฉิน ที่นิยมวาดสีแดงลงบนหน้า" จะเห็นได้ว่าแต่ละชุดมีเรื่องราวที่มาแตกต่างกันออกไป แต่จะเชื่อมโยงกันยังไง?? จนทำให้เกิดแนวคิดศูนย์กลางในการจัดนิทรรศการนี้ขึ้น อ่านแล้วคิดตามไปพร้อม ๆ กันนะคะ เดี๋ยวจะมาเฉลยตอนท้ายค่ะ!! ด้านในสุดของงานนิทรรศการจะจัดแสดง "ทีวีโบราณเปิดงานเดินแบบแฟชั่นโชว์โดยชุดของแบรนด์" มีหลากหลายงานและหลากหลายช่วงเวลา ทําให้เห็นความแตกต่างของชุดในแต่ละช่วงได้อย่างน่าสนใจมากค่ะ จากการเข้าชม "นิทรรศการ The World of Tube Gallery" ทําให้เห็นว่าศิลปินได้นําแรงบันดาลใจจากภาพวาดมาสร้างสรรค์เป็นชุดต่าง ๆ ที่มีโครงสร้างของชุดที่แปลกใหม่ สีสันสะดุดตา อีกทั้งยังซ่อนเรื่องราวไว้มากมายผ่านชุดที่ทําขึ้นโดยพยายามสื่อถึง "ความแตกต่างและการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์ สัตว์ป่าและธรรมชาติ" ผ่านลวดลายปักมือบนเสื้อผ้า แต่ละชุดที่ทําขึ้นต่างก็แฝงเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น "ชุดกระโปรงยาวที่ปักลวดลายสายตาหลายคู่ที่มองออกมา" สื่อถึงธรรมชาติของมนุษย์ที่มักจะมองไปที่ผู้อื่นก่อนมองมาที่ตัวเองเสมอ เวลาเกิดเรื่องอะไรมักจะมองความผิดพลาด ความไม่ดีของผู้อื่นมากกว่าการย้อนกลับมามองตัวเอง ต่างคนก็ต่างความคิด ดวงตาหลายคู่ก็เปรียบเสมือนหลากหลายมุมมองความคิดที่มนุษย์มีแตกต่างกันออกไป เหมือนการเตือนสติมนุษย์ให้กลับมาย้อนมองดูตัวเราเองก่อนจะมองไปที่ผู้อื่น และยอมรับในความแตกต่าง เข้าใจในธรรมชาติของจิตใจคน เพราะความคิดถือเป็นแรงขับเคลื่อนที่สําคัญและมีอิทธิพลมากต่อการกระทํา สอดคล้องกับ "ชุดแฝดอิน-จัน" ที่ดีไซเนอร์ทําให้สมองของแฝดติดกันแทนร่างกาย สื่อถึงความคิดที่สามารถส่งต่อถึงกันได้ ถึงแม้จะแตกต่างแต่ก็เป็นความแตกต่างที่เหมือนกัน ทุกคนต่างก็มีโอกาสที่จะคิดต่าง แต่ให้คิดอย่างเข้าใจและอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ นอกจากนี้งานปักมือสร้างลวดลายบนชุดยังมีการผสมผสานวัสดุที่ทําขึ้นเอง เช่น ลูกปัดจากพลาสติกรีไซเคิลมาไว้ในผลงานอีกด้วย ถือเป็นการใส่ใจถึงธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและสะท้อนแนวคิดการอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติได้เป็นอย่างดี การมาชมนิทรรศการในครั้งนี้สนุกและชวนให้คิดตลอดเวลาจริง ๆ ค่ะ ถ้าใครอยากมาสัมผัสบรรยากาศและประสบการณ์แบบนี้สามารถติดตามข่าวสารได้ที่เว็บไซต์ของ River City Bangkok นะคะ นิทรรศการจะผัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ ค่ะ จัดแสดงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม ติดตามข่าวสารดูนะคะ จะได้ไม่พลาดงานดี ๆ แบบนี้ภาพถ่ายจากผู้เขียนติดตามข่าวสารได้ที่ : https://rivercitybangkok.com/