อื่นๆ

รีวิว: ประสบการณ์เรียนรามภาคพิเศษ ที่น้อยคนนักจะรู้จัก

26.0k
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
รีวิว: ประสบการณ์เรียนรามภาคพิเศษ ที่น้อยคนนักจะรู้จัก

สวัสดีค่ะ ชาว True ID In-trend ทุกท่านวันนี้ XiaoJay อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยได้รับการศึกษาที่มหาลัยรามคำแหง ภายใต้โครงการภาคพิเศษ คณะมนุษย์ศาสตร์หรือรู้จักกันในนาม ‘ภาคค่ำ’ อยากจะมาบอกถึงข้อดี-ข้อเสียในการเรียน และมาไขข้อข้องใจที่หลาย ๆ ท่านอาจจะอยากรู้เกี่ยวกับการเรียนภาคค่ำของราม โดยตัว XiaoJay นั้นจะใช้ข้อมูลที่อ้างอิงตาม ข้อมูลของคณะมนุษย์ศาสตร์นะคะ เนื่องจากกฎเกณฑ์การศึกษาภาคพิเศษและค่าเทอมของแต่ละคณะนั้นจะมีความแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขของแต่ละคณะ

ม.ราม

ชื่อเต็มของโครงการคือ โครงการหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต ภาคพิเศษ คณะมนุษย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง (ปริญญาตรี) ชื่อยาวมากเลยใช่ไหมคะ ดังนั้นเด็กนักศึกษาจึงเรียกกันสั้น ๆ ว่า ”มนุษย์ภาคพิเศษ” ปกติจะเปิดรับนักศึกษา ใหม่ในช่วงเดือน พฤษภาคม-กรกฏาคม แต่ในช่วงนี้เกิดเหตุการณ์โรคระบาดทางมหาลัยเลยยังไม่ประกาศรับสมัครค่ะ

Advertisement

Advertisement

มาต่อกันที่ค่าเทอมเลยนะคะ ค่าเทอมของโครงการภาคพิเศษคณะมนุษย์ศาสตร์

  • จะอยู่ที่หน่วยกิตละ 800 บาท
  • มีค่าธรรมเนียมการเรียน 2500 บาทต่อเทอม
  • ค่าธรรมเนียมสอบ 1250 บาทต่อเทอม
  • และในเทอมแรกเข้าจะมีค่าธรรมเนียมแรกเข้าอยู่ที่ 500 บาท
  • และค่าบัตรนักศึกษาอีก 100 บาท

โดยค่าเทอมทั้งหมดจะรวมประกันอุบัติเหตุไว้ให้แล้วนะคะ สถานที่เรียนคือที่ตึกคณะมนุษย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง ทางโครงการจะจัดการเรียนการสอน วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17:00 น.-21:00น. (มีเช็คชื่อหน้าห้องก่อนเข้าเรียนทุกครั้ง) หน่วยกิตสะสมตลอดทั้งหลักสูตรทั้งหมด 139 หน่วยกิต

บรรยากาศห้องเรียน

หน่วยกิตที่อนุญาตให้ลงทะเบียนต่อเทอม: เทอมใหญ่ 22 หน่วยกิต/เทอม Summer 9 หน่วยกิต

การแบ่งเทอม: แบ่งเป็น 3 เทอมเหมือนภาคปกติที่เรียนตอนกลางวัน แต่ใน 1 เทอมใหญ่โครงการจะแบ่งการเรียนการสอนเป็น 2 ช่วงต่อ 1 เทอม เรียนช่วงที่ 1 เสร็จแล้วก็สอบไฟนอล จากนั้นก็เริ่มเรียนช่วงที่ 2 ต่อ ฉะนั้นใน 1 เทอมเราจะต้องสอบถึง 2 ครั้งเลย

Advertisement

Advertisement

ตัวอย่างใบเสร็จการลงทะเบียนเรียน

การแต่งกายในห้องเรียน: สวมชุดอะไรก็ได้ ขอแค่สุภาพและไม่โป๊เปลือย

การแต่งกายในการเข้าสอบ:การแต่งกายในการเข้าสอบ

ข้อดีของการเรียนภาคพิเศษ:

