ในช่วงของสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 แบบนี้ กับการใช้ชีวิตของพนักงานออฟฟิศ ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าจะไม่มีใครที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แบบนี้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วได้รับผลกระทบทางด้านรายได้ เพราะเนื่องจากในบางบริษัทใหญ่หรือบริษัทเล็กต่างมีมาตรการลดค่าจ้างพนักงานเพื่อให้บริษัทดำรงอยู่ต่อไปได้ และนอกจากนั้นยังรวมไปถึงเหล่าพ่อค้าแม่ค้าที่ขายทั้งของกินและของใช้ ก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างกันเพราะเนื่องจากในสถานการณ์แบบนี้ทำให้พนักงานออฟฟิศส่วนใหญ่ต่างใช้ชีวิตในบ้านมากกว่า ทั้งนี้ก็เพราะว่าการออกมาข้างนอกทำให้มีความเสี่ยงมากที่จะทำให้ติดไวรัสโควิด-19 ได้มากกว่าการอยู่ในที่อยู่อาศัยของตนเอง และอาจมาจากการที่ได้รับรายได้ที่น้อยลงจึงทำให้ผู้คนเลือกที่จะประหยัดในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ซึ่งทุกคนก็มีวิธีที่ลดรายจ่ายต่างกันออกไป เช่น บางคนที่มีบ้านอยู่ที่ต่างจังหวัด ก็สามารถไปทำงานที่บ้านของตัวเองต่างจังหวัดได้ เพราะราคาค่าของชีพของต่างจังหวัดส่วนใหญ่แล้วมีราคาที่น้อยกว่าการที่อยู่ในเมือง ซึ่งในกรณีก็จะเหมาะกับเพียงแค่คนที่สามารถ work from home ได้ เท่านั้น เป็นต้น แล้วแบบนี้สำหรับคนที่เป็นพนักงานออฟฟิศที่อยู่ในเมืองกรุงอย่างเช่น ย่านที่มีพนักงานออฟฟิศอยู่เป็นจำนวนมากอย่างอโศกหละ เขาควรใช้ชีวิตอยู่อย่างไรกันให้สามารถใช้เงินในการซึ้ออาหารเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของตัวเองพร้อมไปกับการมีเงินเหลือเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็นหรือใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ เมื่อมองเห็นมุมของปัญหาเหล่านี้ผมจึงอยากลงไปสำรวจว่ามีสถานที่ไหนในย่านอโศกที่มีของกินหรือของใช้ที่ราคาไม่แพง ซึ่งบทความนี้อาจเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับพนักงานออฟฟิศที่เพิ่งจบใหม่ที่กำลังจะมาอยู่ในย่านนี้หรือพนักงานออฟฟิศที่อยู่ในย่านนี้มานานแล้ว ย่านอโศก คือย่านที่อยู่ใจกลางเมืองกรุง ซึ่งเป็นหนึ่งในย่านที่มีการคมนาคมที่ดีมากๆ เพราะมีเนื่องจากการเดินทางมาที่ย่านแห่งนี้ได้โดยการโดยสารโดย BTS,MRT และรถเมล์ และนอกจากนั้นยังมีสี่แยกที่สามารถเชื่อมไปยังย่าน สำคัญ ๆ ต่างๆในกรุงเทพ ไม่ว่าจะเป็นสุขุมวิท-สีลม-สาทร และ พระราม9 และที่สำคัญอโศก