ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันเทรนด์การรักสุขภาพกำลังมาแรง ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารคลีน หรือการออกกำลังกาย ซึ่งแต่ละคนก็มีความชอบในการดูแลตัวเองแตกต่างกันไป บางคนเป็นสายวิ่ง บางคนเป็นสายเข้าฟิตเนส บางคนก็นิยมออกกำลังกายเป็นก๊วน จำพวกรวมตัวกันไปเตะฟุตบอล หรือชวนกันไปตีแบดมินตัน ตัวผู้เขียนเองปกติเป็นคนไม่ค่อยชอบออกกำลังกายเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ถ้าไปโดยมากจะเน้นการออกกำลังกายที่ได้อยู่กับตัวเอง มีไปเล่นโยคะบ้าง วิ่งวนเป็นวงกลมรอบสวนสาธารณะแถวบ้านบ้าง และแล้ววันหนึ่งก็เกิดนึกขึ้นมาได้ว่ามีกีฬาที่อยากเล่นจริงจังและใฝ่ฝันว่าจะต้องได้ลองเล่นซักครั้ง นั่นก็คือ “การปีนหน้าผาจำลอง” พอเริ่มมีความคิดปิ๊งขึ้นมาว่าอยากลองปีนหน้าผาจัง สิ่งที่ทำต่อมาคือการค้นหาข้อมูลว่าในกรุงเทพฯ มีที่ไหนที่มีหน้าผาจำลองแบบ Indoor ให้ไปปีนบ้าง แล้วก็มาเจอว่าที่ Virgin Active มีหน้าผาจำลองเปิดให้บริการรวมอยู่กับกิจกรรมออกกำลังกายอื่น ๆ ผู้เขียนจึงไม่รอช้ารีบรุดเข้าไปที่สาขาตึก Empire ตรงสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี เพื่อดูลาดเลา ปรากฎว่าพอไปถึง โดนงานขายพาชมสถานที่ จนเกิดจิตอ่อน สมัครสมาชิกรายปีมาจนได้ โดยมีน้องที่ทำงานอีกคนตกเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกัน สำหรับค่าสมาชิก Virgin Active จะแตกต่างกันไปตามระยะเวลาสมาชิก และโปรโมชั่นในช่วงเวลาต่าง ๆ โดยผู้อ่านที่สนใจสามารถนัดหมายเข้าไปชมสถานที่ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.virginactive.co.th/ พอเป็นสมาชิกของ Virgin Active เรียบร้อยแล้ว เราก็มีสิทธิ์ที่จะไปปีนป่ายหน้าผาจำลองกันแล้วค่ะ โดยก่อนจะเริ่มปีนหน้าผาจำลองกันจริง ๆ ทาง Virgin Active จะแนะนำให้คนที่ไม่เคยปีนหน้าผามาก่อน ลงเรียน Climbing Induction Class ซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 นาที เพื่อให้ Trainer แนะนำขั้นตอนพื้นฐาน และหลักความปลอดภัยต่าง ๆ ให้ทราบก่อน โดย Trainer จะคอยดูแลเราอยู่ข้างล่าง อย่างห่วง ๆ ตลอดคลาส (ต้องจองเวลาเข้าคลาสล่วงหน้าผ่านระบบสมาชิกของ Virgin Active ก่อนนะคะ) ซึ่งเมื่อผ่านคลาสเบื้องต้นนี้ไปแล้ว ต่อไปเราจะไปปีนหน้าผาตอนไหนก็ได้ตามใจเลยค่ะ โดยการแต่งกายในการปีนหน้าผาจำลองสามารถใส่ชุดออกกำลังกายตามปกติได้เลยค่ะ แต่ผู้เขียนแนะนำว่าให้ใส่เสื้อผ้าที่ค่อนข้างรัดกุม ขากางเกงไม่ยาวเกินไป เพราะเวลาที่เหยียบปุ่มหินบนหน้าผา อาจพลาดเหยียบชายกางเกงตัวเองได้ค่ะ ผู้เขียนใส่กางเกงเล่นโยคะเลยค่ะ กระชับและคล่องตัวสุด ๆ ส่วนรองเท้า ต้องเป็นรองเท้าสำหรับปีนผาโดยเฉพาะ ซึ่งทาง Virgin Active