วันนี้เราจะมาแชร์ข่าวดีสำหรับลูกหนี้บัตรเครดิตและลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล หรือลูกหนี้รายย่อย ในเรื่องที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงค์ชาติได้ปรับลดเพดานดอกเบี้ยบัตรเครดิตลง เนื่องจากคำนึงถึงผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังคงส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องกับลูกหนี้บัตรเครดิตและลูกหนี้รายย่อย ที่ถึงแม้ว่าสถานการณ์การระบาดจะดีขึ้นแล้ว แต่สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังไม่ได้ดีขึ้น ทำให้ลูกหนี้หลายคนขาดสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องจากขาดรายได้หรือมีรายได้ลดลง ทำให้ต้องรักษาเงินสดไว้สำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพ แบงก์ชาติจึงได้ร่วมกับสถาบันการเงิน และผู้ให้บริการทางการเงินต่าง ๆ ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 เป็นระยะที่ 2 เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งมาตรการสำคัญคือการปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้กับลูกหนี้รายย่อย มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย จากสถานการณ์โควิด-19 ระยะที่ 2 : การลดเพดานดอกเบี้ยลง ร้อยละ 2 - 4 ต่อปี บัตรเครดิต ให้ลดเพดานดอกเบี้ย จาก 18% เหลือ 16% ต่อปี โดยให้ปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไป สินเชื่อส่วนบุคคล ที่ผ่อนชำระเป็นงวด หรือสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน ให้ปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อที่ทำสัญญาใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไป สินเชื่อส่วนบุคคลที่มีวงเงินหมุนเวียน เช่น บัตรกดเงินสด ลดเพดานดอกเบี้ย จาก 28% เหลือ 25% ต่อปี สินเชื่อส่วนบุคคลที่ที่ผ่อนชำระเป็นงวด ให้ปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ย จาก 28% เหลือ 25% ต่อปี สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน ให้ปรับลดเพดานดอกเบี้ย จาก 28% เหลือ 24% ต่อปี นอกจากนี้แล้วทางแบงค์ชาติยังมีมาตรการชั่วคราวอื่น ๆ ออกมาพร้อมกันด้วย คือ 1. เพิ่มวงเงินบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล หรือที่ผ่อนชำระเป็นงวด สำหรับลูกหนี้ที่มีความจำเป็นต้องใช้วงเงินเพิ่มเติม และมีประวัติดี ที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่า 30,000 บาท ให้ขยายวงเงินจากเดิม 1.5 เท่า เป็น 2 เท่าของรายได้เฉลี่ยต่อเดือนเป็นการชั่วคราว (มีผลตั้งแต่ 1 ส.ค. 2563 - 31 ธันวาคม 2564) 2. มาตรการขั้นต่ำเพิ่มเติมเพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยระยะที่ 2 ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และไม่เป็นหนี้ค้างชำระ ณ วันที่ 1 มีนาคม 2563 ให้ลูกหนี้สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือได้ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2563 3. การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ที่ให้คำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ เช่น โดยการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ เปลี่ยนสินเชื่อจากระยะสั้นเป็นระยะยาว เลื่อนการชำระค่างวด ลดดอกเบี้ย การคิดดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำกว่าอัตราตลาด และกรณีลูกหนี้ได้รับผลกระทบจนเป็นหนี้ค้างชำระ ก็ให้พิจารณาชะลอการยึดทรัพย์ รวมถึงมาตรการอื่น ๆ ที่แบงค์ชาติขอความร่วมมือจากสถาบันทางการเงินต่าง ๆ หวังว่าข่าวสารเรื่อง มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย จากสถานการณ์โควิด-19 ระยะที่ 2 จะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ที่มีบัตรเครดิต หรือเป็นลูกหนี้สถาบันทางการเงิน ที่จะได้วางแผนการใช้เงิน หรือได้ติดต่อทางสถาบันทางการเงินเพื่อขอผ่อนผัน หรือศึกษาเพิ่มเติมมาตรการต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับเพื่อน ๆ ต่อไปค่ะ ข้อมูลและภาพประกอบจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย ภาพปกจาก Pixabay