เครดิตภาพหน้าปก : ผู้เขียน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ในปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อทั่วโลกกว่าหนึ่งร้อยสี่สิบล้านคน และมีผู้เสียชีวิตกว่าสามล้านคน โดยตัวเลขยังคงพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้จะมีการฉีดวัคซีนในหลายประเทศแล้วก็ตาม ทำให้บริษัทยาหลายแห่งต่างเร่งผลิตวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อมาต่อสู้กับเจ้าไวรัสตัวร้ายนี้ และมีบริษัทยาอีกจำนวนไม่น้อยกำลังเร่งพัฒนาคิดค้นวิจัยยาเพื่อรักษาโรคนี้ เราได้เห็นตัวอย่างการพัฒนายาเพื่อต่อสู้กับโรคอุบัติใหม่มาแล้วเมื่อครั้งไข้หวัดใหญ่ 2009 ระบาด ซึ่งได้ผลเป็นอย่างดี เครดิตภาพ : Artem Podrez / Pexels ล่าสุดมีข่าวซึ่งอาจเป็นความหวังใหม่ของมวลมนุษยชาติ เมื่อบริษัทยายักษ์ใหญ่อย่าง Pfizer ที่มีผลงานโดดเด่นในการผลิตวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงและผลข้างเคียงต่ำ ได้ประกาศว่ากำลังเริ่มทดลองวิจัยยารักษาโรคโควิด-19 โดยเจ้ายาตัวนี้มีชื่อว่า PF-07321332 เป็นยากิน ออกฤทธิ์โดยการจับกับโปรตีนของตัวไวรัส และยับยั้งทำให้ไวรัสไม่สามารถแบ่งตัวในเซลล์ของมนุษย์ได้ ซึ่งลักษณะกลไกการออกฤทธิ์ของยาดังกล่าวมีความคล้ายคลึงกับยารักษาโรคเอชไอวี โรคไวรัสตับอักเสบซีและโรคติดเชื้อไวรัสอื่นๆในปัจจุบัน เครดิตภาพ : Chokniti Khongchum / Pexels ถึงตอนนี้ทางบริษัท Pfizer ได้มีการทดลองยา PF-07321332 ในหลอดทดลอง พบว่าสามารถยับยั้งเชื้อโคโรนาไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพดีเยี่ยม จึงเริ่มขั้นตอนทดลองกับมนุษย์แล้ว โดยการทดลองแบ่งออกเป็น 3 เฟส ทำการทดลองในอาสาสมัครสุขภาพแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัวจำนวน 60 คน ทั้งเพศชายและเพศหญิง อายุระหว่าง 18-60 ปี ดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ระหว่าง 17.5-30.5 kg/m2 และน้ำหนักมากกว่า 50 kg ซึ่งการทดลองนี้กินระยะเวลาหลายเดือน เริ่มงานวิจัยวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 และคาดว่าจะสำเร็จภายในวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 สำหรับเฟสแรก ขณะนี้งานวิจัยยังอยู่ในเฟสที่ 1 โดยมีจุดประสงค์เพื่อทดสอบโดสยาที่เหมาะสม ผลข้างเคียงและความปลอดภัยรวมถึงปฏิกิริยาทางเภสัชจลนศาสตร์ต่ออาสาสมัคร มีวิธีการทดลองโดยแบ่งอาสาสมัครออกเป็น 5 กลุ่ม 4 กลุ่มแรกจะได้รับยา PF-07321332 ในขนาดที่แตกต่างกัน และกลุ่มที่ 5 เป็นกลุ่มที่ได้รับยาหลอก วัดผลโดยดูผลข้างเคียงของยา การเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพหลังได้ยา การเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจหลังได้ยา การเปลี่ยนแปลงของผลเลือดและปฏิกิริยาทางเภสัชจลนศาสตร์ที่เกิดขึ้นกับกลุ่มอาสาสมัคร “ เราออกแบบยา PF-07321332 ซึ่งเป็นยากินที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อให้แพทย์จ่ายยาให้ผู้ป่วยรับประทานทันทีที่บ้านเมื่อมีอาการที่บ่งบอกถึงการติดเชื้อ โดยไม่ต้องมาโรงพยาบาล ” กล่าวโดย Mikael Dolsten หัวหน้าฝ่ายงานวิจัยและพัฒนายาของบริษัท Pfizer เมื่อเดือนที่แล้ว ทั้งนี้ก่อนที่ยาจะสามารถนำมาใช้ได้จริงคงต้องผ่านขั้นตอนและกระบวนการวิเคราะห์อีกมากมาย ทั้งในเรื่องของการผลิตยา จัดเก็บยา การขนส่ง ราคายา และที่สำคัญต้องได้รับการตรวจสอบและอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาก่อน จากการวิเคราะห์ในมุมมองของผู้เขียนเองประกอบกับข้อมูลจากหลายๆแหล่ง คาดว่าหากผลการทดลองเป็นไปในทิศทางที่ดี ไม่เกินปลายปีนี้อาจได้เห็นการนำยานี้มารักษาผู้ป่วยจริง นับเป็นความหวังใหม่สำหรับมวลมนุษยชาติในการต่อสู้กับโคโรนาไวรัส เพื่อให้ทุกคนในโลกกับมาดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุขอีกครั้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยาเป็นเพียงการรักษาที่ปลายเหตุ เรายังคงต้องสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือตามมาตรการ จนกว่าจะสามารถควบคุมการระบาดได้ สุดท้ายขอให้ผู้อ่านทุกท่านปลอดภัยจากโรคโควิดครับ เครดิตภาพ : Karolina Grabowska / Pexels เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !