จากประสบการณ์การเดินทางพาน้อง ๆ นักศึกษาจำนวนหนึ่งไปแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัย Universiti Kuala Lumpur - Malaysian Institute of Industrial Technology หรือเรียกย่อ ๆ ว่า UniKL MITEC ซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง Johor Bahru หรือที่เราเรียกว่า ยะโฮห์บาห์รู หรือโจโฮห์บะรูห์ ครับ มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นวิทยาเขตของมหาวิทยาลัย Universiti Kuala Lumpur ที่มีวิทยาเขตทั้งหมด 13 แห่งทั่วประเทศมาเลเซีย ความพิเศษของมหาวิทยาลัยแห่งนี้คือตั้งอยู่ห่างจากประเทศสิงคโปร์เพียงแค่ 15 นาที่เท่านั้น แค่ข้ามสะพานจากเมืองโจโฮห์บะรูห์ ไปประมาณ 1 กิโลเมตรเราก็ได้เที่ยวสิงคโปร์กันแล้วครับ มหาวิทยาลัย UniKL MITEC ได้ทำโครงการร่วมกับมหาวิทยาลัยที่ผู้เขียนทำงานอยู่ในโครงการ "Student Exchange Program" ที่มีการแลกเปลี่ยนนักศึกษาเพื่อไปเรียนรู้ภาษา วัฒนธรรมและการใช้ชีวิตในต่างประเทศเป็นเวลาหนึ่งเดือน โดยนักศึกษาต้องอยู่หอพักและใช้ชีวิตร่วมกับนักศึกษาที่เป็นชาวมาเลเซียตลอดระยะเวลาที่ร่วมโครงการเป็นเวลา 1 เดือน การใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของนักศึกษาไม่ว่าที่ไหนก็คงไม่แตกต่างกันมากนัก ทั้งนี้ผู้เขียนขอเสนอประเด็นหรือมุมมองจากประสบการณ์ของตนเองที่ได้ร่วมโครงการและกิจกรรมในมหาวิทยาลัยแห่งนี้นะครับ เรามาดูกันครับว่า 6 เรื่องที่เราอาจไม่รู้มาก่อนในรั้วมหาวิทยาลัยในมาเลเซียว่ามีอะไรบ้าง 1. ไม่มีนักศึกษาเพศที่สาม จากการใช้เวลาร่วมกิจกรรมกับนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ร่วมกับอาจารย์และนักศึกษาต่างชาติ ส่วนตัวก็ได้สอบถามอาจารย์ที่นั่นว่า ทำไมที่นี่ไม่มีนักศึกษาที่เป็นเพศที่สามเลย และได้รับคำตอบมาว่า มหาวิทยาลัยที่ผู้เขียนไปร่วมกิจกรรมด้วยเป็นนักศึกษาที่เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นอิสลามทั้งหมดจึงไม่มีนักศึกษาเพศที่สาม แต่ถ้าหากมีนักศึกษากลุ่มศึกษาอยู่นี้ก็จะไม่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างมากหรือไม่ได้เข้าศึกษาเลยเพราะขัดต่อความเชื่อและศาสนานั่นเองครับ ต้องเรียนว่าที่ประเทศมาเลเซียจะประกอบด้วยสามเชื้อชาติใหญ่ ๆ ด้วยกันคือชาวมาลายูที่เป็นมุสลิม ชาวมาเลเซียเชื้อสายจีนและชาวมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย ในบางครั้งการจัดการศึกษาก็จะแยกตามเชื้อสายครับ แต่ท่านอาจารย์ที่ผู้เขียนได้พูดคุยด้วยบอกว่าก็มีนักศึกษาที่เป็นเพศที่สามบ้างเหมือนกันแต่ไม่มีในมหาวิยาลัยหรือโรงเรียนที่เป็นมุสลิมครับ 2. เสิร์ฟน้ำหวานคู่กับมื้ออาหารหลัก การรับประทานอาหารในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ตลอดระยะเวลาการร่วมโครงการ สิ่งที่พบเห็นในอาหารแต่ละมื้อไม่ว่าจะเป็นอาหารเช้า กลางวัน และอาหารเย็น นั่นคือน้ำหวานครับ ส่วนตัวก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นน้ำหวานแทนที่จะเป็นน้ำเปล่า แต่ถ้าเราอยากดื่มน้ำเปล่าต้องซื้อเท่านั้นครับ 3. ไม่มีสุนัขในมหาวิทยาลัย ในประเทศไทยของเราคงพบเจอน้องสุนัขกันแทบทุกพื้นที่ในมหาวิทยาลัยเลยก็ว่าได้นะครับ แต่ในมหาวิทยาลัยที่เป็นชาวมุสลิมคุณจะไม่ต้องกังวลเลยว่าในขณะที่คุณวิ่งออกกำกายแล้วต้องโดนไล่ขับ หรือเหยียบมูลสุนัขครับ เพราะที่นี่ไม่มีร้อยเปอร์เซ็นต์ ด้วยความสงสัยเลยต้องถามครับและได้รับคำตอบมาว่า จริง ๆ แล้วอิสลามไม่ได้สอนให้มุสลิมเกลียดชังสุนัขเพียงแต่การทำความสะอาดอันเนื่องจากน้ำลายของสุนัขนั้นจะเกิดความยากลำบากครับเพราะต้องนำมาล้างน้ำถึง 7 น้ำเลยทีเดียวและคนส่วนใหญ่มักจะปฎิบัติตามมัสฮับ อัล ชาฟีอี ครับ เพราะหากไปสัมผัสกับน้ำลายของสุนัขก็อาจเกิดโรคต่าง ๆ ที่ถึงอันตรายต่อชีวิตได้นั่นเองครับ 4. ฟิตเนสแยกห้องชายหญิง ต้องบอกว่าเป็นอีกเรื่องที่นักศึกษาที่เราพาไปเข้าร่วมโครงการต้องรีบก้าวออกจากฟิตเนสในทันทีเพราะในบ้านเราสามารถออกกำลังกายรวมกันได้ แต่สำหรับในมหาวิทยาลัยที่เป็นชาวมุสลิมจะต้องแยกห้องครับเพราะเกรงว่าในขณะที่ออกกำลังกายอาจจะมีบางครั้งที่ทั้งผู้ชายและผู้หญิงไม่ได้ระมัดระวังตัวทำให้เกิดภาพที่ไม่พึงประสงค์ได้ 5. กิจกรรมแข่งขันประกวดร้องเพลง The Voice อันนี้เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้เขียนร้องว้าวเลยครับเพราะส่วนตัวผู้เขียนเองมีโอกาสได้เดินทางมาทั้งอบรม สัมมนาในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในมาเลเซียอยู่หลายครั้งก็ไม่เคยได้ยินว่ามีกิจกรรมแบบนี้ในหมู่นักศึกษาที่เป็นชาวมุสลิมครับ เพราะผู้เขียนเองจินตนาการว่านักศึกษาที่นี่ต้องเข้าละหมาดเท่านั้นครับ ในทางกลับกันนักศึกษาชาวมุสลิมที่นี่ร้องเพลงเพราะมาก ๆ ครับพลังเสียงเหมือนนักร้องมืออาชีพเลยทีเดียว มีการใช้เพลงภาษาอังกฤษเข้ามาร้องประกวด บ้างก็เล่นกีตาร์ บ้างก็เล่นไวโอลิน บ้างก็คาราโอเกะครับ และตลอดรายการใช้ภาษาอังกฤษทั้งหมดโดยมีนักศึกษาเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งสิ้น ถือว่าเป็นชาวมุสลิมในศตวรรษที่ 21 อย่างเต็มตัวเลยทีเดียวครับ 6. Holi Festival หรือ Colour Fun Bollywood Holi festival หากเปรียบเทียบกับบ้านเราคงคล้าย ๆ กับเทศกาลสงกรานต์นั่นเองครับที่บ้านเราสาดน้ำใส่กัน แต่ที่บ้านเขาสาดสีครับ ที่ประหลาดใจคือมีกิจกรรมนี้ในมหาวิทยาลัยที่เป็นชาวมุสลิมครับ เพราะที่ทราบมาคือเทศกาลนี้เป็นกิจกรรมความเชื่อของชาวฮินดูครับเพราะเขาเชื่อว่าการสาดสีจะช่วยปัดเป่าสิ่งร้ายออกไปจากชีวิต ซึ่ง “โฮลี” หมายถึง “การส่งท้ายปีเก่า” โดยจะเล่นกันเฉพาะช่วงเช้าจนถึงเที่ยงวันเท่านั้น แต่เนื่องด้วยมาเลเซียเป็นประเทศที่มีความเชื่อและผู้คนหลากหลาย เลยส่งผลให้กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ทำให้นักศึกษาได้ผ่อนคลายและได้รู้จักกันมากขึ้นครับ จากที่กล่าวมาทั้งหกเรื่องประเด็นตามมุมมองของผู้เขียน เชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านจะได้รับความรู้และความบันเทิงในอีกมุมหนึ่งของสังคมโลกนะครับ ทั้งนี้การที่เรานั้นเปิดโลกทัศน์ใหม่ ๆ เราจะพบว่ามีอะไรตั้งมากมายที่เราไม่รู้มาก่อน เพียงแค่เราอย่าปิดตัวเองที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ โลกอีกกว้างไกลที่มีสิ่งให้เราเรียนรู้อีกมากมายกำลังรอเราอยู่ครับภาพถ่ายประกอบบทความทั้งหมดโดย Ideanusit