สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาทุกคนหนีงานไปเที่ยวกันง่ายๆ ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยสามารถเที่ยวได้ภายในเวลา 24 ชั่วโมง โดยเราสามารถเดินทางง่ายๆ จากกรุงเทพมหานครของเรา ใช้เวลาเดินทางเพียง 2.30 ชั่วโมง เครื่องบินจะพาทุกท่านทำการลดระดับลงสู่ท่าอากาศยานชางงี แอร์พอร์ต การเดินทางเข้าเมืองนั้นแสนง่ายด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียว คุณก็จะมาโผล่ ณ ใจกลางเมือง สิงคโปร์ ทางเราจะพาทุกคนลงที่สถานี City Hall สถานีแรก เพื่อแวะมาทานอาหารเช้ากันที่ Toast Box ที่มาพร้อม Laksa อาหารประจำชาติของสิงค์โปร์ และขนมปังพร้อมเนย และที่ขาดไม่ได้คือ Teh Tarik ชานมร้อนๆ ต้อนรับเช้าอันสดใส จากนั้น เราจึงออกเดินทางกันไปที่จุดหมายต่อไป คือ สถานี City Hall นั้นมีความน่าสนใจ ในการเป็นสถานีหลักในการเปลี่ยนสายเป็นสายสีแดง หรือ สามารถเดินลัดเลาะไปตามห้างใต้ดิน เพื่อไปเส้นทางสายสีเหลือง ณ สถานี Esplanade สำหรับสถานี Esplanade มีสถานที่สำคัญของวงการธุรกิจแห่งโลกสิงค์โปร์ เพราะเป็นที่ตั้งของ Suntec Tower ทั้ง 5 ตึก ที่เขามีความเชื่อกันว่า ณ ใจกลางของตึกเหล่านี้ คือ ขุมพลังดึงดูดทรัพย์ที่มีชื่อว่า Fountain of Wealth โดยการรับพลัง มีทั้งหมด 3 ขั้นตอนดังนี้ 1. ใช้มือขวาแตะยื่นเข้าไปแตะน้ำพุ 2. ตั้งใจอธิฐานหรือขอพร 3. จากนั้นให้เดินวนรอบน้ำพุตามลูกศรสีแดงให้ครบทั้ง 3 รอบ จากนั้นเมื่อได้รับความเฮงแล้ว เราก็ออกเดินทางไปหาความเฮงกันต่อ โดยรถไฟใต้ดินเช่นเดิม โดยมุ่งหน้าไปที่สถานี Dhoby Ghaut เพื่อเปลี่ยนสายมุ่งหน้าไป China Town ที่พร้อมไปด้วยของกินอันอุดมสมบูรณ์ และ วัดประจำเมืองสิงค์โปร์ โดยเราเริ่มจากการไหว้พระธาตุเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า วัดเขี้ยวแก้ว ที่ตั้งอยู่ใจกลางของ China Town เลยทีเดียว ที่นี่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว หรือว่าพระทนต์ของพระพุทธเจ้านั้นเอง ใครจะมาควรแต่งกายด้วยชุดที่สุภาพนะคะ. เมื่อจบจากการเป็นสายมูเตลูกันแล้ว ก็ได้เวลาตระเวนกินกันนั้นเอง โดยที่ China Town คือแหล่งรวมของดี ของเด็ด ที่ทุกคนมาถึงที่สิงค์โปร์ต้องห้ามพลาดดด..... เริ่มจาก ร้านข้าวมันไก่เทียนเทียน(Tian Tian Hainanese Chicken Rice) ตั้งที่ศูนย์อาหารแม็กซ์เวล (Hawker Food Centre) อยู่เยื้องกับวัดพระเขี้ยวแก้ว ติดกับถนน South Bridge Road. ข้าวมันไก่สไตล์ฮกเกี๊ยน จะมีความมันของเนื้อไก่ ที่แทรกเข้าไปในเนื้อจนทำให้รสสัมผัสในการเคี้ยวนั้นนุ่มมาก อีกทั้งข้าวหอมมันกำลังดี สไตล์สั่งอาหารเป็นแบบร้านฟู๊ด คอร์ทบ้านเรา ที่ต้องสั่งเอง หิ้วไปกินที่โต๊ะเอง มี 3 ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ และสั่งแบบไก่สับใส่จาน 1 ตัว หรือ ครึ่งตัว และมีเครื่องในจานแยกที่สามารถสั่งได้อีกด้วย ขอให้ทุกคนจงได้ไปลองแล้วจะต้องลองว้าววว ที่กินท้ายที่สุดสำหรับมื้อกลางวัน อันแทบไม่มีพื้นที่จะยัดเข้าไปแล้วก็คงไม่พ้น ร้านของทานเล่น ระดับตำนานอย่าง Old Changi ร้านลูกชิ้นทอดคู่บุญมากับสิงคโปร์มาอย่างช้านาน เสน่ห์ของร้าน คือ ความสดใหม่ของลูกชิ้นที่ร้อนละมุนในการกัดลูกชิ้นสุดเด้งดึ่งในแต่ละคำ หลังจากอิ่มพุงกางไปกับมื้อกลางวันสุดพิเศษเราก็มุ่งหน้ากันต่อสู่ Merlion สิงโตพ่นน้ำ สัญลักษณ์ประจำชาติสิงคโปร์ ที่นี่คุณสามารถสร้างสรรค์ท่าโพส ได้อย่างจุใจ แต่อาจต้องหามุมหน่อยนะคะ เพราะทัวร์ลงที่นี่ทั้งวันเลย เจอน้องก็เซย์ไฮ และถ่ายรูปเก๋ๆ ก่อนจะโบกมือบ้ายบาย และมุ่งหน้าสู่ Marina Bay sand ตึกสูงรูปเรือขนาดใหญ่ ที่ข้างในประกอบไปด้วยโรงแรม ร้านค้าแบรนด์ดัง จนถึงคาสิโน ถ้าใครอยากลองเสี่ยงดวงเพื่อได้เป็นเศรษฐีก็เตรียมเงินมาเลยนะคะ และท้ายที่สุดของวัน ขอปิดท้ายอาหารเย็นกับ Jumbo seafood ร้านปูเจ้าดัง เจ้าเด็ดแห่งเมืองสิงคโปร์ ที่ปูตัวยักษ์ ผัดคู่กับผงกะหรี่สุดเข้มข้น กินคู่กับซาลาเปาทอดร้อนๆ รับรองว่ามื้ออาหารเย็นจะกลายเป็นสวรรค์น้อยๆ บนดินนี้เอง เห็นไหมคะ เพียงแค่ 24 ชั่วโมง เราสามารถตระเวนหนีเที่ยวได้ทั่วเกาะสิงคโปร์เลยทีเดียว ไว้เจอกันใหม่บทความหน้า เราจะพาทุกคนไปเที่ยวไหน อย่าลืมติดตามกันนะคะ Credit : รูปถ่ายทั้งหมด ถ่ายโดยผู้เขียนเอง