การกำเนิดเหล้ายิน,เจนีเวอร์ หรือเจนีวา เริ่มต้นในปลายศตวรรษที่ 16 โดยในช่วงยุคแรกนั้นได้ใช้มอลต์ของข้าวบาร์เลย์ผสมกับวิสกี้ไรย์อละหมักกลั่นด้วย Pot Still ขนาดเล็ก ประมาณ 70 - 85 ดีกรี ปล่อยให้เย็นตัวลง 2 - 3 วัน แล้วจึงจะนำมาหมักซ้ำกับผลจูนีเปอร์และครื่องเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Orange Peel, Star Anise, Caraway, Caramus, Orris, Rhubarb, Almond, Calamba, และจะเรียกยินไม่ได้หากขาดผล Juniper Berry ที่เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตมาจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งถูกค้นพบโดยบังเอิญ เมื่อ ค.ศ. 1660 ของเภสัชกรชาวฮอลแลนด์ ชื่อว่า Dr.Sylvius ในการทำเป็นยาอายุวัฒนะตามความเชื่อว่าเป็นน้ำแห่งชีวิต ที่พยายามค้นหายารักษาความบกพร่องของไตนั้นเองเนื่องจากตัวผมเอง คือหนึ่งใน Gin Lover ที่หลงใหลในรสชาติและเรื่องราวที่ทุกฉลากของ Spitits นั้นพึงมี ประกอบกับในช่วงประมาณ 2 -3 ปี ที่ผ่านมานั้น เป็นยุคที่ถือได้ว่า อาชีพบาร์เทนเดอร์และบาร์ในประเทศไทยกลับมานิยมและมีกระแสตอบรับที่ดีมาก รวมไปถึงเป็นยุคทองของเหล้า Gin ที่ในปัจจุบันนี้เกิดขึ้นมามากมายหลายยี่ห้อ จากหลากหลายประเทศที่มาเพื่อตอบสนองความต้องการรสชาติใหม่ ๆ ของเหล่าบาร์เทนเดอร์ในการรังสรรค์เครื่องดื่ม Cocktail อันยอดเยี่ยมจากการใช้เหล้ายินเป็นส่วนผสมหลัก"A Progressive Exploration of The Botanical Heritage of Our Isle of Islay""The Botanist Islay Dry Gin" คือหนึ่งในยินที่น่าสนใจอีกแบรนด์ จากเกาะไอส์ลาย์ เกาะเล็ก ๆ ที่มีชื่อเสียงในการกลั่นวิสกี้ ที่มีอยู่ 8 โรงกลั่น และหนึ่งในนั้น คือโรงกลั่น Bruichladdich ที่ผลิตจิตวิญญาณและความน่าสนใจให้กับยิน ที่เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณและมีความท้าทายเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่คนส่วนใหญ่รู้จักพื้นที่เกาะแห่งนี้ ในโลกของ Single Malt และแทบจะไม่รู้จักสุรากลั่นประเภทยินเลยโรงกลั่นแห่ง Bruichladdich มีความโดดเด่นในเรื่องข้าวบาร์เลย์ 100%จาก Single Farm ของสก๊อตแลนด์ ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1881 โดยพี่น้องตระกูล Harvey แต่ด้วยสภาวะทางเศรษฐกิจที่ไม่ดีนัก ส่งผลกระทบต่อกิจการ จนกระทั่งปี 2000 Mr.Murray McDavid ได้เข้ามาซื้อกิจการและนำพาความรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่มาสู่โรงกลั่นอีกครั้ง โดยมีพ่อค้าไวน์ Mark Reynier และ Jim McEwan ในฐานะ Master Distiller ยอดฝีมือมารังสรรค์รสชาติใหม่ ๆ ได้อย่างลงตัว จนในปี 2012 ทางบริษัท Remy Cointreau ได้เข้ามาเป็นเจ้าของกิจการ ที่ยังคงรักษาและสืบทอดเครื่องไม้เครื่องมือทั้งหมดไว้อย่างดี และผู้จัดรายการแข่งขัน La Maison Cointreau เวทีที่เปิดโอกาสให้กับผู้ที่มีแนวคิดและไอเดียใหม่ ๆ ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ออกมาในรูปแบบของ Cocktail ครับThe Botanist แบรนด์นี้ เป็นยินที่กลั่น 4 ครั้งหรือประมาณ 17 ชั่วโมง ด้วยหม้อกลั่นทองแดง Lomond Still ที่มีชื่อว่า Ugly Betty ที่ออกแบบโดย Tom Morton และมี Jim McEwan เป็นผู้ควบคุมดูแลกระบวนการกลั่นและคัดเลือกพืชผัก สมุนไพรกว่า 22 ชนิดบนเกาะไอส์ลาย์ ตามเลข 22 ที่ระบุอยู่บนฉลาก และสลักบนตัวขวด ที่สร้างความแปลกใหม่ และความสง่างามได้อย่างน่าประทับใจ โดยการออกแบบนั้นสะท้อนถึงความเป็นธรรมชาติและป่าอันอุดมสมบูรณ์ของ้กาะแห่งนี้ บวกกับอีก 9 ชนิดที่เป็นส่วนประกอบหลักที่จะสามารถเรียกว่ายินได้จากส่วนผสมกว่า 31 ชนิด บวกกับความมุ่งมั่นตั้งใจและปณิธานที่เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ ทำให้ The Botanist เป็นยินที่มีความซับซ้อน แต่แฝงไปด้วยความหอมของ Gooseberry, ดอกไม้นานาพันธุ์, Menthol และกลิ่นสาหร่ายที่ให้ความสดชื่น อันเนื่องมาจากสายลมบนเกาะไอส์ลาย์ และมีความ Spicy ของสมุนไพร ใบมิ้นท์ โรสแมร์รี่ แต่ยังคงจบด้วยกลิ่น Floral เด่นชัดผมเชื่อเหลือเกินว่าเรื่องราวและรสชาติของสุรากลั่นชนิดนี้จะเป็นอีกตัวเลือกของผู้รังสรรค์เครื่องดื่มด้วยเหตุผลที่ต้องการจะสร้างความแปลกใหม่ และตอบสนองความต้องการของนักดื่มในทุก ๆ โอกาสด้วยเช่นกัน ลองเปิดประสบการณ์และสร้างค่ำคืนอันแสนพิเศษของคุณจาก "The Botanist Islay Dry Gin" กันนะครับ"Wild, Foraged, Distilled, The First and Only Islay Dry Gin"Let't Explore and Sip it ภาพถ่ายโดย BarPenTas ทั้งหมด ติดตามบทความอื่น ๆ ของผมได้ที่ https://creators.trueid.net/@27537 หรือ BarPenTas