ยังเป็นจุดแลนด์มาร์กที่มีตัวหนังสือที่เขียนเป็นประโยคที่ฮิตติดหูมาก ๆ ของคนในเมืองกรุงและโซเชียล นั้นก็คือกรุงเทพชีวิตดี ๆ ที่ลงตัว..... ซึ่งนอกจากย่านอโศกจะเป็นย่านที่มีการคมนาคมที่ดีแล้วเนี่ย ย่านอโศกยังมีห้างดังอย่าง Terminal 21 และยังเป็นย่านของพนักงานออฟฟิศ เพราะมีออฟฟิศชื่อดังตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น เป็นบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่, ธนาคารเกียรตินาคิน, ธนาคารซิตี้แบงก์, สตาร์บัคส์ ประเทศไทย(สำนักงานใหญ่) และบริษัทสายการบินชั้นนำของโลกอย่าง Emirates Airline ซึ่งเมื่อมีปริมาณออฟฟิศที่มีเยอะ จึงทำให้ย่านอโศกนั้นมีพนักงานออฟฟิศที่ทำงานและอาศัยอยู่ที่นี่มีโดยประมาณแล้วมากถึง 31,000 คน และยังคาดการณ์โดยนักวิชาการว่าในอนาคตจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ทั้งนี้ที่เราได้กล่าวไปเรื่องของข้อมูลเหล่านี้ทำให้เห็นได้ว่ามีพนักงานออฟฟิศจำนวนมากที่จะได้รับผมกระทบจากสถานการณ์แบบนี้แน่กว่าสามหมื่นชีวิต เราจึงอยากนำเสนอเรื่องของสถานที่ในการให้พนักงานออฟฟิศได้เลือกซื้อของถูกของดีและได้กินของอร่อย อย่างตลาดรวมทรัพย์ และห้าง Terminal 21 ซึ่งในหนึ่งในสองสถานที่นี้มีของที่ถูกมาก ๆ จนไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถขายในราคาแบบนี้กับช่วงสถานการณ์แบบนี้ได้ โดยจะเป็นสถานที่ไหนขอเก็บเป็นความลับไว้ก่อน เพราะอยากให้ผู้อ่านได้อ่านบทความนี้ในทุก ๆ ช่วง โดยที่แรกที่เราจะนำเสนอก็คือ "ตลาดรวมทรัพย์" ตลาดรวมทรัพย์แห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นตลาดขวัญใจของพนักงานออฟฟิศและนักศึกษาในบริเวณนี้ ซึ่งนักศึกษาในที่นี้คือนักศึกษาของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ซึ่งสาเหตุที่ตลาดแห่งนี้เป็นที่นิยมก็เนื่องจากว่าเป็นตลาดที่มีพร้อมอาหารที่มีทั้งอาหารคาวหวาน และของใช้ เสื้อผ้า ที่ราคาถูก โดยตลาดรวมทรัพย์นี้จะตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับตึกแกรมมี่ โดยจะเปิดทำการทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 6 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม ซึ่งเมื่อผมได้เข้าไปสำรวจ จะพบว่าด้านในจะเป็นศูนย์อาหารของพ่อค้าที่มีเช่าที่ประจำขาย ส่วนรอบนอกของศูนย์อาหารก็จะเป็นร้านที่ขายอาหารและของต่าง ๆ เช่น ขนม น้ำ เสื้อผ้า รองเท้า กระดาษทิชชู่ เป็นต้น และราคาอาหารของศูนย์อาหารที่นี้เรียกได้ว่าเป็นราคามาตรฐาน เพราะเป็นราคาทั่ว