เมืองมิงกุน อยู่ไม่ไกลจากเมืองมัณฑะเลย์ของพม่า มีถนนแคบ ๆ เลียบริมฝั่งอิรวดี ระหว่างทางรู้สึกสบายตากับธรรมชาติ อากาศดีหายใจคล่อง มองเห็นต้นไม้ขนาดใหญ่อยู่มากมาย จุดสนใจอยู่กับแม่น้ำอิรวดีกว้างใหญ่ น้ำใสสะท้อนกับแสงยามเช้า ทันทีที่รถพามาถึงเจดีย์มิงกุน มีภาพประทับใจหลายภาพ เจดีย์ที่เป็นซากปรักหักพัง เหลือเพียงส่วนฐานดูใหญ่โตโอฬารราวกับภูเขาขนาดย่อม ๆ ด้านหน้าของเจดีย์มีภาพที่ราวกับแกะออกมาจากหนังสือโบราณ มีวัวเทียมเกวียนหลายเล่มจอดอยู่ ลักษณะเป็นเกวียนมีหลังคาขนาดกะทัดรัดดูน่ารัก เกวียนที่จอดอยู่นั้น ไว้สำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยว หากว่าใครต้องการนั่งในบรรยากาศซึมซับความโบราณ เจดีย์มิงกุนสร้างในปีพ.ศ.2333 โดยพระเจ้าปดุง พระองค์ตั้งใจว่าจะให้เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุด แต่เพราะสร้างไม่เสร็จ จึงมีเพียงแค่ฐานด้านล่างและร่องรอยส่วนของสิงห์คู่ที่ประดับอยู่ด้านหน้า และยังไม่มียอดเจดีย์ เฉพาะส่วนที่สร้างไปแล้วใช้เวลาประมาณ 7 ปี จากนั้นพระเจ้าปดุงก็เสด็จสวรรคต ถึงจะมีเพียงแค่ส่วนฐาน แต่ก็มีความสูงถึง 50 เมตร ถ้าหากเจดีย์สร้างเสร็จตามที่พระองค์คาดหมาย น่าจะมีความสูงที่สุดในโลกถึง 152 เมตร ส่วนที่เป็นความเสียหายเป็นรอยแตกรอยแยกที่เห็นอยู่ เกิดมาจากแผ่นดินไหว แต่นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินเข้าไปไหว้พระด้านในเจดีย์ได้ หรือจะปีนขึ้นไปตามทางขึ้นด้านข้างที่เป็นรอยทางเดิน ก็สามารถไปชมวิวมุมสูงมองเห็นทิวทัศน์ของแม่น้ำอิรวดี จากตรงนี้ไม่ไกลนักเป็นที่เก็บระฆังมิงกุน ซึ่งพระเจ้าปดุงได้โปรดให้สร้างเอาไว้เพื่อที่จะนำมาอยู่ในเจดีย์มิงกุน ความใหญ่โตของระฆังดูเข้ากับเจดีย์ เมื่อได้เห็นระฆังรู้สึกอัศจรรย์ใจมากด้วยเส้นรอบวงถึง 10 เมตร สูง 3.7 เมตร น้ำหนัก 87 ตัน เวลาที่เรามองเห็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ในสมัยโบราณ สิ่งหนึ่งที่เหมือนจะมีอยู่คล้าย ๆ กันคือความทะเยอทะยานของกษัตริย์ในสมัยนั้น และก็ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงงานของข้าทาสและบริวาร กับการอุทิศตนบรรดานายช่างที่มักจะไม่ได้มีคนจารึกจดจำ มีแต่สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือผลงานอันน่าทึ่งในสายตาของคนรุ่นหลัง