คิดว่าหลาย ๆ ท่านคงสงสัย ในคำว่า “วัสดุศาสตร์” ความหมายว่าอย่างไร ? และมันเกี่ยวข้องอะไรกับ สาขาการเรียนในปัจจุบัน วันนี้ผู้เขียนจะขออาสามาไข้ข้อข้องใจให้แก่ทุกท่านค่ะPhoto by : Pixabayคำว่า วัสดุศาสตร์ มาจากคำว่า Materials Science ในภาษาอังกฤษ ศาสตร์ชนิดนี้เป็นการเจาะลึกศึกษาวัสดุตั้งแต่โครงสร้างอะตอม เพื่อพัฒนาให้วัสดุเหล่านั้นมีคุณสมบัติตามที่กำหนด ขอลองยกตัวอย่างนะคะ เช่น การศึกษาโต๊ะเขียนหนังสือที่ทำจากเหล็กให้มีความแข็งแรง หน้าที่ของนักวัสดุศาสตร์ก็คือ วิเคราะห์โต๊ะเหล็กไปถึงในระดับอะตอมเพื่อหาวิธีการปรับปรุงให้โต๊ะมีความแข็งแรง ใช้งานได้นาน นี่คืองานที่เหล่านักวัสดุศาสตร์ต้องทำ ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับศาสตร์นี้จึงต้องเรียนเกี่ยวกับ คณิตศาสตร์ เคมี ฟิสิกส์ และวิศวกรรมศาสตร์ โดยเมื่อเรียนจบแล้ว สามารถทำงานได้ทั้ง การรับราชการ เป็นนักวิจัย และทำงานในตำแหน่งงานต่าง ๆ ในโรงงานอุตสาหกรรมPhoto by : Pexelsโดยปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยแห่งที่เปิดสอนหลักสูตร วัสดุศาสตร์ ให้แก่นักศึกษาที่สนใจ ยกตัวอย่างเช่น1. คณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาวัสดุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย2. คณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาฟิสิกส์ และวัสดุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่3. คณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาวัสดุศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้4. คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมวัสดุ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี5. คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องมือ และวัสดุ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีความแปลกของสาขาวัสดุศาสตร์คือ สามารถเป็นได้ทั้งวิทยาศาสตร์บัณฑิต และวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต ขึ้นอยู่กับหลักสูตรของแต่ละสถาบันแต่ถึงอย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงหลักสูตรวัสดุศาสตร์ ในความคิดของผู้เขียนมีความเป็นไปได้ทั้งในด้านวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ อย่างละ 50/50 แต่เราจะอยู่กึ่งกลางระหว่างสองศาสตร์ก็ไม่ได้ เพราะใบประกอบวิชาชีพจะมีได้แค่ชื่อเดียวเท่านั้นว่าจะเป็น วท.บ. หรือ วศ.บ. ดังนั้นหากเลือกได้ ผู้เขียนอยากเปลี่ยนให้ระบบวัสดุศาสตร์ ของคณะวิทยาศาสตร์ เป็นหนึ่งในศาสตร์การเรียนรู้ของ คณะวิศวกรรมศาสตร์มากกว่า และนี่คือสาเหตุว่าทำไม วัสดุศาสตร์ คู่ควรที่จะนำไปบรรจุเป็นหนึ่งในหลักสูตรของวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต (บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว)1. การเรียนการสอนของสาขาวัสดุศาสตร์-วิทยาศาสตร์ ต้องเรียนเนื้อหาเดียวกัน และตัดเกรดร่วมกับ สาขาวัสดุศาสตร์-วิศวกรรมศาสตร์ หมายความว่า สิ่งที่เหล่าชาววิทยาศาสตร์ต้องเรียนคือ แคลคูลัส 1-2 (Principles of Calculus 1-2), สมการเชิงอนุพันธ์ (Differential equation) และ หลักสถิติ (Principles of Statistics)Photo by : Unsplash2. สาขาวัสดุศาสตร์-วิทยาศาสตร์ นอกจากจะเรียนรู้เกี่ยวกับ เคมี คณิต ฟิสิกส์ ยังต้องเรียนรู้ศาสตร์ต่าง ๆ ของวิศวกรรมศาสตร์เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาคุณสมบัติของวัสดุ เช่น สมบัติเชิงกล (Mechanical), สมบัติไฟฟ้า และแม่เหล็ก (Electrical and Magnetic), อุณหพลศาสตร์ (Thermodynamic), วัฏภาคสมดุล และการเปลี่ยนแปลงวัฏภาค (Phase Equilibrium and Phase Transformation) รวมไปถึง จลนศาสตร์ (Kinetics) เป็นต้นPhoto by : Unsplash3. มีการทดลองทั้งทางห้องปฎิบัติการทางวิทยาศาสตร์ และการลงมือทำในห้องปฏิบัติการแบบวิศวกรรมศาสตร์ เช่น การขึ้นรูปโลหะ การขึ้นรูปเซรามิกส์ การขึ้นรูปโพลิเมอร์ และการขึ้นรูปวัสดุผสมPhoto by : Unsplash4. ในประเทศสหรัฐอเมริกาเรียกสาขาวัสดุศาสตร์ว่า Materials Science and Engineering หากผู้เขียนบอกไปว่าสำเร็จการศึกษาจาก คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวัสดุศาสตร์ จะไม่มีใครที่เข้าใจเลย แต่เมื่อพูดว่า จบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวัสดุศาสตร์ ทุกคนจะเข้าใจในทันที นั่นหมายความว่า ในประเทศที่เจริญแล้ว ได้เปลี่ยนหลักสูตร วิทยาศาสตร์-วัสดุศาสตร์ ให้เป็นหนึ่งในสาขาของวิศวกรรมศาสตร์แล้วนั่นเองPhoto by : Unsplashหากเด็ก ๆ คนไหนสนใจในศาสตร์แขนงนี้ แนะนำว่าควรศึกษาหลักสูตรของแต่ละสถาบันให้ดี หาโอกาสเข้าค่ายกับสถาบันที่ถูกใจ ทำการบ้านว่าแท้ที่จริงแล้ว ตนเองต้องการจบออกมาเป็น นักวิทยาศาสตร์ หรือ นักวิศวกรรมศาสตร์ แล้วจงเดินทางตามความฝันของตนเอง ผู้เขียนขอเป็นกำลังใจให้น้อง ๆ ทุกคนนะคะ 💖Cover photo by : Pexels