ๆไปในร้านที่อยู่ในกรุงเทพฯ หรือก็คือไม่แพงมาก ราคาเหมาะสำหรับพนักงานออฟฟิศ อย่างเช่นจานนี้ที่ผมซื้อมาในราคา 40 บาท โดยราคานี้จะสามารถเลือกกับข้าวที่ราดข้าวได้ 2 อย่าง ผมจึงได้เลือกแกงปักใต้กับคอหมูย่างไป ซึ่งปริมาณก็ได้เยอะพอที่จะสามารถอิ่มได้โดยที่ไม่ต้องเพิ่มจานที่สอง และเมื่อเราอร่อยกับอาหารคาวกันแล้ว เราจึงไปหาเครื่องดื่มที่ช่วยไม่ฝืดคอ ซึ่งเมนูที่เราสั่งมาคือ น้ำแดงโซดา และน้ำแดงโซดาที่เราซื้อมาราคาก็ยังคงเรียกได้ว่าเป็นราคาที่ standard อยู่ เพราะมีราคา 25 บาท และของหวานที่ตลาดก็มีมากมายให้เลือกเช่นกัน แต่ผมเลือกที่จะซื้อซาลาเปาหวาน เพราะผมชอบเป็นพิเศษ ซึ่งสำหรับคนที่จะมาก็สามารถไปดูอย่างอื่น ๆ เพราะราคาก็ไม่ได้แพงเช่นกัน และเมื่อผมลองกินแล้วรู้สึกว่าอร่อยเหมือนสัมผัสแรกที่เคยกินตอนที่แม่ซื้อให้เมื่อตอนเด็กเลย เพราะมีทั้งความหวาน มัน และหอมมาก ๆ และราคายังเพียงแค่ 3 ลูก 10 บาท ซึ่งราคาก็ไม่ต่างจากร้านที่แม่ผมเคยซื้อให้สมัยเด็กเลย เรียกได้ว่ามาตลาดรวมทรัพย์แห่งนี้ไม่เพียงแค่มากินของอร่อยราคาถูก ๆ เท่านั้น ยังได้ความทรงจำสมัยเด็ก ๆ ไปด้วย นอกจากที่นี้จะมีของกินและของอร่อยแล้ว ยังมีร้านเสื้อผ้าทั้งหญิงและชาย ซึ่งเสื้อผ้าบางตัวหรือของบางอย่างเริ่มต้นเพียงแค่ 50 บาทเท่านั้น และสถานที่ต่อไปที่เราอยากนำเสนอก็คือ "Terminal 21" เพราะ Terminal 21 เป็นห้างใหญ่ที่เป็นที่นิยมของพนักงานออฟฟิศไม่แพ้ตลาดรวมทรัพย์ เพราะด้วยความที่เป็นห้างที่มีความหรูหรา ออกแบบเหมือนกับสนามบินที่กำลังบินไปในประเทศต่าง โดยที่แต่ละชั้นจะแบ่งเป็นประเทศ ประเทศไป และห้องน้ำของห้างแห่งนี้ยังเป็น signature ของห้างนี้เพราะว่านอกจากจะ design สวยแล้วห้องน้ำแต่ละชั้นยังมีการออกแบบที่ไม่เหมือนกันอีกด้วยเพราะแต่ละชั้นจะออกแบบตามประเทศของชั้นนั้น ๆ และนอกจากนั้นห้างนี้ยังสามารถเดินทางมาจากที่อื่นได้ง่าย เพราะมีทั้งสถานี MRT และ BTS ที่อยู่ติดกับห้าง เรียกได้ว่ามีการเดินทางที่ง่าย และยังเหมาะมาเดินเล่นมาก ๆ อีกด้วย แต่จุดประสงค์ของเราพามาในที่นี้ไม่ใช่เพราว่าห้างสวย แต่เราจะพาไปหาของถูกที่ไม่เหมือนจะลับแต่ก็ไม่ลับ นั้นก็คือ ศูนย์อาหารของห้าง Terminal 21 ซึ่งมีราคาที่ถูกมาก ๆ เรียกได้เป็นศูนย์อาหารที่อยู่ในห้างที่ถูกสุดในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ซึ่งสาเหตุที่ของราคาถูกแบบนี้เนื่องมาจากคุณ อนันต์ อัศวโภคิน หรือผู้ก่อตั้ง Terminal 21 ได้มีแนวคิดที่ว่า อยากให้อาหารราคาถูกเพื่อที่จะได้ดึงดูดคนเข้ามาที่ห้างแห่งนี้มาก ๆ เพราะปัจจัยหลักในการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคนนั้นคืออาหาร เพราะว่าจากสถิติในปี 2563 นั้น พบว่าผู้คนในประเทศไทยโดยเฉพาะในเมืองกรุง ใช้เงินไปกับการกินอาหารมากกว่า 51.6 เปอร์เซ็นของค่าแรงขั้นต่ำ หรือก็คือถ้าเราได้เงินค่าจ้างวันละ 100 เราก็จะเสียค่ากินไปแล้วถึง 51 บาท ซึ่งนี้ยังไม่รวมค่าเดินทาง ค่าที่อยู่ หรือค่าอื่น ๆ ปัญหาตรงจุดนี้จึงเป็นอีกปัญหาที่ตอกย้ำให้เห็นว่าเราควรเลือกซื้ออาหารการกินที่ราคาถูกลงเพื่อช่วยในการเซฟเงินของตนเอง เรื่องที่กล่าวไปให้อาจจะดูเป็นเรื่องเครียด เพื่อให้ช่วยคลายเครียดเราจึงได้ไปสั่งของอร่อย ๆ กินกัน และเมนูที่เราได้สั่งมาก็คือสเต็กปลาซาบะ ไม่น่าเชื่อว่าจะราคาเพียง 40 บาทกับการซื้อกินในห้าง ซึ่งถือว่าถูกมาก เพราะปกติถ้าซื้อที่อื่นน่าจะราคาไม่ต่ำกว่า 50-70 บาท และถ้ายิ่งไปกินในร้านอาหารญี่ปุ่นก็คงไม่ต่ำกว่าร้อยถึงสองร้อยแน่นอน เมื่อได้ลิ้มรสของเสต็กปลาซาบะ เรียกได้อร่อยจะรู้สึกได้กินอาหารญี่ปุ่นที่ร้านหรู ๆ เลยละครับ เพราะรสชาติไม่ต่างกันมากแต่ที่ต่างกันมีเพียงอย่างเดียวก็คือราคา และเมื่อลิ้มรสอาหารคาวเสร็จก็ต้องต่อด้วยเครื่องดื่มซึ่ง น้ำที่เราสั่งมาคือน้ำอัดลม ซึ่งน้ำอัดลมก็ยังอยู่ในคอนเซ็ปราคาถูกของห้างแห่งนี้เช่นกันเพราะ ราคาเพียง 15 บาทและแน่นอนว่ารสชาติก็คงไม่ต่างจากน้ำอัดลมทั่วไปแน่นอน แต่ในส่วนของ ของหวานราคาจะไม่ต่างจากตลาดรวมทรัพย์เลย เพราะจากที่เราไปซื้อขนมปังปิ้งเนยนมน้ำตาลจะมีราคาอยู่ที่ 20 บาท และเมื่อเราเอาราคาอาหารมารวมกันทั้งหมดก็จะมีราคาเพียง 75 บาทเท่านั้น และก็ถือว่าถือว่าคุ้มสุด ๆ เพราะว่าในราคาเพียงแค่ 75 บาท ได้กินทั้งอาหารญี่ปุ่นเครื่องดื่มและขนมปัง ทั้งนี้แล้ว โดยรวมและตลาดแห่งนี้ถือว่าเหมาะสมแก่การที่จะช่วยในการเซฟค่าอาหารหรือค่าของใช้อื่น ๆ พอสมควรเลยทีเดียว แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะกับพนักงานออฟฟิศทุกคนอย่างเต็มปาก เพราะว่าคำจำกัดความของความว่าแพงของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกันเพราะงบประมาณในชีวิตของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน เนื่องด้วยสถานที่ที่ทำงาน ตำแหน่ง และงานที่ตนเองทำ และสุดท้ายแล้วสำหรับคนที่จะมาอยู่หรือทำงานที่ไม่ได้เดือดเรื่องทางด้านการเงินเท่าไร ผมขอแนะนำให้มากินอาหารสองสถานที่นี้ เพราะจะช่วยประหยัดค่าจ่ายได้มาก คลิปวิดีโอ ภาพหน้าปกโดย : ผู้เขียน ภาพประกอบโดย : ผู้เขียน