การใช้คำนามในภาษาอังกฤษจำเป็นต้องมีคำนำหน้านามอาจจะเพื่อสื่อสารเรื่องจำนวน เช่น many, much, two, three, a lot of เป็นต้น, แสดงความเจาะจง เช่น the, this, that, these, those เป็นต้น, แสดงความเป็นเจ้าของ เช่น my, your, his, her, their, its, our เป็นต้น, หรือเพื่อเหตุผลทางไวยกรณ์อื่นๆ เช่น a/an หรือ the เป็นต้น กลุ่มคำนำหน้านามส่วนใหญ่จะทำหน้าที่เป็นคำแทนคำนามได้เลยโดยไม่ต้องพูดคำนามซ้ำ โดยบางคำจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนตัวสะกดเพื่อเปลี่ยนหน้าที่จากคำนำหน้านามที่ต้องมีคำนามตามเป็นคำแทนคำนามที่ไม่ต้องมีนามตามอีกแล้วยกตัวอย่างเช่นถาม: "Would you like some sugar?" ****"some" (คำนำหน้านามบอกจำนวน) + "sugar" (คำนาม)****ตอบ: "Yes, a little, please." ****"a little" เป็นคำแทนคำนามเลยซึ่งในกรณีนี้เป็นคำว่า "sugar"****หรือถาม: "My car is blue." "my" (เป็นคำนำหน้านาม) + "car" (คำนาม)ตอบ: "What color is yours?" "yours"เป็นคำแทนคำนามซึ่งในกรณีนี้เป็นคำว่า "car" แต่ "your" เปลี่ยนเป็น "yours" เพราะหน้าที่ไม่เหมือนกัน**** your + นาม = yours ****บทความนี้แนะนำการใช้คำนำหน้านามที่มักจะสับสนกันในกลุ่ม "Another, Other, The Other" เนื่องจากมีหลายรูปและความหมายไม่เหมือนกันคำนำหน้าคำนามในกลุ่มนี้ถูกใช้ในกรณีไล่สิ่งต่างๆ ตามลำดับสามารถนำมาใช้แทนคำที่บอกลำดับได้ เช่น the second หรือ the last เป็นต้นคำว่า "another" เป็นคำที่นำมาใช้นำหน้าคำนามที่เป็นเอกพจน์หรือหนึ่งสิ่ง โดยจะให้ความหมายว่า "อีกอันหนึ่ง" ซึ่งจะเป็นอันดับที่ 2 ขึ้นไปแต่จะไม่ใช่อันสุดท้าย เมื่อสังเกตุตัวสะกดก็จะเห็นรูป "an" + "other" ซึ่งคำว่า "an" จะให้ความหมายเอกพจน์หรือหนึ่งสิ่งอยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น"I want another cup of coffee." แปลว่า "ฉันต้องการกาแฟอีกซักแก้ว""I want another day at the beach." แปลว่า "อยากจะใช้เวลาอีกสักวันที่ชายหาด""I want another chair." แปลว่า "ขอเก้าอี้เพิ่มอีกหนึ่งตัว""I apply for another job." แปลว่า "ฉันสมัครงานเพิ่มไปอีกหนึ่งที่""another" เมื่อใช้เป็นคำแทนคำนามไม่ต้องเปลี่ยนรูป ยกตัวอย่างเช่น"I spend a day at the beach." "I want another." แปลว่า "ฉันใช้หนึ่งวันที่ชายหาดอยากจะอยู่อีกวัน" (another แทนคำว่า another day)"Thanks for the coffee." "Can I have another?" แปลว่า "ของคุณสำหรับกาแฟขออีกแก้วได้ไหม" (another แทนคำว่า another cup of coffee)"I apply for a job today." "I think I should apply for another." แปลว่า "ฉันไปสมัครงานวันนี้แต่คิดว่าน่าจะสมัครเพิ่มอีกที่" (another แทนคำว่า another job)คำว่า "other" เป็นคำที่นำมาใช้นำหน้าคำนามที่เป็นพหูพจน์โดยให้ความหมายว่า "อื่นๆ" (อีกมากมาย) ให้ความหมายไม่เจาะจงจำนวนและ "other" จะใช้ในกรณีเป็นส่วนที่เหลือหรือส่วนสุดท้าย ตัวอย่างจากภาษาไทยที่ใช้ "บางคนก็แบบนั้นบางคนก็แบบนี้" จะเห็นได้ว่ามีการแบ่งสิ่งนั้นเป็นกลุ่มๆ ส่วนที่เหลือจะใช้คำว่า "other" นำหน้าเนื่องจากไม่มีการเจาะจงจำนวนที่แน่นอนยกตัวอย่างเช่น"Some people like light colors." "Other people like dark colors." แปลว่า "บางคนชอบสีสว่างบางคนชอบสีเข้ม"เมื่อ "other" ไม่มี 's' จะทำหน้าที่เป็นคำนำหน้านามพหูพจน์แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นรูปเติม 's' หรือ others จะเป็นคำแทนคำนาม ยกตัวอย่างเช่น"Some like light colors." "Others like dark colors." แปลว่า "บางคนชอบสีสว่างบางคนชอบสีเข้ม""some" และ "others" แทนคำว่า "people" เลยไม่ต้องมีคำนามตามคำนามนับไม่ได้ไม่สามารถใส่เป็นจำนวนได้จึงไม่สามารถใช้ได้กับทั้ง another และ other รวมถึงสำนวนอื่นๆ ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันด้วย ได้แก่ "some other + นามเอกพจน์" ยกตัวอย่างเช่น"I can't do it now." "I will do it some other time." แปลว่า "ตอนนี้ไม่ว่างจะทำคราวหน้า" "I want to see some other house." หรือ "I want to see another house." ทั้งสองอันนี้ความหมายเดียวกัน แปลว่า "อยากดูบ้านอีกหลังหนึ่ง" แต่อันที่สองจะฟังเป็นธรรมชาติกว่าอีกสำนวนที่เป็นของคำในกลุ่มนี้คือ "each other" และ "one another" ทั้งสองคำนี้ทำหน้าที่เป็นกรรมของประธานพหูพจน์เท่านั้นโดยให้ความหมายว่า "กันและกัน" ความแตกต่างของสองคำนี้คือ "each other" แทน 2 สิ่ง และ "one another" แทน 3 สิ่งขึ้นไปยกตัวอย่างเช่น"We both love each other." แปลว่า "เราสองคนรักกัน""Thai people love one another." แปลว่า "คนไทยรักกัน"คำว่า "the other" เป็นคำที่นำมาใช้นำหน้าคำนามได้ทั้งที่เป็นพหูพจน์และเอกพจน์โดยให้ความหมายว่า "ที่เหลือ" เป็นความหมายเจาะจงจำนวน เพราะเป็นที่เหลือจากสิ่งที่กล่าวไปแล้วและจะใช้ในกรณีเป็นส่วนสุดท้ายเท่านั้น หากเหลือหนึ่งอย่างจะตามด้วยคำนามเอกพจน์และถ้าเหลือสองอย่างขึ้นไปจะตามด้วยคำนามพหูพจน์ในกรณีที่เหลือเพียงอย่างเดียว ยกตัวอย่างเช่น "I have three cars." "One car is blue." "Another car is black." "The other car is white." หากต้องการใช้ pronoun แทนคำว่า "car" จะเป็นดังต่อไปนี้"I have three cars." "One is blue." "Another is black." "The other is white." แปลว่า "ฉันมีรถสามคัน คันแรกสีฟ้า อีกคันสีดำ คันสุดท้ายสีขาว" **เหลือรถอีกคันเดียว the other ไม่ต้องเปลี่ยนรูป***ในกรณีที่เหลือสองอย่างขึ้นไป ยกตัวอย่างเช่น"I have five cars." "One car is blue." "Another car is black." "The other cars are white." หากต้องการใช้ pronoun แทนคำว่า "car" จะเป็นดังต่อไปนี้"I have five cars." "One is blue." "Another is black." "The others are white." แปลว่า "ฉันมีรถห้าคัน คันแรกสีฟ้า อีกคันสีดำ สามคันสุดท้ายสีขาว" **เหลือรถสามคันใช้ "the others" แทนรูปเดิม*** ครูด้วงEnglish Forward Unlimited เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !