ในปัจจุบัน การค้าขายสินค้านั้น ได้เปลี่ยนช่องทางการขายจากหน้าร้านค้า เป็น ออนไลน์มากขึ้น โดยธุรกิจจิวเวลรี่และอัญมณีเองนั้นก็ถือว่าเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากเหตุผลข้างต้น ดังนั้นในทุกวันนี้ เราจึงสามารถพบเห็นการขายเพชรพลอยอัญมณีผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นนั่นเอง แต่เมื่อได้ศึกษาเชิงลึกในวิธีการขายจิวเวลรี่ผ่านช่องทางออนไลน์แล้วนั้น จะพบว่า เป็นการซื้อขายโอนผ่านช่องทางออนไลน์จริงนั้น เป็นส่วนน้อย โดยส่วนมากยังคงเป็นการที่ผู้บริโภคได้รู้จักร้านค้าผ่านทางออนไลน์แล้วทำการนัดซื้อขายกันนอกสถานที่ตามที่ตกลงกันนั้นเอง ซึ้งเหตุผลที่เป็นเช่นนี้สาเหตุหลักเนื่องมาจาก สินค้าจิวเวลรี่นั้นถือเป็นสินค้าราคาค่อนข้างสูง และ สินค้าจิวเวลรี่เป็นสินค้าที่เน้นความสวยงามจากรูปทรง และ รูปร่าง จึงทำให้ผู้บริโภคไม่กล้าที่จะซื้อผ่านทางออนไลน์เนื่องจากกลัวโดนหลอก หรือ ขนาดและภาพไม่เหมือนของจริง ดังนั้นจาก เหตุผลผู้บริโภค จึงส่งผลกระทบที่ทำให้การขายทางออนไลน์ของธุรกิจจิวเวลรี่ยอดขายค่อนข้างต่ำนั้นเอง ภาพ บรรยากาศร้านค้าจิวเวลรี่ที่ ห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง เเหล่งที่มา : ชนินทร์ รักใคร่ จากสาเหตุดังกล่าวข้างต้น ปัญหาที่พบคือ ลูกค้าที่ซื้อของจิวเวลรี่ผ่านทางออนไลน์นั้นไม่สามารถที่จะดูรูปร่าง หรือ รูปทรงได้จากรูปภาพ 2 มิติที่เป็นที่นิยมในการขายออนไลน์ ดังนั้นการใช้งานเทคโนโลยี 3 มิตินี้จะสามารถเข้ามาตอบโจทย์และชดเชยข้อด้อยในการที่ลูกค้าจะสามารถเห็นรูปร่างและรูปทรงของชิ้นงานจิวเวลรี่ได้ ซึ้งมีผลช่วยในการตัดสินใจซื้อสินค้าจิวเวลรี่ผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น โดยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นนั้นมาจากการสอบถามข้อมูลแล้วสรุปผลจากเจ้าของธุรกิจจิวเวลรี่ที่มีร้านค้าอยู่บนห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง MBK ถัดมาการใช้เทคโนโลยี 3 มิติ นั้นจะมาช่วยยอดขายจิวเวลรี่ผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างไรบ้าง ก่อนอื่นขอเกริ่นนำถึงเทคโนโลยี 3 มิติก่อน คือ แบบที่มี ความกว้าง ความยาว ความลึก ซึ้งแตกต่าง 2 มิติที่มีเพียงความกว้าง ความยาว ดังนั้นจึงสามารถบอกได้ว่า แบบ 3 มิติมีความสมจริงมากกว่า จึงถูกนำไปใช้ในงานออกแบบต่างๆ ทั้งสถาปัตยกรรมและโมเดลสินค้าจิวเวลรี่ด้วย โดยหลักแล้วในสินค้าจิวเวลรี่นั้นสามารถที่จะนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้เป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตและผู้บริโภคได้โดย ภาพ 3 มิติ สินค้าจิวเวลรี่ เเหล่งที่มา cgtrader ภาพ 2 มิติ สินค้าจิวเวลรี่ เเหล่งที่มา : ชนินทร์ รักใคร่ ผู้ผลิตสามารถที่จะนำเทคโนโลยี 3 มิติ มาใช้ในการออกแบบสินค้าตนเองได้ ทำให้มีแบบแผนในการทำของจริง โดยจะช่วยลดต้นทุนในการผิดพลาดระหว่างทำของจริงและช่วยเพิ่มความสามารถในการออกแบบของผู้ผลิตที่จะผลิตสินค้าด้วยความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้นได้ ในอีกส่วนหากนำไปใช้ในการขาย ผู้ผลิตสามารถนำสินค้าตนเองไปสร้างเป็น 3 มิติ หรือ ดูสินค้าผ่านมุม 360’ (ดูรอบสินค้า) ให้ผู้บริโภคสามารถเข้าไปดูสินค้าของตนผ่านช่องทางออนไลน์ได้ โดยผู้บริโภคจะสามารถเห็นได้ทั้งสัดส่วน ความกว้าง ความลึก มาตราส่วน ความคมชัดของภาพใกล้เคียงของจริง ด้วยปัจจัยทั้งหลายเหล่านี้ ให้ผู้บริโภค ได้เห็นขนาด มาตราส่วนเท่าของจริง รูปทรง เหลี่ยมสันได้ พร้อมความชัดเจนใกล้เคียงของจริง พร้อมราคาที่เหมาะสม จะช่วยให้ผู้บริโภคกล้าตัดสินใจซื้อสินค้าจิวเวลรี่ผ่านช่องทางออนไลน์ได้นั่นเอง ในส่วนของผู้บริโภคนั้น ประโยชน์ที่ได้รับจากเทคโนโลยีนี้คือ สามารถที่จะเห็นรูปร่างรูปทรงได้ชัดเจนของสินค้าที่ตนเองจะสั่งซื้อ ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าตนเองหากสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์จะได้ของไม่ตรงขนาด และหากผู้ผลิตมีการสร้างแฟลตฟอร์มออกแบบ 3 มิติสินค้าจิวเวลรี่ได้โดยตนเอง ผู้บริโภคก็จะสามารถออกแบบสินค้าและสั่งทำได้ด้วยตนเอง โดยการทำเทคโนโลยี 3D นี้ก็สามารถ ทำได้ต้นทุนต่ำลงจากอดีตโดยใช้ความรู้จากวิศวกรรมเครื่องกลในการเขียนแบบภาพ หรือใช้โปรแกรมในการออกแบบ และวิศวกรรมสำรวจใน ทำการถ่ายภาพแล้วนำภาพมาซ้อนกันกลายเป็น 3 มิติ อ้างอิงความรู้จาก แฟนเพ็จเฟสบุ๊ค : Matrix Guru สอน เขียน แคด CAD Jewelry 3d โปรแกรม Matrix Rhino และ อ้างอิงจากวิชา Photogrammetry ดังนั้นสรุปจากที่กล่าวไปข้างต้นจะเห็นว่า การใช้เทคโนโลยี 3 มิตินั้นมีส่วนช่วยในการขายสินค้าจิวเวลรี่ผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นเพราะสามารถตอบโจทย์แก้ไขปัญหา หนึ่งในเหตุผลหลักของลูกค้าที่ยังไม่กล้าตัดสินใจซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้นั้นเอง และประโยชน์ของเทคโนโลยี 3 มิติในธุรกิจจิวเวลรี่ยังคงมีอีกมากที่เป็นผลพลอยได้ เพียงแต่รอผู้ประกอบการที่มีความรู้นำไปประยุกต์ใช้งานกับธุรกิจจิวเวลรี่ของตนเอง เครดิตรูปภาพ : ภาพปก / ภาพที่ 1(ผู้เขียนบทความ) / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3(ผู้เขียนบทความ)