วันนี้เราจะมารีวิวการต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานบริการผ่าน ระบบ e-Service ของกรมการขนส่งทางบก ที่ให้บริการมาแล้วหลายปี ซึ่งเราว่าสะดวกมากเหมาะกับคนที่ต้องทำงานในวันจันทร์ ถึงศุกร์ เพราะว่าไม่ต้องลางานไปนั่งต่อคิวรอใช้บริการที่สำนักงานขนส่งทางบก และในปัจจุบันนี้ผู้คนหันมาใช้บริการออนไลน์กันมากขึ้น รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่ติดต่อกับภาครัฐ การต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ก็เป็นหนึ่งในงานบริการที่มีการอัปเดตให้ใช้งานง่ายขึ้นรถยนต์ที่สามารถใช้บริการชำระภาษีรถยนต์ออนไลน์ได้ ต้องมีลักษณะดังนี้- เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลได้ทั้งแบบนั่งได้ไม่เกิน 7 คน และมากกว่า 7 คน, รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล และรถจักรยานยนต์- รถยนต์ต้องมีอายุไม่เกิน 7 ปี ซึ่งหากรถยนต์ของเราอายุมากกว่า 7 ปี ต้องไปตรวจสภาพรถที่ ตรอ. ก่อนแล้วต้องไปยื่นชำระภาษีที่สำนักงานขนส่ง- รถยนต์ต้องมีอายุไม่เกิน 5 ปี ซึ่งหากมากกว่า 5 ปี ต้องไปตรวจสภาพรถที่ ตรอ. ก่อนแล้วต้องไปยื่นชำระภาษีที่สำนักงานขนส่ง- ต้องไม่ค้างชำรถภาษีเกิน 1 ปี หากค้างเกิน 1 ปี ต้องไปตรวจสภาพรถ และชำระภาษีที่สำนักงานขนส่งทางบก- จ่ายภาษีรถล่วงหน้าได้ไม่เกิน 90 วัน - เป็นรถที่ไม่ใช้แก๊สทุกชนิด- เป็นรถที่จดทะเบียนในจังหวัดใดก็ได้ - สถานะรถต้องเป็น “ปกติ” เท่านั้น - รถที่ไม่ได้รับการยกเว้นภาษี/ ไม่ใช่รถของหน่วยงานราชการ - รถที่ไม่ถูกอายัด (อายัดโดยระบบงานของกรมการขนส่งทางบก)หากรถของเราจัดอยู่ในลักษณะข้างต้นก็สามารถยื่นชำระภาษีออนไลน์ได้เลย ซึ่งขั้นในการยื่นผ่านอินเตอร์เน็ต มีขั้นตอนดังนี้1. เว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th/esvapp/login.jsf 2. ลงทะเบียนเพื่อขอรับรหัสผ่าน โดยใช้เลขประจำตัวประชาชน3. เมื่อได้รหัสผ่านมาแล้วก็ Log-in เข้าสู่ระบบ 4. เลือกเมนูยื่นชำระภาษีรถยนต์ประจำปี 5. ใส่รายละเอียดเกี่ยวกับรถของเรา เพื่อลงทะเบียนรถ แล้วยื่นชำระภาษี 6. ใส่รายละเอียดเกี่ยวกับ พ.ร.บ. ในกรณีที่เราซื้อ พ.ร.บ. ไว้แล้ว หากเรายังไม่ได้ซื้อก็ สามารถซื้อพ.ร.บ. ได้ในจากระบบ 7. เลือกช่องทางการชำระเงิน โดยเราสามารถเลือก ชำระเงินผ่านอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง / บัตรเครดิต / บัตรเดบิต / พิมพ์ใบแจ้งชำระภาษีแล้วไปจ่ายที่ ATM หรือ แอปของธนาคาร (ได้บางธนาคาร) ถ้าเราจ่ายผ่านบัตรเครดิต จะมีค่าบริการเพิ่มนิดหน่อย8. เราสามารถตรวจสอบสถานะการการชำระเงิน รวมถึงหมายเลข EMS และเลขกรมธรรม์ ได้จากเมนู “ตรวจสอบผลการชำระภาษี/เปลี่ยนช่องทางชำระเงิน” โดยคลิกที่ปุ่มเครื่องหมายพิมพ์หลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ เราก็จะได้รับใบเสร็จรับเงินและป้ายแสดงการเสียภาษี รวมทั้งหากเราซื้อ พ.ร.บ. เราก็จะได้รับพร้อมกันทางไปรษณีย์ ตามที่อยู่จัดส่งเอกสารที่ให้ไว้ตอนลงทะเบียน ค่าบริการมีดังนี้- ค่าส่งเอกสารทางไปรษณีย์ ประมาณ 30 บาท - ค่าธรรมเนียมธนาคาร ถ้าจ่ายผ่านเคาน์เตอร์บริการ หรือหักบัญชีเงินฝาก รายการละ 20 บาท - ค่าธรรมเนียมการใช้บัตรเครดิต 2% บวก VAT 7% จากยอดรวม การเสียภาษีรถยนต์ออนไลน์ถือเป็นอีกหนึ่งบริการจากหน่วยงานของรัฐ ที่มีค่าใช้จ่ายไม่มากเมื่อเทียบกับความสะดวกที่เราได้รับและประหยัดเวลาไปได้มาก เข้ากับสถานการณ์ New-normal เป็นอย่างดี และข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือเราสามารถเข้าไปดูประวัติการเสียภาษีของเราได้ ข้อมูลจากเว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก https://eservice.dlt.go.th/esvapp/login.jsf