อย่างที่ทุกคนทราบดี ภาพยนตร์ถูกสร้างจากหลาย ๆ หน่วยการทำงาน แต่ที่ขาดไม่ได้คงเป็นกล้องที่จะจับภาพเคลื่อนไหว และการที่กล้องบันทึกภาพนั้นก็ไม่สามารถเก็บรายละเอียดหรือสิ่งของต่าง ๆ ที่เราต้องการให้เข้ามาอยู่ในเฟรมกล้องที่จะแสดงผลได้ทั้งหมด จึงมีการเลือกในแต่ละช็อตการถ่ายว่าต้องการอะไรบ้างที่จะอยู่ในเฟรม ขนาดเท่าไรบ้าง และเป็นมุมใด ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งเพราะนอกจากจะสนองความต้องการของผู้กำกับแล้ว ขนาดของภาพยังมีความหมายที่ช่วยสื่ออารมณ์ ณ ตอนนั้นของตัวละครหรือฉากในตอนนั้นได้ด้วยนั่นเองShot Size หรือขนาดของภาพ สามารถแบ่งออกง่าย ๆ เป็น 7 ขนาด (จากไกลไปใกล้) นั่นคือ Extreme Long Shot, Long Shot, Medium Long Shot, Medium Shot, Medium Close-up, Close-up, และ Extreme Close-up Extreme Long Shot - เน้นโชว์บรรยากาศ สิ่งแวดล้อม หรือสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ภายในซีนนั้น มักเป็นสถานที่ที่มีความใหญ่โต อลังการ ซึ่งจะทำให้ขนาดของมนุษย์มีขนาดเล็กอย่างมากLong Shot - จะมีขนาดเต็มตัวของมนุษย์ เห็นทั้งตัว Medium Long Shot - ขนาดของมนุษย์ในภาพจะใหญ่ขึ้น สัดส่วนของร่างกายจะถูกตัดออก ส่วนนั้นคือตั้งแต่เหนือเขาลงไปถึงเท้าMedium Shot - จะเห็นรายละเอียดของตัวละครมากขึ้น โดยสัดส่วนจะถูกลดทอนลงเหลือเพียงตั้งแต่หัวถึงเอวเท่านั้นMedium Close-up - ระยะของภาพจะใกล้มากขึ้น ขนาดของตัวละครจะใหญ่คับจอมากยิ่งขึ้น สัดส่วนของร่ายกายจะถูกลดทอนลงเหลือเพียงตั้งแต่หัวถึงหน้าอกClose-up - ระยะภาพระยะใกล้ที่เน้นสีหน้าตัวละคร สัดส่วนจะเหลือเพียงหัวถึงช่วงคอเท่านั้น ซึ่งขนาดจะคับจอยิ่งขึ้นExtreme Close-up - เป็นระยะภาพที่ต้องการเจาะจงเฉพาะส่วนของร่างกายหรือ Object ที่ต้องการถ่าย ซึ่งจุด ๆ นั้นจะมีขนาดใหญ่อย่างมาก และจะเห็นรายละเอียดที่ชัดเจนนอกจากนี้ Close-up และ Extreme Close-up ยังสามารถใช้เป็นขนาดภาพของวัตถุต่าง ๆ ที่ต้องการถ่ายเพื่อสื่อความหมายว่าสิ่งที่อยู่ในภาพด้วยขนาดภาพของทั้งสองแบบนี้ มีความสำคัญต่อเนื้อเรื่อง ซึ่งอยู่ในกฎที่เรียกว่า Hitchcock's Rule หวังว่าผู้อ่านจะได้ประโยชน์จาก Shot Size ไม่มากก็น้อย และหวังว่าจะทำให้ผู้อ่านรับชมภาพยนตร์ได้อย่างมีอรรถรสมากขึ้นภาพโดย ผู้เขียน