  1. การเรียนการสอนเป็นระบบปิดเหมือนมหาลัยทั่วไป บังคับเข้าเรียน (ขาดเรียนเกิน 3 ครั้งหมดสิทธิ์สอบ) มันจูงใจให้อยากเข้าเรียนและเหมาะสำหรับคนที่ชอบให้มีคนคอยควบคุม อย่าง XiaoJay เพราะถ้าให้เรียนเองก็คงผลัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย ๆ
  2. วัยทำงานก็มานั่งเรียนได้ สามารถทำงานตอนเช้าแล้วมาเข้าเรียนตอนเย็นได้ทุกวัน
  3. มีการเช็คชื่อเข้าห้องเรียนทุกครั้ง มันช่วยกระตุ้นความขยันได้
  4. ได้พบปะอาจารย์และเพื่อนใหม่ทำให้เรามีคอนเนคชั่นใหม่ ๆ
  5. สอบไฟนอล 2 ครั้งต่อ 1 เทอมโดยแบ่งวิชาที่จะสอบเฉลี่ยได้เท่า ๆ กัน เช่น 1 เทอมเราลงทะเบียนไป 7 วิชา เราสอบช่วงที่ 1 ไป 4 วิชาพอสอบเสร็จก็มาเรียนช่วงที่ 2 ต่ออีก 3 วิชาพอเรียนเสร็จก็สอบไฟนอลอีกครั้ง ทำให้ในหนึ่งเทอมตอนสอบไม่รู้สึกหนักมากเท่าไหร่ (ถ้าเทียบกับสอบพร้อมกันทั้ง 7 วิชา)
  6. สามารถเรียนปริญญาพร้อมกัน 2 ใบควบกับมหาลัยอื่นได้หรือสามารถเรียนควบกับคณะอื่นได้ (ต้องเป็นคณะอื่นที่ไม่ซ้ำกับคณะที่เรียนอยู่เท่านั้น)
  7. ได้เรียนกับอาจารย์ที่มีความสามารถ ส่วนมากจบจากต่างประเทศและมีดีกรีด็อกเตอร์รับประกันความเจ๋งอีกด้วยค่ะ

Advertisement

Advertisement

ข้อเสียของภาคพิเศษ:

  1. ช่วงเวลาที่เดินทางไปเรียนถนนแถวรามคำแหงรถติดมาก ๆ ถ้าที่ทำงานหรือบ้านอยู่ไกลมหาลัยรับรองว่าเข้าเรียนสายแน่ ๆ ต้องเผื่อเวลาในการเดินทางเยอะ
  2. เลิกเรียนดึกหากต้องเดินทางกลับคนเดียวค่อนข้างอันตรายค่ะ
  3. ใน 1 เทอมมีเวลาเรียนน้อยมาก คือเรียน 7 ครั้ง ครั้งละ 3-4 ชั่วโมง แล้วสอบไฟนอลเลย ไม่เหมาะสำหรับคนที่หัวช้าค่ะเพราะจะตามไม่ทัน
  4. วันสอบติดกันทำให้เตรียมตัวไม่ทันได้ วันสอบจะไม่มีการเว้นวันหรือเลือกวันสอบได้อย่างภาคปกติ เลยทำให้ช่วงก่อนสอบนั้นต้องจัดเวลาดี ๆ ในการอ่านหนังสือ

อ่านหนังสือความเห็นของผู้เขียน: รู้สึกดีตรงที่เค้าเปิดโอกาสให้คนวัยทำงานได้มานั่งเรียน ถือว่าทางมหาลัยให้โอกาสคนทุกเพศทุกวัยจริง ๆ ค่ะ ตัว XiaoJay นั้นเคยลงเรียนทั้งของภาคปกติและภาคพิเศษส่วนตัวรู้สึกว่าค่อนข้างโอเคกับภาคพิเศษมากกว่าค่ะ เพราะ XiaoJay เช้าต้องไปทำงานและช่วงเย็นมีเวลาว่างไปเรียนมันสะดวกกว่าการดูบรรยายย้อนหลังแล้วอ่านหนังสือไปสอบเอง

