รีวิวคอนเสิร์ต BTS World Tour : Love Yourself in BKK Day 1 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ก่อนที่จะทำการรีวิวคอนเสิร์ตเราขอแนะนำศิลปินวง BTS หรือ 방탄소년단 (บังทันโซนยอนดัน) ในฉบับสั้น ๆ สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักและได้กดเข้ามาอ่านบทความนี้เสียก่อน วง BTS หรือบังทันโซนยอนดันเป็นศิลปินบอยแบนด์สัญชาติเกาหลีใต้ เดบิวต์เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ. 2013 ภายใต้สังกัดค่ายเพลง Big Hit Entertainment ประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมด 7 คน คือ RM (อาร์เอ็ม) , Jin (จิน) , Suga (ชูก้า) , J-hope (เจ-โฮป) , Jimin (จีมิน) , V (วี) และ Jungkook (จองกุก) ซึ่งมีอาร์เอ็มเป็นตำแหน่งลีดเดอร์ และอยู่ในแรปไลน์ โดยมีเจ-โฮป และชูก้าอยู่ในแรปไลน์เช่นกัน ส่วนตำแหน่งโวคอลไลน์ ได้แก่ จิน จีมิน วี และจองกุก สมาชิกที่มีความโดดเด่นด่านการเต้น ได้แก่ เจ-โฮป และจีมิน ตอนนี้ทุกคนได้ทราบข้อมูลสั้น ๆ ของ BTS กันแล้ว เราจะพาทุกคนมาสัมผัสคอนเสิร์ตผ่านบทความรีวิวของเรากัน หลังจากนี้เราขอใช้คำว่าบังทัน แทนชื่อเต็มของศิลปินวงบังทันโซนยอนดัน และใช้คำว่า อาร์มี่ ซึ่งเป็นชื่อแฟนคลับของวงสำหรับเขียนบทความรีวิวเพื่อความสะดวกของผู้เขียนเอง เมื่อวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 2019 เป็นวันจัดคอนเสิร์ต World Tour ของบังทันในอัลบั้ม Love Yourself สถานที่จัดการแสดงคือ สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน เรียกได้ว่าเป็นคอนเสิร์ตที่สเกลใหญ่มาก ๆ จำนวนคนที่เข้าชมคอนเสิร์ตราว ๆ กว่า 40000 คนต่อวัน ซึ่งบัตรเข้าชมการแสดง Sold out ทั้ง 2 วัน เราไปถึงสนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อเวลาประมาณเที่ยงเรียกได้ว่าอากาศร้อนสุด ๆ และรถติดมากด้วย การแสดงเริ่มขึ้นเวลา 19.00 น. เราเลยมีเวลาได้ซื้ออาหารทานแก้เบื่อ เมื่อถึงเวลาประตูเปิดให้เข้าไปนั่งบนอัฒจรรย์ ตอนนั้นเราเพลียมากเพราะคนเยอะมาก ๆ อีกทั้งเราได้บัตรดอย ดอยในที่นี้คือความสูงของที่นั่งที่ห่างจากเวทีซึ่งมีระยะทางค่อนข้างไกลมาก แฟนคลับศิลปินเกาหลีคงรู้จักคำนี้เป็นอย่างดี ส่วนตำแหน่งที่นั่งของเราคือ ชั้น 3 โซน E3L แถว LK เลขที่นั่ง 08 เราไม่แนะนำโซนบัตรดอยสำหรับคนที่กลัวความสูง แต่การได้ที่นั่งบัตรดอยสำหรับเราไม่ได้แย่เสมอไปแม้จะไม่ได้เห็นศิลปินแบบชัด ๆ แต่ส่วนตัวเรารู้สึกคุ้มมากกับการที่ได้ที่นั่งนี้ ต่อจากนี้เราจะพาทุกคนมาอ่านรีวิวแบบจริง ๆ กันค่ะ ทั้งนี้เราขอชี้แจงล่วงหน้าก่อนว่าไม่มีการถ่ายรูประหว่างชมการแสดงเนื่องจากเป็นกฎในการเข้าชม และถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ การรีวิวนี้จึงไม่มีภาพระหว่างการแสดงค่ะ ไม่นานเกินรอหลังจากชม VTR บังทันบวกกับฟังเพลงรอระหว่างคอนเสิร์ตเริ่ม บังทันเปิดตัวบนเวทีด้วยเพลงติดหูอย่าง Idol แสงสีจัดเต็มพร้อมกับ Fanchant ของเหล่าอาร์มี่ที่เรียกชื่อสมาชิกในวงทั้ง 7 คน ตามมาด้วยการแนะนำตัวของสมาชิกมีการพูดภาษาไทยน่ารักเล็ก ๆ น้อย ๆ เรียกได้ว่าได้ใจอาร์มี่ไปเลย ในส่วนช่วง Fantalk สมาชิกที่เรียกเสียงหัวเราะเพราะความน่าเอ็นดูในความพยายามของเขาในการพูดภาษาไทยมากสุด ๆ คนหนึ่งคือ วี ที่พูดประโยคยาว ๆ อย่าง “คิดถึงแฟนคลับชาวไทยมากจนอยากขี่ก้อนเมฆมาหาเลยครับ” แต่พูดไม่ชัดเท่าไรพี่ล่ามเลยช่วยพูดแก้ให้ใหม่ เรียกได้ว่าน่ารักจริง ๆ ส่วนอาร์เอ็มได้พูดถึงความประทับใจตอนที่มาแสดงที่ประเทศไทยครั้งแรกเมื่อ 6 ปีที่แล้วประมาณว่า ตอนนั้นไม่คิดว่าจะมาต้อนรับเยอะกันขนาดนี้ วงไม่ได้มีชื่อเสียงมากมายแต่แฟนคลับชาวไทยต้อนรับพวกเขาเยอะมาก พวกเขาดีใจ และตกใจมาก ๆ ความรู้สึกตอนนั้นเราซึ้งมาก ๆ กับคำพูดอาร์เอ็ม ส่วนพี่จินแอบจดโพยภาษาไทยไว้ในมือน่ารักไม่แพ้กันเลยค่ะ ในส่วนการแสดงเพลงของวงนั้น เราชอบการแรปของเจ-โฮป มาก ๆ บวกกับการเล่นกล้องเรียกได้ว่าเอาใจเราไปเลย ส่วนตัวเราชอบที่เจ-โฮปมีเสน่ห์อยู่ที่รอยยิ้ม คอนเสิร์ตนี้คืออิ่มเอมใจมาก เพราะเขายิ้มตลอดเลย ในสเตจ I’m fine ช่วงเจ-โฮปมองกล้องดูดีและมีเสน่ห์สุด ๆ ส่วนคนที่เท่ และปนความน่ารักคงจะเป็นใครไม่ได้นอกจากชูก้านั่นเอง เพลงที่ทำให้เราเกือบเสียน้ำตาคือเพลง The truth untold เป็นเพลงที่มีแรงบันดาลใจในการแต่งเนื้อเพลงมาจากเรื่องเล่าของประเทศอิตาลี เรื่องดอกไม้ Smeraldo อาร์มี่หรือใครคนไหนที่สนใจสามารถลองเสิร์ชหาอ่านได้เป็นเรื่องเล่าที่กินใจไม่น้อยเลยทีเดียว ในส่วนของเพลงโซโล่ของสมาชิก เราชอบทุกสเตจจริง ๆ แต่คนที่ทำให้เราอึ้งในพลังเสียงคือพี่จิน พี่ใหญ่ของวงนั่นเองมากับบทเพลง Epiphany ร้องดีมากเสียงเหมือนกินแผ่นซีดีจริง ๆ ส่วนจีมินที่มากับบทเพลง Serendipity ไลน์การเต้นสวยมาก สเตจแสงสีสวยเลยทีเดียว มีการพ่นฟองสบู่บนสเตจเหมาะกับบรรยากาศวันนั้นมาก ส่วนอีกเพลงโซโล่ที่ทำให้เราประทับใจมาก คือเพลง Love ของอาร์เอ็ม ซึ่งใน VTR บนเวทีมีคำว่ารักที่มาจากหลาย ๆ ภาษารวมทั้งภาษาไทยด้วย ในส่วนของการแสดงทางสีหน้า หรือ Facial expression ที่ยอดเยี่ยมคงเป็นใครไม่ได้นอกจากวี ที่มากับบทเพลงโซโล่ Singularity ในส่วนเพลงโซโล่อื่น ๆ ของสมาชิกอย่างจองกุก ชูก้า และเจโฮป ได้แก่ Euphoria , Seesaw และ Just dance ตามลำดับก็ตราตรึงใจเราเช่นกัน ส่วนตัวบังทันเองได้จัดของขวัญให้แฟน ๆ ชาวไทยอย่างการทำโปรเจคแปรสีอาร์มี่บอมบ์หรือแท่งไฟประจำวงให้เป็นคำว่า Phom rak khun หรือผมรักคุณในภาษาไทยนั่นเอง อาร์มี่เองก็มีโปรเจคมอบให้บังทันเช่นกันอย่างสโลแกนภาษาเกาหลี "우리라서 다행이다 함께여서 다행이다" แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า "โล่งอกจังที่เป็นพวกเรา โล่งใจจังที่อยู่ด้วยกัน" หลังจากผ่านไปหลายสเตจอย่าง Magic shop เพลงที่สื่อถึงความผูกพันของอาร์มี่กับบังทันได้เป็นอย่างดีอย่างท่อนที่มีการร้องตอบกัน So show me, I’ll show you เล่นเอาเราแอบน้ำตาคลอ ส่วนสเตจ Anpanman ที่ขอบอกเลยว่าเป็นสเตจที่สีอาร์มี่บอมบ์สวยมาก ๆ เป็นสีรุ้งทั้งหมด และสเตจที่โชว์ภาพลักษณ์ความแข็งแกร่งคงไม่พ้น Mic drop ที่เรียกเสียงกรี๊ดจากอาร์มี่ได้เยอะมาก เวลาผ่านไปในที่สุดก็มาถึงสตจสุดท้ายอย่างเพลง Answer : Love myself ที่มีความหมายลึกซึ้งอย่างการรักตัวเองสอดคล้องกับอัลบั้มชุดนี้ที่บังทันได้ทำออกมา เพื่อนอาร์มี่ที่นั่งข้าง ๆ รวมทั้งเราเองก็เกือบเสียน้ำตา บางคนก็ร้องไห้ออกมาเพราะเป็นเพลงสุดท้ายที่ต้องร่ำลาจากบังทันกันแล้ว หลังจากคอนเสิร์ตจบต่างคนต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ก่อนที่จะสิ้นสุดบทความนี้เราอยากให้ทุกคนไม่เฉพาะแต่อาร์มี่เท่านั้นรู้จักการรักตัวเองให้มากมีพลังในการขับเคลื่อนชีวิตที่ดีต่อไป และขอขอบคุณศิลปินบังทันโซนยอนดันที่ทำให้ผู้เขียนได้รู้จักการรักตัวเอง และเป็นแรงบันดาลใจผ่านบทเพลงรวมทั้งเป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้ชีวิต ภาพทั้งหมดโดย nofilter (ผู้เขียน)