จะมีให้ยืม หรือถ้าใครจะเตรียมรองเท้าส่วนตัวไปก็ไม่ว่ากันค่ะ ส่วนผู้เขียนที่พึ่งเริ่มลงสนามเป็นครั้งแรก ขอหยิบยืมใช้ไปก่อน ถ้าโอเคไปได้สวย เป็นทางของเรา ค่อยลงทุนกับอุปกรณ์ทีหลัง เมื่อเสื้อผ้า รองเท้า และใจพร้อมแล้ว ก่อนเริ่มต้นปีนหน้าผา เราจะต้องใส่อุปกรณ์ความปลอดภัยที่สำคัญมาก ๆ 1 ชิ้น คือ Harness ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สวมไว้ตรงแถว ๆ สะโพกและเอว โดย Harness ที่เป็นเหมือนเชือกตัวนี้จะช่วยดึง รั้ง และพยุงเราไว้กลางอากาศ เมื่อเวลาเราเหยียบพลาด หรือพลัดตกลงมา คล้าย ๆ กับสายป่านที่คอยดึงเราเอาไว้ ไม่ให้ร่วงแป้กกระแทกพื้นนั่นเองค่ะ เอาละตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว ถึงเวลาไปแตะขอบผากันแล้วค่ะ หลายคนรวมทั้งตัวผู้เขียนในตอนแรก อาจเข้าใจว่าการปีนหน้าผา ต้องใช้แรงจากแขนเพื่อดึงตัวเราขึ้นไปด้านบนเรื่อย ๆ ซึ่งนั่นเป็นความเข้าใจที่ผิดค่ะ การปีนหน้าผาที่ถูกต้องเราจะต้องใช้แรงจากขาเป็นแรงดันในการส่งตัวเราขึ้นไปในแต่ละครั้งที่ปีน ซึ่งจะทำให้เราไม่ปวดแขน แต่มาปวดขาแทน แหมไม่ใช่สิคะ ซึ่งจะทำให้เราสามารถพยุงตัวอยู่บนปุ่มหินได้อย่างมั่นคง เพราะสองเท้าของเราที่ใช้เหยียบปุ่มหินไว้นั้นมีความมั่นคงกว่าสองมือที่จับอยู่ด้านบนค่ะ ขณะปีนให้เล็งปุ่มหินที่จับถนัด เหยียบสบาย จากนั้นใช้แรงส่งจากขาสปริงตัวขึ้นไปเรื่อย ๆ ค่ะ ยิ่งปีนขึ้นไปสูงเท่าไหร่ ขาก็ยิ่งสั่นพั่บ ๆ ไม่ได้กลัวความสูงนะคะ แต่เพราะเริ่มเหนื่อย หมดแรงข้าวเช้าที่ทานมา จริง ๆ หากปีน ๆ ขึ้นไปแล้วเหนื่อยเราก็แค่หยุดพักนิ่ง ๆ และหายใจเข้าออกลึก ๆ ยาว ๆ จากนั้นก็ตะเกียกตะกายกันต่อค่ะ แต่ถ้าใครอยากหยุดกลางคันก็สามารถจับสาย Harness เหยียดขาทั้ง 2 ข้างไปที่หน้าผา และถีบตัวออกมา Harness ก็จะพาเรากลับมาที่พื้นอย่างปลอดภัยค่ะ การปีนหน้าผาจำลองครั้งแรกของผู้เขียนจบลงด้วยอาการปวดแขน ปวดขา ปวดไปหมดทั้งตัวเลยค่ะ ส่วนหนึ่งเพราะเป็นคนไม่ค่อยออกกำลังกายอย่างที่เกริ่นไปในตอนแรก ร่างกายเลยไม่ค่อยจะมีแรง และไม่มีความยืดหยุ่นเท่าไหร่ แต่ความปวดนี้จะหายไป ก็ต่อเมื่อเราไปย้ำซ้ำเติมมันเท่านั้นค่ะ หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง และผู้เขียนคิดว่าการปีนหน้าผาจำลองเป็นกีฬาที่ทำให้เรามีสติอยู่กับตัวเอง ทำให้เราได้หยุดคิด ไตร่ตรอง ว่าเราควรจะไปทางไหนต่อ จะเลือกหินก้อนไหนดี ถึงจะไปได้ไม่ถึงยอด ไม่สามารถไปแตะขอบผาด้านบนได้ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่เราได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองแม้ชั่วขณะหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้ว ว่ามั๊ยคะ ... ภาพประกอบทั้งหมดในบทความนี้เป็นของผู้เขียน: Little Rabbit