อาจารย์ภาคพิเศษเคร่งครัดมากกว่าภาคปกติมาก เราคิดว่าเหมาะกับคนหัวไวค่ะเพราะการเรียนการสอนไปเร็วมาก คนที่เข้าใจช้าอาจจะลำบากหน่อย แต่อาจารย์ทุกท่านใจดีนะคะถามได้ไม่วีนไม่เหวี่ยง และที่ XiaoJay รู้สึกชอบที่สุดในการเรียนภาคพิเศษนี้เห็นจะเป็นแต่ละคลาสเรียนคนไม่เยอะค่ะ (ชั้นปีสูง ๆ ขึ้นไปนะคะช่วงชั้นปีแรก ๆ นักศึกษาจะเยอะเรียนรวมกันที่ห้องใหญ่)

อาจารย์สามารถดูแลได้ทั่วถึงดีค่ะ บรรยากาศในการเรียนเหมือนการพูดคุยแลกเปลี่ยนและการทำกิจกรรมร่วมกันมากกว่าการเรียนค่ะ อบอุ่นดี ส่วนตัวเราคิดว่านั่งเรียนกับอาจารย์เข้าใจง่ายกว่าการอ่านหนังสือเองแล้วมาสอบเหมือนที่นักศึกษาภาคปกติส่วนใหญ่ทำเพราะถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ยกมือถามได้เลย

คำถามที่พบบ่อย1.จ่ายครบจบแน่จริงไหม?

ขอตอบเลยว่าไม่จริงค่ะ ต่อให้คุณจ่ายครบ จ่ายมาก จ่ายน้อย ถ้าสอบไม่ผ่านก็ไม่มีทางจบค่ะ ก็ต้องเสียเงินลงทะเรียนเรียนใหม่ไปจนกว่าคุณจะผ่านวิชานั้น เรามีรุ่นพี่คนนึงรหัสสูงกว่าเราไป 5 ปี เราเห็นเขาเรียนเกือบ 8 ปี ถึงจะเก็บหน่วยกิตจนครบ

2. มีคะแนนเก็บไหม?

มีแค่บางวิชาค่ะ ส่วนมากจะเป็นพวกวิชาพื้นฐานที่จะมีคะแนนเข้าห้องให้บ้าง คะแนนทำกิจกรรมให้บ้าง 10-20 คะแนน ส่วนพวกวิชาเอกรหัสสูง ๆ ไม่เคยได้รู้จักเลยค่ะว่าคะแนนเก็บมันหน้าตาเป็นยังไง ส่วนมากจะสอบไฟนอล 100 คะแนนค่ะ

3. เรียนยากและข้อสอบยากไหม?

เป็นบางวิชาค่ะ พวกวิชาพื้นฐานง่าย ๆ อ่านเองก็พอเข้าใจ ส่วนพวกวิชา Major และ Minor ก็จะมีวิชาหินประจำสายรหัสของเขาอยู่ ข้อสอบยากแน่นอนค่ะขึ้นชื่อว่า ม.ราม แล้วยังภาคพิเศษอีกต่างหาก อาจารย์จะเคร่งครัดกับข้อสอบของภาคพิเศษมากค่ะเรียกง่าย ๆ คือไม่มีหยวนให้นักศึกษาเลย

4.ได้เรียนกับอาจารย์ฝรั่งไหม?

ได้เรียนค่ะอาจารย์ต่างประเทศสอนที่คณะมนุษย์เยอะมากค่ะ เพราะมีหลายวิชาเอกด้านภาษาให้เลือกเรียนเยอะ อาทิ รัสเซีย กรีก เยอรมัน ฝรั่งเศษ เกาหลี มาลายู สันกฤต คือเยอะมากจริง ๆ ค่ะ

5.มีทุนการศึกษาไหม?

สำหรับของภาคพิเศษไม่มีค่ะ แต่ภาคปกติเห็นมีมาบ่อย ๆ นะคะ

มหาลัยรามคำแหงหากท่านใดอ่านบทความจบแล้วสนใจอยากจะเรียนที่ราม สามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Website นี้ได้เลย ขอบคุณที่เข้ามาอ่านบทความของ XiaoJay จนจบนะคะ หากใครกำลังมองหาที่ศึกษาต่ออยู่หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจไม่มากก็น้อยนะคะ ขอบพระคุณค่ะ

ภาพปกโดย XiaoJay, ขอบคุณภาพประกอบภาพที่1, ภาพที่ 2 และ 5 , ภาพที่ 3,4 และ 6 โดย XiaoJay, ภาพที่7

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์